ดอยม่อนจองเปิดแล้ว… เลยอยากมาชวนเพื่อนๆไปเดินเขาที่ม่อนจองกันค่ะ"ม่อนจอง" เป็นภาษาคำเมือง โดย คำว่า ม่อน หมายถึง ดอยหรือเนินเขา ส่วนคำว่า จอง หมายถึง ลักษณะจั่ว สามเหลี่ยมที่อยู่สูงที่สุด ดอยม่อนจองนี้เป็นดอยสูงอยู่ที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และยังถือว่าเป็น 1 ใน 10 ของยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย โดยจุดสูงสุดของดอยม่อนจองมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,929 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เรียกว่าผาหัวสิงห์ ที่สำคัญดอยม่อนจองยังเป็นที่รู้จักกันดี ในนาม "ทุ่งหญ้าสีทอง" นอกจากวิวที่สวยอลังการแล้ว เขาว่ากันว่า ดอยม่อนจองแห่งนี้ยังเหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากลองเริ่มต้นเดินป่า เพราะเดินได้เรื่อยๆ ไม่ยากมาก และไม่เหนื่อยจนเกินไป วิธีการที่ง่ายที่สุดและสบายที่ในการเตรียมตัว คือจองทัวร์ และจ่ายเงิน ทางทัวร์จะดำเนินการทุกอย่างให้เราเองรายละเอียดการจองทัวร์ก่อนอื่นเราต้องเลือกทัวร์ที่จะไปก่อน ราคาคือมีหลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับงบของแต่ละคนเราเลือกทัวร์ราคาประมาณ 3,xxx บาท ได้อะไรบ้างรถตู้ไป-กลับ กรุงเทพฯรถโฟวิลไป-กลับ (หมู่บ้าน-จุดเริ่มเดิน)อาหาร 4 มื้อน้ำดื่ม 2 ขวด และ น้ำกรองบนดอยค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน/ค่ากางเต็นท์ค่าเอกสารและการดำเนินเรื่องการจองค่าจัดการขยะค่าลูกหาบของส่วนกลาง (พวกอุปกรณ์ตั้งแคมป์, เสบียง และอื่นๆ)ค่าประกันอุบัติเหตุตามกรมธรรม์ค่าสต๊าฟดูแล และทำอาหารตลอดทริป* สำหรับค่าอุปการณ์เต็นท์นอน, ถุงนอนและลูกหาบ อันนี้เป็นค่าใช้จ่ายแยก แล้วแต่บุคคลว่าจะเตรียมไปเอง หรือเช่ากับทางทัวร์ก็ได้สิ่งที่ต้องใช้ในการจองรายละเอียดของตัวเรา ได้แก่ชื่อนามสกุล เบอร์ติดต่อใบรับรองการได้รับวัคซีนโควิด 19รูปบัตรประชาชน (เพื่อนๆอย่าลืมเซ็นต์สำเนาถูกต้องด้วยนะ)อาหารที่แพ้/ไม่ทานเกริ่นมาซะเยอะ เรามาเริ่มออกเดินทางกันดีกว่าค่ะ วันแรก: เริ่มออกเดินทางเราเริ่มเดินทางกลางคืนของวันศุกร์ จุดนัดพบของเราคือ Big C BTS สะพานควาย เพื่อขึ้นรถตู้ของทางทัวร์ วันที่สอง: วันขึ้นเขาจากตึกข้างทางสูงๆ ข้างทางก็เริ่มเป็นต้นไม้ พี่คนขับรถตู้ ก็พาเรามาถึงม่อนจอง อำเภออ๋มก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ในเช้าตรู่ของวันเสาร์ วันที่หมอกลงหนามาก พี่คนขับรถตู้จะแวะที่ตลาดเพื่อให้เราได้ซื้อของกิน หรือทานกาแฟ จากนั้นใช้เวลาประมาณ 40 นาที เราก็จะถึงหน่วยพิทักษ์ป่าปางตึง เพื่อต่อแถวลงทะเบียนและชำระเงินค่าบริการในการเข้าใช้พื้นที่ แนะนำให้แวะเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันที่นี้ เพราะห้องน้ำดีเมื่อจัดการเอกสารเรียบร้อย เราก็เดินทางต่อไปยัง ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวดอยม่อนจอง โดยชุมชมบ้านมูเซอปากทาง ที่นี้จะเป็นท่าขึ้นรถโฟวิล และเป็นชุมชนของชาวบ้านมูเซอบริเวณนี้ ก็จะมีร้านข้าว ร้านกาแฟ และผักผลไม้ที่ชาวบ้านปลูกมาตั้งโต๊ะขายรวมไปถึงจุดนี้จะเป็นจุดชั่งน้ำหนักสำหรับ ลูกหาบ ผู้มีพระคุณเมื่อเราต้องขึ้นเขา โดยเราจะชั่งน้ำหนัก และ จะจ่ายเงินหลังจากเราลงจากดอยเริ่มออกเดินทาง เราจะปีนขึ้นไปหลังรถโฟวิล และโหน ไปตลอด 1 ชั่วโมง แล้วคือแรกๆทางจะหลอกเรา เป็นทางปูน ไม่เกิน ช่วง 10 นาทีแรกหลังจากนั้นคือความสนุกและทรมานที่มาพร้อมกัน ตลอด 50 นาทีที่เหลือ เสียงเฮพร้อมไปด้วยเสียงร้องโอดโอยดังขึ้นตลอดทาง… ทางลูกรัง ทางดิน หลุมบ่อ เนิน และต้องคอยหลบกิ่งไม้ตลอดทั้งทาง จนหลายๆคนบอกว่าม่อนจองเดินไม่โหดเท่านั่งรถ และแล้วเราก็ถึงจุดเริ่มเดิน(1) บริเวณนี้ถ้ามาเช้าจะมีลำไม้ให้ยืมสำหรับใช้เดิน แต่เราไปถึงบ่ายๆทำให้ไม่เหลือไม้เลย (ข้อแนะนำ: ไปถึงเช้าๆ หรือพกไม้poleไปด้วย เพราะทางค่อนข้างชันและลื่นในบางจุด) ทางเดินในช่วงแรกจะเป็นทางขึ้นเขา สลับกับทางราบเล็กน้อย ร่ายล้อมไปด้วยต้นสน เลยเป็นที่มาของชื่อจุดที่ 2 คือ เนินป่าสน เดินขึ้นไปสักพัก เราจะโผล่พ้นป่ามายัง จุดที่ 3 จุดชมวิวฮ้อยจั่นเดินต่อไปอีกจะเจอจุดที่ 4 จุดชมวิวเหมือดคนคู่ ตรงบริเวณนี้จะเจอทางแยก ไปบ้านมูเซอ หรือ ว่าไปบ้านห้วยอีลู ให้เราเดินไปทางบ้านมูเซอ เดินๆ จนมาเจอกองหิน หรือ คือจุดที่ 5 ภูหินช่อ แสดงว่าเราเดินข้ามเขามาถึงครึ่งทางของลานกางเต็นท์แล้ว เราก็แวะนั่งพัก ตากลม ถ่ายรูปกันสักหน่อย ก่อนเริ่มเดินกันต่อ ผ่านจุดที่ 6 ลาดสองขุนน้ำจากนั้น จะถึงจุดไฮไลท์ของที่นี้เลยก็ได้ จุดที่ 7 เนินฮิปหอบ ตามชื่ออย่างเป็นทางการของอุทยานฯ แต่เราเรียกที่นี้กันว่า เนินหมาหอบ เพราะมันสูงและชัน เดินจนหอบเป็นหมาเลยถ้าเราเห็นป้ายนี้แสดงว่าเราใกล้พ้นเนินหมาหอบแล้วค่ะเมื่อเราเดินพ้นเนินนี้ไป ชีวิตเราจะดีขึ้น เพราะเป็นการเดินบนสันเขาไปเรื่อยเมื่อเราเห็น ทุ่งหญ้าสีทอง กับวิวสันเขาทอดยาวไปสุดปลายผา แปลว่าเราถึงจุดไฮไลท์ของม่อนจอง หรือที่เรียกว่า สนามกอล์ฟช้าง แล้วค่ะจากสนามกอล์ฟช้างนี้ หากเลี้ยวซ้ายจะไปจุดกางเต็นท์ แต่ถ้าตรงไปจะเป็นทางไปผาหัวสิงห์ เราเดินไปเก็บของกันที่ จุดกางเต็นท์กันก่อน พอถึงพี่สต๊าฟก็ได้จัดการจับจองและกางเต็นท์ให้เราเรียบร้อยจากนั้นกลับออกมานั่งชิลดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่ สนามกอล์ฟช้าง (บางคนอาจเดินไปชมวิวที่ผาหัวสิงห์)แม้เราไปในช่วงเดือนธันวาคมหญ้าอาจจะดูเขียวๆไปบ้าง แต่แสงแดดยามเย็นปกคลุมลานแห่งนี้จนกลางเป็นสีทอง สวยจนทำให้รู้สึกคุ้มค่ากับความเหนื่อยเหมือนกันนะพอพระอาทิตย์ลับไป ความหิวก็เริ่มมา เราเดินกลับไปที่จุดแคมป์เพื่อทานอาหารเย็นฝีมือพี่สต๊าฟกัน โดยพี่เขาจะทำอาหารและเตรียมอุปกรณ์การทานอาหารให้เราเองเมื่อทานอาหารเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินกลับไปยังสนามกอล์ฟช้าง