ความขัดแย้งของมวลมนุษย์นำพาไปสู่การเกิดสงครามโลกครั้งแล้วครั้งเล่า หนึ่งในสงครามที่ทุกคนจดจำไม่ลืมคือสงครามโลกครั้งที่ 2 หน่วยทหารทั้งฝ่ายอักษะและฝ่ายสัมพันธมิตรต่างต้องออกรบเพื่อนำพาชัยชนะและเกียรติยศมา ผู้คนหลายล้านคนต้องเสียชีวิตและสูญเสียอะไรหลายๆ อย่างไป แต่เมื่อกาลเวลาช่วงสงครามได้ผ่านพ้นไป ทุกคนใช้ชีวิตในปัจจุบันเพื่ออนาคตข้างหน้า ในขณะเดียวกันก็ยังมีคนที่คิดและติดพันอยู่ในอดีตอันเลวร้ายของสงครามจนทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข วันนี้ซามะมีหนังที่สร้างมาจากเรื่องจริงของทหารที่เคยเป็นเชลยสงครามในจังหวัดกาญจนบุรี และต้องพบเจอกับความทารุณ ความรุนแรง และความโหดร้ายยากจะลืม นั่นคือเรื่อง The Railway Man แค้นสะพานข้ามแม่น้ำแคว (2013) ใครชอบหนังแนวสงครามโลก ประวัติศาสตร์เรื่องนี้ก็ห้ามพลาดนะคะ ถ้าใครพร้อมแล้วก็เลื่อนนิ้วอ่านเลยค้าบ (การรีวิวนี้เป็นความเห็น และความรู้สึกส่วนตัวของซามะนะคะ ผิดพลาดประการใดขออภัยล่วงหน้าจ้า) ตัวอย่างคลิปตัวอย่าง The Railway Man [Official Trailer-HD]ขอบคุณคลิปจาก Youtube : Mongkol Major Mongkol Cinema เรื่องย่อ‘อีริค โลแมกซ์’ ทหารหนุ่มยศร้อยตรีอยู่หน่วยสื่อสารจากกองทัพของอังกฤษในประเทศสิงคโปร์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพสัมพันธมิตรยอมจำนนต่อญี่ปุ่น ทำให้โลแมกซ์และเหล่าทหารถูกกองทัพญี่ปุ่นจับตัวเพื่อไปเป็นเชลยศึกที่จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย เขานั้นถูกทรมานและถูกบังคับให้สร้างรถไฟสายมรณะร่วมกับเชลยสงครามคนอื่นเวลาผ่านไปจนมาถึงปัจจุบัน โลแมกซ์ได้พบรักกับ ‘แพทริเซีย’ และต่อมาก็ได้แต่งงานใช้ชีวิตร่วมกันเป็นสามีภรรยา ชีวิตอันหวานชื่นดำเนินต่อไปจนกระทั่งอดีตของโลแมกซ์ตามมาหลอกหลอนเขา เขามักจะฝันถึงความทุกข์ทรมานตอนที่เขาเป็นเชลยสงครามและอาการเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนแพตตี้ต้องไปขอคำปรึกษาจาก ‘ฟินเลย์’ เพื่อตามหาสาเหตุของปัญหาและหาทางช่วยสามีของเธอให้กลับมาเป็นปกติ โลแมกซ์เมื่อรู้ความจริงว่า ‘นากาเซะ’ ล่ามทหารผู้ที่เคยทรมานเขายังมีชีวิตอยู่และทำงานเป็นไกด์ที่จังหวัดกาญจนบุรี เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปที่นั่นเพื่อแก้แค้นให้สาสมกับสิ่งที่เขาเคยเผชิญ บันทึกชีวิตของอดีตทหารหน่วยสื่อสารThe Railway Man คือภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวจากหนังสือในชื่อเดียวกันของ ‘อีริค โลแมกซ์’ อดีตทหารหน่วยสื่อสารจากกองทัพบกบริติชที่เป็นเชลยสงครามในจังหวัดกาญจนบุรี และเป็นแรงงานทาสในการสร้างทางรถไฟสายมรณะให้กองทัพญี่ปุ่น เขาถูกทรมานด้วยความรุนแรงนับครั้งไม่ถ้วน และแม้ว่าสงครามจะได้สิ้นสุดไปแล้ว แต่โลแมกซ์ไม่สามารถปรับตัวกับชีวิตในฐานะพลเรือนได้จนถึงขนาดต้องเข้ารับการรักษาจากมูลนิธิการแพทย์เพื่อดูแลเหยื่อจากการทรมาน ในช่วงท้ายของชีวิตเขาได้พบกับ ‘ทาคาชิ นากาเซะ’ ล่ามทหารที่เคยทรมานเขา ทั้งสองได้คืนดีและกลายเป็นเพื่อนรักกัน โลแมกซ์เสียชีวิตด้วยวัย 93 ปีโดยมีแพตตี้อยู่เคียงข้าง บาดแผลทางใจและฝันร้ายของทหารในสงครามในสถานการณ์ที่ฝ่ายตัวเองเป็นรองในสงคราม ต้องเป็นแรงงานทาสที่ถูกกดขี่บังคับอย่างไร้มนุษยธรรม และเป็นเหยื่อของการทรมาณที่โหดเหี้ยมทารุณเกินจะบรรยาย บาดแผลทางกายนั้นรักษาให้หายเจ็บได้ แต่สภาพจิตใจที่เจ็บปวดสาหัสจะอยู่กับเราตลอดไป ซึ่งสภาวะเหล่านี้ก็ได้เกิดขึ้นกับโลแมกซ์ และทหารคนอื่นๆ ที่ต้องมีชีวิตต่อไปหลังสงครามในขณะที่ความทรงจำเลวร้ายก็ตามมาหลอกหลอนอยู่ตลอด ต้องพบเจอกับฝันร้ายในอดีตอันเป็นผลกระทบมาจากสงคราม แล้วถ้าไม่สามารถปรับตัวได้บางคนก็เลือกที่จะจบชีวิตตนเอง ทำให้เห็นเลยว่าสงครามไม่เคยก่อผลดีกับใครเลย มีแต่จะทำลายและสร้างความเสียหายต่อประชาชนและต่อประเทศ โดยเฉพาะทหารที่ต้องไปเสียชีวิตในต่างแดนเพราะความขัดแย้งของมนุษย์ โลแมกซ์ - นากาเซะ จากศัตรูสู่มิตรภาพด้วยการให้อภัย (Spoiler Alert!) หลังจากที่ฟินเลย์ได้ฆ่าตัวตายเพื่อบอกให้โลแมกซ์ช่วยชำระแค้นแทนเขาด้วย ซึ่งสิ่งนี้ทำให้โลแมกซ์ตัดสินใจเดินทางไปที่กาญจนบุรีเพื่อสะสางความแค้นให้หมดไป หลังจากที่เขาได้เจอกับนากาเซะที่ปัจจุบันได้ทำงานเป็นไกด์เพื่อความปรองดองและให้ตระหนักถึงโศกนาฎกรรมที่เคยเกิดขึ้น เขาก็รับรู้ได้ว่าทุกคนต่างก็เจ็บปวดที่ยากที่จะเชื่อว่ามนุษย์เราสามารถทำร้ายมนุษย์กันเองได้มากถึงเพียงนี้ ทุกคนต้องพบเจอกับความสูญเสียและความทุกข์มากมาย และไม่มีใครอยากจะนึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้นเลยสักนิด โลแมกซ์จึงไว้ชีวิตของนากาเซะ เขานั้นไม่ลืมความโหดร้ายของสงครามแต่เขานั้นก็ได้ให้อภัยและยกโทษให้กับนากาเซะแล้ว รีวิวจากซามะในทุกช่วงของหนังมีฉากความรุนแรงอยู่เยอะ แต่ในตอนท้ายเรื่องที่ถ่ายทอดออกมาให้มีความแตกต่าง ทำให้คนดูรับรู้ความรู้สึกที่ทั้งแค้นและเจ็บปวดของโลแมกซ์ซึ่งจะสร้างความตึงเครียดให้กับคนดูอย่างเรา ฉากแฟลชแบ็คบอกให้เรารู้ถึงความหลงใหลในรถไฟของโลแมกซ์ที่จะมาเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์และคาดคะเนเส้นทางจนทำให้เกิดไอเดียที่จะประดิษฐ์วิทยุเอาไว้ฟังสถานการณ์สงคราม เห็นถึงความเสียสละและการปกป้องเพื่อนของตัวเอง และเราว่าหนังเรื่องนี้เล่าได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล ทำให้เข้าใจถึงความหวาดกลัวและความทุกข์ทรมานที่โลแมกซ์ ‘เคย’ และ ‘กำลังเผชิญ’ ทั้งหมดนี้จะออกมาดีไม่ได้เลยถ้าไม่ได้นักแสดงที่สวมบทบาทโลแมกซ์อย่าง โคลิน เฟิร์ธ (โลแมกซ์วัยเกษียณ) และ เจเรมี เออร์ไวน์ (โลแมกซ์วัยหนุ่ม) ที่ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกให้คนดูเข้าถึงตัวละครได้ เข้าไปอยู่ในความคิดและการตัดสินใจที่จะเลือกทำหรือไม่ทำ ที่ขาดไม่ได้คือแก่นของหนังเรื่องนี้ที่ไม่ได้ชี้ว่าใครเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะ แต่แสดงถึงผลจากสงครามที่ลดทอนความเป็นมนุษย์และบั่นทอนจิตใจเพื่อศักดิ์ศรีและชัยชนะคอหนังสงครามไม่ควรพลาด สายประวัติศาสตร์ไม่ควรเมินกับหนังเรื่อง The Railway Man แค้นสะพานข้ามแม่น้ำแคว (2013) ที่รวบรวมนักแสดงดีกรีออสการ์ และความทุ่มเทของผู้กำกับที่ยกกองมาถ่ายที่กาญจนบุรี ประเทศไทยเพื่อความสมจริงด้านประวัติศาสตร์ และเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงสงครามว่าไม่เคยพาเราไปพบกับความสุขเลยสักนิด ขอบคุณทุกคนที่อ่านบทความจนจบ (กราบงามๆ ค่ะ) เรื่องต่อไปซามะจะรีวิวอะไรต้องรอติดตามเท่านั้น! ทุกคนสามารถอ่านบทความอื่นๆ โดยคลิ๊กชื่อ ซามะ และลิงก์ด้านล่างที่ซามะจัดไว้ให้นะคะ สำหรบวันนี้ลาไปก่อน สวัสดีค่าบทความอื่นๆ:มูฟวี่รีวิว :: Miss Hokusai ปลายพู่กันและตะเกียบจารึกประวัติศาสตร์ (2015) ยอดจิตรกรหญิงแห่งเอโดะมูฟวี่รีวิว :: 3 Idiots (2009) ภาพยนตร์เบาสมองปนฮา เสียดสีระบบการศึกษาได้อย่างเจ็บแสบอนิเมะรีวิว :: GTO (Great Teacher Onizuka) คุณครูพันธุ์หายาก (1999) อดีตนักเลงแก๊งมอเตอร์ไซค์ สู่การเป็นครูผู้แก้ปมในใจเหล่านักเรียนแชร์ Trick :: HOW TO เรียนภาษาอังกฤษจากหนัง/ซีรีส์เครดิตรูปภาพภาพปก : Canva จาก ผู้เขียน (ซามะ) I ภาพประกอบโดย Facebook: MONGKOL MAJOR (1) (2)ภาพที่ 1, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 จาก Facebook: MONGKOL MAJORภาพที่ 2 จาก Facebook: MONOMAX เครดิตคลิปคลิปตัวอย่าง The Railway Man [Official Trailer-HD] จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !