*ภาพทั้งหมดโดย ฝนทอง ทอสายศิลป์“เกษตรกรดีเด่นผู้ใฝ่รู้จากการศึกษานอกระบบและพัฒนาต่อยอดการเรียนรู้ของตนเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาสร้างงานเกษตรผสมผสาน บ้านไร่ ชายน้ำ ฟาร์มนก เป็นศูนย์การเรียนรู้ที่สร้างอาชีพ ทั้งการเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืชน้อยใหญ่ เพาะเห็ด และทำปุ๋ยธรรมชาติ ส่งเสริมการค้าออนไลน์ เพื่อเป็นต้นแบบแก่ชุมชนให้เป็นเกษตรกรมืออาชีพอย่างแท้จริง”นายมโนธรรม ชูแสง หรือ “ต้น” เกิดเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2517 อายุ 44 ปี ที่อยู่ปัจจุบัน ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง บ้านไร่ ชายน้ำ ฟาร์มนก เลขที่ 40/8 หมู่ที่ 15 ตำบลปากแพรก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี โทรศัพท์ 085-0688709นายมโนธรรม เกิดมาในครอบครัวเกษตรกร เป็นบุตรลำดับที่ 7 ของพ่อแม่จากจำนวนบุตรทั้งสิ้น 8 คน ด้วยวิถีของลูกชาวนาชาวสวน เขาจึงจบการศึกษาในระบบ เพียงประถมศึกษาปีที่ 6 เหมือนกับพี่น้องทุกคน แต่ความรักที่จะเล่าเรียนทั้งการศึกษาพื้นฐาน และการเรียนรู้ในสิ่งที่สนใจไม่ได้จบไปพร้อมกับการเดินออกจากรั้วโรงเรียนในวันนั้น มโนธรรม ได้มีโอกาสรู้จักกับการศึกษานอกโรงเรียน หรือ กศน.เป็นครั้งแรก ด้วยความเอื้ออาทรของ อ.บุญมา ครูอาสาฯ แห่ง กศน.อำเภอดอนสัก ผู้ให้โอกาสดึงเข้าสู่การเรียน กศน.ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งทำให้มโนธรรม ได้ต่อเติมความฝัน และยังต่อยอดการเรียนรู้อีกมากมายแบบไม่มีวันจบสิ้น ช่วงชีวิตที่ก้าวผ่าน เขาเก็บประสบการณ์เป็นการเรียนรู้ได้มากมาย แม้แต่ช่วงเวลาที่เขาต้องเดินทางมาเป็นทหารเกณฑ์ในจังหวัดราชบุรี เป็นระยะเวลาสองปีเต็ม เก็บเกี่ยวทุกเม็ดประสบการณ์ ควบคู่กับการเรียนระดับมัธยมศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย กับ กศน. จังหวัดราชบุรี และทุกการเรียนรู้ เขาสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริงจนน่าทึ่ง... ด้วยวัยเพียง 45 ปี แต่กลับมากด้วยประสบการณ์ด้านการเกษตรที่ยาวนานกว่า 20 ปีของเขา ทำให้เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับองค์ความรู้ที่เขามี นั่นคือ “เกษตรผสมผสาน” ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงพระราชทานให้แก่พสกนิกรอันเป็นที่รักของพระองค์ ผลงานดีเด่น ที่เห็นเป็นเชิงประจักษ์ ได้แก่ รางวัลเกษตรดีเด่น อันดับ 1 สาขาไร่นาสวนผสมระดับจังหวัด ปี 2560 ผู้กระทำกิจกรรมดีเด่น ด้านเกษตรกรรม ระดับจังหวัด และรางวัลอันดับที่ 2 ของภาคใต้ มโนธรรม เริ่มทำการเกษตรมาตั้งแต่ปี 2534 โดยเริ่มจากการเป็นยุวเกษตรกรดีเด่น ต่อมาปี 2545 ได้รับการคัดเลือกให้เข้าอบรมการเพาะเห็ดนางฟ้าที่ศูนย์รวมสวนเห็ดบ้านอรัญญิก ที่จังหวัดนครปฐม เป็นระยะเวลา 3 เดือนจนมีความรู้ความชำนาญเรื่องการทำเห็ดนางฟ้าแบบครบวงจร แล้วนำมาปรับใช้กับชีวิตจริงในพื้นที่ของตัวเองจนเกิดความชำนาญ และได้เล็งเห็นว่าการเพาะเห็ดสามารถมาเป็นอาชีพเสริมให้แก่เกษตรกรในชุมชน เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรในชุมชนมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้น ลดการว่างงานพร้อมกับทำเกษตรไร่นาสวนผสมควบคู่ไปด้วยได้ หลังจากนั้น ในปี 2550 เขาได้เกิดแนวความคิดการปลูกไผ่เลี้ยง ไผ่ตง เพื่อใช้ประโยชน์ในส่วนต่างๆ เช่นการนำลำต้นทำโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ หน่อนำไปใช้ในการบริโภคและจำหน่าย ใบใช้ในการทำปุ๋ย แบ่งเพื่อนบ้านใช้สอยและอนุรักษ์ไผ่พื้นบ้านให้ยังคงอยู่ เช่นไผ่เกรียบ ไผ่ศรีสุข เป็นต้น และในปี 2557 -2559 เมื่อได้รับทราบถึงโครงการในพระราชดำริฯ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้นำกุ้งก้ามแดงส่งเสริมชาวเขาเพื่อเป็นอาหาร ต่อมาได้มีกลุ่มเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามแดงทำเป็นอาชีพเสริมประสบความสำเสร็จ จึงมีความสนใจและตั้งใจนำมาทำเป็นอาชีพเสริมของตัวเองและครอบครัวและตั้งกลุ่มผู้เพาะเลี้ยงในชุมชน เพื่อสร้างรายได้เสริมให้แก่สมาชิก ทำเกษตรผสมผสานอย่างต่อเนื่อง มาจนถึงปัจจุบัน เป็นเหตุให้ได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่น ลำดับที่ 1 สาขาอาชีพไร่นาสวนผสม ประจำปี 2560 ระดับจังหวัด โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปัจจุบัน เขาเป็นทั้งวิทยากรบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรและการใช้ชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน ถ่ายทอดความรู้ โดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มุ่งเน้นการลดค่าใช้จ่ายและให้ชุมชนมีส่วนร่วม ใช้พื้นที่บ้านเป็นฐานการเรียนรู้ให้แก่คนในชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนหน่วยงานสถานศึกษาต่างๆ อาทิ กศน. อำเภอดอนสัก จัดอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนทั้งในพื้นที่อำเภอดอนสัก และในพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมถึงจังหวัดอื่นๆ ที่มาอบรมดูงานแหล่งเรียนรู้ ภายใต้บทบาทของศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ประจำตำบลอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวศูนย์เรียนรู้ทางการเกษตร ชื่อ “บ้านไร่ ชายน้ำ ฟาร์มนก” ศูนย์เรียนรู้ทางการเกษตร “บ้านไร่ ชายน้ำ ฟาร์มนก” ของคุณมโนธรรม ทำเกษตรผสมผสานโดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วยการทำแปลงเกษตรกรแบบผสมผสาน โดยมีการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ประมง ในพื้นที่การทำเกษตรทั้งหมด 28 ไร่ โดยดำเนินการแบ่งเป็นส่วนย่อยๆ 5 ส่วน ส่วนที่ 1 ใช้เป็นที่พักอาศัยของตนเองและครอบครัว ที่พักอาศัยของผู้ที่มาอบรมและฝึกงาน โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ โรงเรือนสัตว์ปีก (นกสวยงาม) โรงเรือนเพาะลูกพันธุ์สัตว์น้ำ โรงเรือนเพาะชำต้นกล้าและไม้ตัดดอก (หน้าวัว) และที่เก็บอุปกรณ์ จำนวน 2 ไร่ ส่วนที่ 2 พื้นที่จำนวน 5 ไร่ กิจกรรมการเลี้ยงกุ้งก้ามแดงเนื้อ จำนวน 18 บ่อ และพื้นที่บ่อกักเก็บน้ำเพื่อทำการเกษตร 4 บ่อ โดยพื้นที่บนคันดินรอบบ่อปลูกหญ้าแฝก หญ้าเนเปียร์ เพื่อลดการพังทลายหน้าดินและเป็นอาหารสัตว์ พื้นที่บนคันดินรอบนอกใช้ในการปลูกพืชผักสวนครัว บ่อใช้เลี้ยงปลาตามธรรมชาติเพื่อการบริโภคในครัวเรือน เมื่อเหลือจากการบริโภคแล้วจึงนำไปจำหน่ายในชุมชน*ภาพทั้งหมดโดย ฝนทอง ทอสายศิลป์ ส่วนที่ 3 เนื้อที่ 17 ไร่ แบ่งเป็นแปลงยางพารา อายุ 15 ปีเป็นพืชหลัก และแปลงยางพาราอายุ 2 ปี โดยปลูกข้าวไร่เป็นพืชแซมในยางพารา และเลี้ยงแพะเพื่อช่วยกำจัดพืชในแปลงยางพารา เพื่อนำมูลมาใช้เป็นปุ๋ยต่อไป ส่วนที่ 4 เป็นแปลงไร่นาสวนผสม จำนวน 8 ไร่ แยกเป็น 2 พื้นที่ 3 ไร่แรก ปลูกทุเรียน มะพร้าว สะตอ มะพร้าวน้ำหอม มะนาว ฝรั่ง สับปะรด กล้วยหอม พืชผักสวนครัว ได้แก่ ผักหวาน ผักกูด ชะอม ผักชีฝรั่ง บวบ มะขามกินยอด มะม่วงหิมพานต์เก็บยอด ขิง ข่า ตะใคร ใบมะกรูด และปาล์มน้ำมัน ที่เหลืออีก 5 ไร่ ปลูกพืชชนิดต่างๆ แซมในสวนยางพารา ขนาดเล็ก ได้แก่ ต้นไผ่ และกล้วยหอม ส่วนที่ 5 ใช้เป็นศูนย์รวบรวมและจำหน่ายสินค้าทางการเกษตร ร้านค้าจำหน่าย ผลผลิตภายในฟาร์มและของเกษตรกรในชุมชน เพื่อเป็นการส่งเสริมการตลาดในชุมชน เป็นช่องการทางจำหน่ายและเพิ่มมูลค่าสินค้าทางการเกษตรในชุมชน โดยสรุป ในพื้นที่ 28 ไร่ ของคุณมโนธรรมจะมีทั้งการปลูกพืช ที่มีพืชหลักคือยางพารา ในสวนยางพารามีการปลูกผักกินใบเช่น ผักเหรียง ไผ่ และมีการเลี้ยงสัตว์ ในสวนยางพารา เช่น นกกระทา ไก่พื้นเมือง ไก่ไข่ หมู เพื่อเป็นรายได้เสริม มูลสัตว์ที่ได้นำมาทำปุ๋ยหลัก และเลี้ยงไส้เดือน มีการขุดสระน้ำ เพื่อใช้ในการเกษตรและเลี้ยงปลา เป็นอาหารและจำหน่าย เป็นการลดรายได้ในครัวเรือน มีการเพาะเห็ดนางฟ้า เพื่อให้มีรายได้ประจำวัน ก้อนเห็นที่หมดอายุสามารถนำมาเป็นปุ๋ยหมักร่วมกับมูลสัตว์ได้ จำหน่ายเป็นปุ๋ยหมัก และใช้เอง เป็นการลดการใช้ปุ๋ยสารเคมี ในด้านของแปลงปลูกปาล์ม มีการปลูกพืชเสริมในแปลงด้วย เช่น ฝรั่ง ข่า ผักหลวาน สับปะรด กล้วย มะนาว กาแฟ หม่อนเบอรี่เพื่อเพิ่มมูลให้แก่พืชที่สวนปาล์ม อีกส่วนหนึ่งปลูกไม้ยืนต้น เช่น สัก ตะเคียน มะฮ๊อกกานี ประดู่ จำปา ไม้แดง พะยูง สะเดา ขี้เหล็ก และแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่ง ปลูกหญ้าเนเปียร์ เพื่อใช้ในการทำปุ๋ยหมัก และอาหารสัตว์ โดยในแปลงหญ้าเนเปียร์ ปลูกเสริมด้วยมะม่วงหิมพานต์ มะตูมแขก เสาวรส และเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรผสมผสาน แนวทฤษฎีใหม่ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพองเพียง มีกลุ่มผู้สนใจ หน่วยงานต่างๆ สถานที่ศึกษาได้เขามาเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตัวของคุณมโนธรรมเอง ก็ถ่ายทอดองค์ ความรู้ทุกอย่างที่มีด้วยความเต็มใจและภูมิใจ *ภาพทั้งหมดโดย ฝนทอง ทอสายศิลป์ จากความคิดริเริ่มในการทำเกษตรแบบไร่นาสวนผสมของคุณมโนธรรม วางแผนจากการปรับพื้นที่ สวนยางที่หมดอายุ และวางแผนในการทำเกษตรจัดสรรพื้นที่แบบไร่นาสวนผสมโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง พออยู่ พอกิน พอใช้ เช่นการปลูกผัก ผลไม้ การเลี้ยงนก การเลี้ยงปลา การเลี้ยงกุ้งก้ามแดง การทำปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายในครัวเรือน สามารถหมุนเวียนการใช้ทรัพยากรในไร่นาสร้างธรรมชาติระบบนิเวศที่ดี มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้วยการระเบิดจากข้างใน ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ไม่บุ่มบ่าม พิจารณาทุกด้านอย่างรอบคอบบนทุนที่มี ไม่เน้นกู้หนี้ยืมสิน วิเคราะห์ความต้องการที่แท้จริงของตนเอง และทดลองทำจากเล็กไปใหญ่ เพื่อหาค้นหาใจตนเองให้พบ ในด้านการส่งเสริมการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ของคุณมโนธรรม ที่เป็นผลเชิงประจักษ์ ให้สำนักงาน กศน.จังหวัดสุราษฎร์ธานี และ สกสค.สุราษฎร์ธานี มีความเห็นพ้องต้องกันว่าควรเสนอชื่อเข้ารับการคัดเลือกผู้มีผลงานดีเด่น สาขาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย มูลนิธิสมาน-คุณหญิงเบญจา แสงมลิ คือความเป็นภูมิปัญญาที่มีวิถีชีวิตสอดคล้องกับหลักปรัชญาคิดเป็น ของ ดร.โกวิท วรพิพัฒน์ โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของพ่อหลวง มาเป็นธงนำทางในการดำเนินชีวิต และแบ่งปันองค์ความรู้แก่ผู้อื่นด้วย เริ่มตั้งแต่การเปิดอบรมให้แก่เยาวชนที่มีความสนใจในการทำเกษตรและผู้สนใจ การรวมกลุ่มผู้เลี้ยงไก่ไข่อารมณ์ดี เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่สมาชิก และได้บริโภคไข่ปลอดภัย จัดตั้งกลุ่มพันธ์ไม้เพื่อเยาวชน-ส่งเสริมให้มีการเพาะเลี้ยงเห็ดนางฟ้าให้กับกลุ่มผู้สนใจและโรงเรียนในชุมชน เพื่อนเป็นอาชีพเสริม โดยมี กศน. อำเภอดอนสัก คอยให้การสนับสนุนในเชิงกระบวนการ จัดกิจกรรมโครงการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยนำกลุ่มเป้าหมายมาอบรมและให้เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมอบรมศึกษาหาความรู้ โดยไม่รบกวนงบประมาณในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ฝึกจากหน่วยงานภาครัฐ เพราะมีแนวคิดว่าพึ่งพาตนเองให้ได้ ผลที่ได้จึงมีคุณค่า นอกจากนี้ ยังพัฒนาตนเองและคนในชุมชนอย่างไม่หยุดยั้ง โดยสนับสนุนให้เข้าร่วมโครงการอบรม การค้าออนไลน์ดิจิทัลชุมชน เพื่อพัฒนาตนเองในการหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ เข้าร่วมโครงการอบรม Smart ONIE เพื่อสร้าง Master Trainner เพื่อพัฒนาตนเองในการเป็นต้นแบบของวิทยากรถ่ายทอด องค์ความรู้ด้านเกษตรกรมืออาชีพ คุณมโนธรรม ใช้วิธีปลูกฝังการเรียนรู้ด้านการทำเกษตรในเชิงบริหารจัดการ และทักษะและเทคนิคการถ่ายทอดองค์ความรู้ ให้แก่บุคลากรที่จะทำหน้าที่พี่เลี้ยงประจำฐานการเรียนรู้ มีการจัดการวางแผนการทำเกษตรแบบยั่งยืน โดยใช้พื้นที่เต็มรูปแบบ นำวัฒนธรรมเข้ามาใช้ในการทำการเกษตร การรู้จักต่อยอดเกษตรวางแผนการผลิต การตลาด และแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร จุดเด่นในการถ่ายทอดความรู้ การเรียนรู้ตลอดชีวิตแก่กลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาเรียนรู้ ณ ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ คือ ปลูกฝังให้มีการปลูกต้นไม้ ด้วยสโลแกนที่ว่า “คิดอะไรไม่ถูก ปลูกวันละสิบต้น” ให้ผู้เรียนรู้ที่ยังหาความสนใจและความถนัดของตัวเองไม่พบ ได้มีกิจกรรมที่จะทำให้ค้นพบตนเองได้ในที่สุด นอกจากนี้ คุณมโนธรรม ยังทำหน้าที่รวบรวมพันธุ์ไม้และนำมาแบ่งปันแลกเปลี่ยนในกลุ่มสมาชิก และเป็นจุดรวบรวมผลผลิตของสมาชิกเพื่อจำหน่ายโดยแบ่งรายได้อย่างเป็นธรรม มิใช่ “นายหน้าขายของ” ที่หวังแต่จะรับแต่ผลกำไรเป็นเป้าหมายหลัก เพราะเป้าหมายของคุณมโนธรรม และทีมงาน คือ “ความสุขจากความพอเพียง” อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจในการเป็นนักเรียนรู้ของเกษตรกรที่ชื่อ “มโนธรรม” คือ ความพยายามที่จะเรียนรู้ในเรื่องการก่อสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัย โดยไปสมัครเป็นกรรมกรก่อสร้างในต่างตำบล รับค่าแรงเพียงน้อยนิด เรียนรู้จากการทำงานกรรมกรก่อสร้างอยู่ถึงสองปีเต็ม เพื่อให้รู้ทุกขั้นตอนของการสร้างบ้าน จนสามารถสร้างบ้านที่สวยงามน่าอยู่ให้ตนเองและครอบครัว พี่น้องและบุพการีได้อยู่อาศัยคนละ 1 หลัง อย่างมีความสุข นี่คือผลสำเร็จของการเรียนรู้ตลอดเวลาของเขา ในการดำเนินงานของคุณมโนธรรม อบอุ่นด้วยภาคีเครือข่ายที่เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่ง กศน. ได้จัดให้ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ เป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงประจำตำบลปากแพรก โดยมีการนำกลุ่มผู้สนใจและนักศึกษา เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง งานเกษตรอำเภอดอนสัก จัดตั้งเป็นศูนย์เครือข่ายตำบลปากแพรก (ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร) ประมงอำเภอดอนสัก คัดเลือกให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในปี 2561 ผลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องของการทำงานเพื่อส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย คือ มีผู้สนใจติดต่อเข้ามาศึกษาดูงานไม่ขาดระยะ มีการเปิดอบรม เรียนรู้ ด้านการทำเกษตรผสมผสานและการดำเนินชีวิตแบบพอเพียงอย่างต่อเนื่อง มีนักท่องเที่ยงเข้ามาเรียนรู้ แนวคิดในการปลูกฝังให้มีการปลูกต้นไม้ การรวบรวมพันธุ์ไม้และนำมาแบ่งปันแลกเปลี่ยนในกลุ่มสมาชิก และการเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมผลผลิตของสมาชิกเพื่อจำหน่าย โดยตั้งเป้าหมายและแนวทางการขยายผลกำดำเนินงานดังที่กล่าวมาทั้งหมดให้พัฒนาต่อเนื่อง และมุ่งหวังว่าจะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแบบฟาร์มสเตย์ การฝึกใช้ชีวิตแบบพอเพียง และพัฒนาตนเองครอบครัวและชุมชนโดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ต่อไป ดร.ทองอยู่ แก้วไทรฮะ ที่ปรึกษาคณะกรรมการสรรหาผู้มีผลงานดีเด่น สาขาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย มูลนิธิสมาน-คุณหญิงเบญจา แสงมลิ กล่าวถึงความคู่ควรในการได้รับการคัดเลือกของนายมโนธรรม ชูแสง ว่า สิ่งที่โดดเด่นจนทำให้ต้องตัดสินใจเลือกในครั้งนี้ มี 4 ประเด็นหลัก ประเด็นแรก คือ การเป็นคนสู้ชีวิต เก็บเกี่ยวการเรียนรู้ในทุกช่วงชีวิตมาใช้ประโยชน์ โดยมุ่งเน้นการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ เฉกเช่นเดียวกับองค์กร กศน.ที่ทำงานเพื่อประโยชน์และโอกาสทางการศึกษาของประชาชน เช่นเดียวกัน ประเด็นต่อมา คือ การน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักนำวิถีชีวิต รวมถึงเกษตรทฤษฎีใหม่ เพราะว่าถ้ายิ่งเราเป็นคนยากจน เรายิ่งต้องใช้ทุนให้น้อย ทุกกระบวนการของศูนย์เรียนรู้แห่งนี้อยู่ในกรอบของความพอเพียง ทำเพื่อพัฒนาความคิด และเน้นให้คนที่มาเรียนรู้กลับไปทดลองทำเองที่บ้าน ช่วยแก้ปัญหาชีวิตด้วยวิถีแห่งความพอเพียง ประเด็นที่สาม คุณมโนธรรมใช้แนวคิดตามหลักปรัชญา “คิดเป็น” คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาได้ ระเบิดจากข้างใน คนที่มาเรียนรู้ที่ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ จะต้องมีการพูดคุยกันก่อน เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลตนเอง ข้อมูลทางสังคม แล้วแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน รวมถึงให้ข้อมูลเพิ่มเติม จากนั้นจึงให้ผู้เรียนรู้เป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะเลือกฐานเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องอะไร โดยให้ลงมือปฏิบัติจริง โดยมีครูพี่เลี้ยงดูแลในแต่ละฐาน ผลที่ได้อาจไม่ใหญ่โตนัก มีการต่อยอดด้วยการจัดทำศูนย์รับฝากขายผลผลิต สอนการตลาดให้รู้จักวิธีการขาย การตลาด การทำบัญชีต่างๆ ไม่ใช่ในฐานะ “พ่อค้าคนกลาง” แต่ในฐานะ “เพื่อนสมาชิก” เน้นให้ช่วยเหลือตนเองในครอบครัวให้ได้ก่อน แล้วจึงก้าวต่อไปอย่างมั่นคง ประเด็นสุดท้าย เป็นการทำงานเกษตรผสมผสานโดยอิงกฎของธรรมชาติ ไม่เบียดเบียนธรรมชาติ ซึ่งเหล่านี้มาจากการเรียนรู้จากการทำงานที่ต้องอยู่กับธรรมชาติ เข้าใจธรรมชาติ และไม่ฝ่าฝืนธรรมชาติ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้านต้องพึ่งพาอาศัยกันเป็นวงจร เป็นวัฏจักร ผลลัพท์ที่เรามองเห็นจากการทำงานของคุณมโนธรรมคือการบริหารจัดการชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในการทำการเกษตรผสมผสาน แต่สิ่งที่เรามองลึกลงไปอีกคือการให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ของเขา ซึ่งคู่ควรกับคำว่า “ภูมิปัญญา ด้านการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย” เป็นอย่างยิ่ง