เพื่อไปดูดาวกัน ถ้าเพื่อนๆมีโอกาสไปขึ้นเขา กิจกรรมดูดาวคือสิ่งที่ห้ามพลาด!!! จากนั้นเราก็กลับเต็นท์ ไปเช็ดตัวกันค่ะ เพราะม่อนจองไม่มีห้องอาบน้ำ เราแนะนำเป็นทิชชู่เปียก ไม่ก็พวกผ้าอาบน้ำ (สำคัญ: เก็บลงมาทิ้งข้างล่างเขานะคะ เพราะขยะพวกนี้ไม่สามารถย่อยสลายได้)สำหรับห้องน้ำ มีอยู่ 2 จุด จะเป็นห้องส้วมที่เป็นสังกะสีมีประตูเปิดปิด ส้วมซึม มีน้ำให้ราด แต่ไม่มีไฟ (แนะนำ: ให้ใช้ไฟฉายคาดหัว) วันที่สาม: ดูพระอาทิตย์ขึ้น และลงเขาเช้านี้เราแพลนกันว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดหัวสิงห์ เราออกเดินจากเต็นท์ของเราตอน 5.30 เดินผ่าน สนามกอล์ฟช้าง และเดินสันเขาไปเรื่อยๆ ทางเดินมืดมาก เลยตัดสินใจหยุดดูพระอาทิตย์ขึ้นกันก่อน หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นค่อยเดินไปผาหัวสิงห์กันต่อ ถึงแล้ว ผาหัวสิงห์ จุดสูงสุดดอยม่อนจอง ที่ความสูง 1,929 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ณ จุดนี้ เราจะได้เห็นทะเลหมอก และวิวแบบ360 องศาและยังมีต้นดอกกุหลาบพันปี ที่จะบานในช่วงเดือน ธันวาคม - มกราคมหิวแล้ว เดินกลับไปทานมื้อเช้ากันที่แคมป์กันค่ะ เช้านี้จะได้ทานเป็นเกี๊ยวน้ำร้อนๆหลังจากนั้นเราก็เก็บของและเตรียมเดินลงเขา ระหว่างเรากำลังจะเดินออกจากโซนเต็นท์ มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ยินเราและเพื่อนๆเดินบ่นกับเรื่องเนินหมาหอบว่ากลิ้งแน่ๆ เพราะทางชัน เจ้าหน้าที่เลยมาแนะนำทาลัด ว่าให้ไปทางนี้เต็นท์สีฟ้า แล้วจะไปทะลุตรงด้านล่างของเนินหมาหอบพอดี เราเลยเดินไปทางลัด ทางจะเป็นป่าๆ ทางเดินจะค่อนข้างแคบ แต่ไม่เปลี่ยวเพราะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นเดินตามๆกันเดินทะลุโซนต้นไม้สูงๆ มา เราจะออกมาแถวๆเนินหมาหอบแล้วเดินทางลงตามทางปกติกันค่ะ พอลงมาถึง จะเจอพี่ๆคนขับรถโฟวิลรอเราอยู่นั่งรถกลับไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เพื่ออาบน้ำ ทานข้าว แล้วกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกันต่อค่ะ…สำคัญ!ดอยม่อนจอง จะเปิดให้ขึ้นในช่วงเดือน 1 พฤศจิกายน -15 กุมภาพันธ์ ของทุกปี หลังจากนั้นจะปิดเพื่อให้ป่าฟื้นฟูเวลาที่เหมาะสมในการเดินทางขึ้นดอยม่อนจอง คือ 2 วัน 1 คืน (นอนบนดอย)จากจุดเริ่มเดินไปลานกางเต็นท์ ระยะทางเดินเท้า 6-7 กม.ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 3-4 ชั่วโมงจากจุดกางเต๊นท์ไปยอดหัวสิงห์ ระยะทาง 1-2 กม.ช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมงต้องเตรียมเต็นท์/อุปกรณ์การนอน อาหาร/น้ำดื่มมาเอง เพราะบนดอยไม่มีร้านค้าให้บริการ (แต่ถ้ามากับทัวร์ สามารถให้ทัวร์เป็นคนจัดเตรียมให้ได้)ไม่ทิ้งขยะในพื้นที่ดอยม่อนจอง (เก็บขยะลงมาทิ้งด้านล่าง)ห้ามบินโดรนบทความและภาพประกอบบทความ : Piggieboxx [ผู้เขียน]อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !