ช่วงปีใหม่ เรากับเพื่อน นัดกันไว้ว่าจะไปเดินเช้าวันที่ 29 ธ.ค. 62 ก่อนปีใหม่นี้ ซึ่งกิ่วแม่ปานนี้ตอนที่รับปากเพื่อนยังไม่รู้อยู่ที่ไหน แต่พอวางสายก็กลับมาค้นหาดูใน เว็บไซต์ ปรากฏว่า อ๋อ กิ่วแม่ปานคือทางเส้นทางชมธรรมชาติ อยู่บนดอยอินทนนท์ ทางเข้าอยู่ใกล้ๆ กับพระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เราวางแผนกันไว้ว่าออกเดินทางเช้าวันที่ 29 ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ ตอนตีสี่ เย็นวันที่ 28 เราโทรนัดเวลากันอีกครั้ง แต่ก็หวั่นใจ เพราะนักท่องเที่ยวเยอะเหลือเกิน ทางทีวีก็ออกข่าวนักท่องเที่ยว รถติดบนดอยอินทนนท์ เอาละวา ยังไงดี ไม่เป็นไรมั้ง ออกเช้าขนาดนี้ เอาเถอะ เตรียมของแล้วนอนดีกว่า ปรากฏว่า นอนไม่หลับ พยายามนอนตั้งแต่สี่ทุ่มครึ่ง ฝนตก เห้ย! ฝนตก!! ยังไงดี หนาวมั้ยนะ เออ นอนไปก่อน ผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาตีสาม อ่ะ! พร้อม! ตื่นแล้ว อาบน้ำ เตรียมของ หนาวนิดๆ ได้ยืมเสื้อกันลมพี่สาวมาแล้ว รอด! ไปค่ะพี่สุชาติ! เราออกจากตัวเมืองเชียงใหม่เวลา 4.30 น. ตอนเช้ามาก ไปทางเส้นถนนตัดใหม่ เลียบคลองประปาไปทางถนนหางดง-จอมทอง ขับรถไปทางขึ้นดอยอินทนนท์ จะเจอกันที่แยกเลี่ยมเมืองสันป่าตอง เลี้ยวขวาไปทางจอมทอง สำหรับคนที่ไม่มีรถ ก็มารอขึ้นรถสองแถวที่ปากทางได้ จะมีให้บริการ ตลอดช่วงเวลาทำการ พอขับตรงไปประมาณ 15 นาทีจะเจอสามแยก เลี้ยวขวา ขับไปอีกประมาณ 20 นาที จะเจอด่านจ่ายเงินเพื่อเข้าอุทยาน ด่านแรก….. ติดซะแล้ว ขับไปเรื่อย ๆ จะมีด่านที่ 2 ค่อยเช็คอีกที ก็ติด มองนาฬิกาก็ หกโมงกว่า แล้ว อ่า ไม่เป็นไร รอบ 7 โมงก็ได้ แต่จะอดดูพระอาทิตย์ขึ้น พอขับเลยด่านที่ 2 บ้าน โถ่ ! รถติดยาวอีกเหมือนกัน! พอขับมาถึงบริเวณ พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ซึ่งจะอยู่ก่อนถึงที่จอดรถและทางเข้าชมเส้นทางกิ่วแม่ปานนิดนึง รถติดยาวเป็นพิเศษ เพราะทุกคนก็อยากจะมาสัมผัส อากาศเย็นๆ และ ดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ทว่า คนเยอะจริง เจ้าหน้าที่โบกให้ขึ้นไปจอดเลยไปอีก จอดข้างทางข้างหน้า ตอนนี้เริ่มสว่างแล้ว และเห็นได้ชัดเจนว่า หมอกลงหนักมาก คงจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกอย่างแน่นอน ไปถึงทางเข้าเดินชมอุทยาน จะมีไกด์ คนนำทางเป็นชาวเขาในพื้นที่ โดยกลุ่มนึงจะอยู่ที่ ไม่เกิน 10 คน ต่อไกด์ 1 คน พวกเราไปกันสี่คน ก็จะได้ไกด์ 1 คนเป็นส่วนตัวไป ค่านำทางจ่ายตอนมาถึง 200 บาทต่อกลุ่มจ่ายตอนที่เราเดินเสร็จแล้ว เราก้มดูนาฬิกาเป็นเวลาประมาณแปดโมงแล้ว โดยเฉลี่ยไกด์บอกว่า จะใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง เราออกเดินตามทางที่ไกด์แนะนำ และ แน่นอน เหนื่อย หอบมาก อากาศเย็น และออกซิเจนเบาบาง คนที่จากบ้านไปนานอย่างเรา ย่อม ไม่ชิน เดินไปได้ 200 เมตร โอ้! ขอพักหน่อย หายใจไม่ทัน! เหนื่อยมากกกกกก ไกด์อมยิ้มบาง ๆ คอยบอกตลอดทุกทางที่ไปว่า “เหนือยหยุดพักก่อนได้นะคะ” จุดชมวิวและจุดพักทั้งหมดมี 21 จุด โดยจุดที่ 9 และ 10 จะเป็นจุดชมวิวทะเลหมอก เราจะเดินเลียบเขาไปและจะเดินวนกลับมาออกที่ทางเข้าเดิม ระหว่างทางที่เราเข้าไป จะเจอป่าสูง เขียวชอุ่ม เนื่องจากฝนตกเมื่อคืน อากาศสดชื่นมาก หนาวนิดหน่อย แต่เสียดายที่ว่า วันที่เราไปนั้น ฟ้าปิด และหมอกลงจัด ภาพที่ออกมา ก็จะสลัวๆ หน่อย สวยไปอีกแบบ ช่วงจุดที่ 1-8 จะเป็นทางเดินในป่าและทางเดินบางจุด เจ้าหน้าที่ได้ทำบันไดไว้ให้แล้ว หลังจากจุดที่ 7 นั้นจะเริ่มเป็นทุ่งโล่งกว้าง มีทั้งทุ่งหญ้า และเฟินทนไฟ ใบหนาๆ ไฟไหม้ พอผ่านไป ก็จะเริ่มแต่ยอดขึ้นมาใหม่เอง ระหว่างทาง ไกด์จะคอยบอกอยู่เสมอว่า จะเจออะไรบ้าง ต้นอะไร รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง คอยให้ระวังโน่นนี่ตลอด เยี่ยมไปเลย ที่สันเขาบริเวณจุดที่ 9-10-11 เราเดินผ่านสันเขา และไม่เห็นอะไรเลยเนื่องจากหมอกลง แต่ว่า ได้เจอ เบอรี่ป่า น้ำค้างแข็ง แม่คะนิ้งหรือเหมยขาบบ้างเป็นระยะ กุหลาบพันปีเริ่มออกดอกสีแดงแล้ว ได้เห็นผาแง่มน้อย ซึ่งไกด์บอกดูดี ๆ จะเห็นเป็นรูปหัวใจ และบางกลุ่มถ้าโชคดี จะเห็นกวางผาออกมากินหญ้าบ้าง อีกอย่างที่เสียดาย ไม่ได้เห็นทะเลหมอก ที่จุดนี้ ไกด์บอกว่า “กิ่ว” เนี่ย มาจากการเรียกทางเดินแคบ ๆ ที่อยู่บนสันเขา อ๋อ น่าจะคล้ายๆ กับที่เรียกสาวๆ เอวเล็กว่า เอวคอดกิ่วละมั้ง ก่อนถึงจุดที่ 14 จะมีทางเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ทางขวา ถ้าเดินขึ้นไป จะเป็นสันเขา เป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยอีกแบบนึง โดยที่ด้านขวาจะเป็นด้านหลังของ พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ และด้านซ้ายจะเป็นทิวเขา และมองเห็นตัวเมืองแม่แจ่มอยู่ด้านล่าง เวลาตอนนั้น ช่วง 10 โมงแล้ว ฟ้าเริ่มเปิด เรามองเห็นตัวเมืองและสันเขาเป็นระยะ ๆ ผสมกับหมอกที่ลอยมาเรื่อย ๆ สภาพอากาศตอนที่เช็คก่อนเข้ามา อยู่ที่ 9 องศา ไม่ได้หนาวมาก เพราะเดินก็ร้อนแล้ว หลังจากจุดที่ 14 ไป เราจะเดิน ขึ้นๆ ลงๆ ตลอด ทางไม่ชันมาก มีบันไดให้เดินเป็นระยะ มีลำธารเล็ก ๆ น้ำใส เย็นมาก ๆ ต้นไม้ยังคงสูงบังฟ้า มีเฟิร์นขึ้นตามโคนต้น เดินถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ จนจบทีจุดที่ 21 ใช้เวลาไปทั้งหมด 3 ชั่วโมงกว่าๆ เหนื่อยมาก และสนุก สุขใจ ที่แน่ ๆ คือ ต้องไปฟิตร่างกายให้ดีกว่านี้ แนะนำสำหรับคนที่จะมาเที่ยว ไกด์บอกว่า เริ่มเปิดให้ชมตั้งแต่เดือน พ.ย.-เดือน พ.ค. ของทุกปี เวลา 6.00-16.00 น. แต่เราแนะนำให้มาช่วง ธันวาคม-มกราคม เลี่ยงปีใหม่ไว้จะดีกว่า เช็คสภาพอากาศให้พร้อม คนที่ไม่เคยเดินป่า หรืออยู่ที่สูงๆ อาจจะมีอาการหายใจขัด ลำบากบ้าง ไม่เหมาะกับเด็กอ่อน หรือผู้สูงอายุ ที่ข้อเข่าไม่ดี และผู้ที่ปัญหาเรื่องหอบหืด และโรคหัวใจ ข้อมูลการติดต่อ : อุทยานแห่งชาติ ดอยอินทนนท์ 053-248604, 053-248607, 053-248605