ตามข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา ฤดูฝนของประเทศไทยเริ่มต้นประมาณกลางเดือนพฤษภาคมและจะสิ้นสุดลงประมาณกลางเดือนตุลาคมของทุกปี โดยในปี พ.ศ 2565 นี้ คาดการณ์ว่าช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายนจะเป็นช่วงที่มีฝนตกชุกหนาแน่นที่สุดตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนถึงทุกวันนี้ ผู้เขียนได้มีโอกาสอ่านและฟังข้อความต่างๆ ทั้งจากหนังสือ ภาพยนตร์ บทเพลงและบทกวี ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับฤดูฝนมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลายๆข้อความก็ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและกำลังใจให้กับผู้เขียนมาจนถึงทุกวันนี้ อีกทั้งในฐานะที่ผู้เขียนก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบและหลงใหลในสเน่ห์ของฤดูฝน จึงเกิดความคิดที่จะนำความประทับใจที่ได้รับมาร้อยเรียงเป็นคำคมข้อคิดดีๆสู่สายตาของผู้อ่านทุกท่านในบทความนี้ค่ะแม้ว่าใครหลายคนอาจไม่ชอบ “ฤดูฝน” แต่อย่างน้อย ฤดูฝนก็เป็นความสมดุล ที่ช่วยบรรเทาความร้อนอบอ้าวของฤดูร้อน และช่วยให้เราพร้อมที่จะเผชิญกับความหนาวเหน็บของฤดูหนาวในชีวิตคนเรา เป็นธรรมดาที่จะต้องมีช่วงเวลาที่ได้พบเจอกับสิ่งที่เราไม่ชอบ และในบางครั้งเราก็จำเป็นต้องเผชิญกับมันโดยที่ไม่อาจหลีกหนีไปได้ ดังนั้น การพยายามมองหาข้อดีและพยายามทำใจยอมรับข้อเสียของสิ่งที่เราไม่ชอบ ก็จะช่วยให้เราสามารถผ่านพ้นช่วงเวลานั้นไปได้โดยที่ไม่รู้สึกทุกข์มากจนเกินไปนักการหยิบยื่น “กำลังใจ” คือการมอบ “ร่มคันใหญ่” ที่จะช่วยกำบังคนที่คุณรักไว้ ในวันที่เปียกปอนไปด้วยน้ำตากำลังใจ เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ที่กำลังรู้สึกทุกข์ใจและหมดหวัง รู้สึกว่าตนเองไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว เพราะยังมีคนที่พร้อมที่จะเข้าใจและห่วงใยเขาอยู่ ดังนั้น เมื่อเห็นคนที่เรารักกำลังมีความทุกข์ การหยิบยื่นความช่วยเหลือและคอยซัพพอร์ตเขาเท่าที่เราทำได้ และการให้คำแนะนำโดยที่ไม่ไปตัดสินการกระทำของเขา นอกจากจะช่วยบรรเทาความเศร้าหมองในจิตใจของเขาแล้ว ยังช่วยให้เราเข้าใจคนที่เรารักมากขึ้น ทำให้ความขัดแย้งที่เคยมีระหว่างกันและปัญหาต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นผ่อนลงจากหนักเป็นเบาได้เมื่อใดที่ความทุกข์ใจถาโถมดั่งสายฝนที่กระหน่ำลงมาจนไม่อาจมองเห็นหนทางข้างหน้า หากเพียงเธอ “ไม่คิดถอดใจ” ที่จะเดินทางต่อและหยุดพักจนฝนค่อยๆซาลง โอกาสที่เธอจะเดินทางไปถึงจุดหมายที่ต้องการก็ยังคงเป็นไปได้เสมอในระหว่างที่เรากำลังพยายามเพื่อให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ เป็นธรรมดาที่จะมีอุปสรรคเข้ามาขวางกั้น และในบางครั้งอุปสรรคนั้นก็ใหญ่เกินกว่าที่เราจะก้าวผ่านมันไปได้ง่ายๆ แต่เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกว่าชีวิตเดินมาถึงทางตัน ก่อนที่เราจะถอดใจ อยากให้ลองหยุดพักและคิดทบทวนดูว่าเป้าหมายนั้นคือสิ่งที่เราต้องการจริงๆหรือไม่ หากใช่ก็หาทางไปต่อในแบบที่ดีที่สุดเท่าที่เราสามารถทำได้ แต่หากไม่ใช่ การกลับไปมองหาว่าอะไรคือสิ่งที่เราต้องการจริงๆก็เป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะถึงแม้ว่ามันจะเสียเวลา แต่ก็คุ้มค่าหากสิ่งนั้นจะทำให้เราได้มีโอกาสค้นพบความสุขในแบบที่เราต้องการจริงๆ“เมฆฝน” กว่าจะเกิดได้ ย่อมต้องอาศัยการรวมตัวกันของละอองหยดน้ำเล็กๆมากมาย เช่นเดียวกับ “ความสำเร็จ” ที่กว่าจะเกิดได้ ย่อมต้องอาศัยชิ้นส่วนของความพยายามเล็กๆมากมายมาหล่อหลอมรวมกันในการทำงานที่เรารู้สึกว่าเป็นเรื่องยาก การเริ่มต้นจากองค์ประกอบย่อยๆของงานนั้น และค่อยๆเริ่มทำไปทีละเล็กละน้อยโดยไม่ล้มเลิกไปกลางคัน ก็สามารถทำให้เราทำงานนั้นสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาได้ในการเดินทาง แน่นอนว่าการไปถึงจุดหมายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่การ “มองหาความสุขจากสิ่งรอบตัว" ที่อยู่ระหว่างทาง เช่น การสัมผัสความเย็นสบายของสายลมที่พัดผ่านในยามที่ฝนตก และ การฟังเสียงของสายฝนที่ตกลงมากระทบกับพื้นดิน ก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายในยามที่เหนื่อยล้าและเพิ่มคุณค่าทางจิตใจในยามที่การเดินทางจบลงเหลือเพียงความทรงจำเวลาของคนทุกคนล้วนเดินไปข้างหน้าตลอดเวลา ดังนั้น เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเราล้วนเกิดขึ้นแค่ในช่วงเวลาหนึ่ง และเมื่อช่วงเวลานั้นผ่านไป สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงภาพความทรงจำของเหตุการณ์นั้น ซึ่งการที่เราสังเกตความเป็นไปของสิ่งต่างๆรอบตัวไปด้วย แทนที่จะโฟกัสไปที่จุดมุ่งหมายหรือสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเพียงอย่างเดียว ก็จะทำให้เราเก็บภาพความทรงจำที่เราประทับใจไว้ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น และความรู้สึกอิ่มเอมใจเมื่อนึกถึงความทรงจำเหล่านี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เรามีพลังในการใช้ชีวิตต่อไปได้แม้ว่าจะเป็นสถานที่เดียวกัน ก็ยังดูแตกต่างกันระหว่างในยามที่ฝนตกและในยามที่แดดออก ดังนั้น หากอยากมองเห็นทางออกของปัญหาที่ยังไม่อาจแก้ไข การ “มองในมุมที่ต่างออกไป” ก็อาจช่วยให้เกิดไอเดียใหม่ๆและมองเห็นหนทางที่ดีได้การมีมุมมองที่หลากหลาย เป็นสิ่งที่มีความสำคัญในการหาทางออกของปัญหา ดังนั้น เมื่อเราไม่สามารถแก้ปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งได้ การถอยออกมาจากจุดเดิมและพยายามมองปัญหาในมุมที่ต่างออกไป โดยอาศัยการหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือการขอความช่วยเหลือจากผู้ที่มีประสบการณ์ ก็จะช่วยทำให้เราแก้ปัญหานั้นได้ง่ายขึ้นในบางครั้งเราอาจรู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ แต่ถ้าโลกนี้ไม่มีสายฝน เราก็คงไม่มีโอกาสได้เห็น “สายรุ้ง” เช่นเดียวกับชีวิตที่ต้องฟันฝ่าและเผชิญกับอุปสรรค ก่อนที่จะมีโอกาสได้พบกับอนาคตอันสดใสคำคมสุดท้ายนี้ ผู้เขียนอยากจะฝากทิ้งท้ายไว้เป็นกำลังใจให้กับผู้อ่านทุกท่าน และอยากจะบอกกับทุกๆท่านว่าจงภูมิใจที่เราสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากในอดีตจนมาเป็นเราในทุกวันนี้ และจงเก็บความภูมิใจนี้ไว้เป็นพลังแห่งความเชื่อมั่นว่าเรามีศักยภาพมากพอที่จะมีโอกาสได้พบกับ สายรุ้ง คือ ความสุขและความสำเร็จ ในแบบที่เราต้องการตัวอย่างการโพสต์คำคมลงในโซเซียลมีเดียรูปด้านบนเป็นโพสต์ของตัวผู้เขียนเอง ที่นำคำคมในบทความนี้ไปโพสต์ลงใน Instagram โดยออกแบบและตกแต่งภาพด้วย Canva ซึ่งหากเพื่อนๆต้องการที่จะนำคำคมไปโพสต์ลงบนโซเซียลมีเดีย ก็อาจนำคำคมเหล่านี้มาใช้เป็นแคปชั่นของภาพถ่ายที่มีความเกี่ยวข้องกับฤดูฝน เช่น ภาพหยดน้ำฝนเกาะที่หน้าต่าง ภาพตอนถือร่มหรือใส่เสื้อกันฝน หรือภาพสายรุ้งสวยๆ เป็นต้น อีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นภาพมากขึ้น เช่นในคำคมนี้ซึ่งกล่าวถึงการมองหาความสุขจากสิ่งรอบตัวในระหว่างการเดินทาง หากต้องการนำคำคมไปใช้ก็อาจโพสต์คำคมนี้เป็นแคปชั่นของภาพสถานที่ท่องเที่ยวที่เพื่อนๆเคยไปเที่ยวในช่วงฤดูฝนหรือแม้กระทั่งช่วงที่มีฝนตกนอกฤดูกาล หรือหากต้องการนำเหตุการณ์ที่รู้สึกประทับใจในการเดินทางครั้งนั้นมาบอกเล่าโดยใช้คำคมนี้เป็นข้อความเกริ่นนำหรือปิดท้ายเพื่อให้โพสต์มีความน่าสนใจและน่าติดตามมากยิ่งขึ้นก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันค่ะขอให้ทุกคนผ่านพ้นช่วงเวลาที่พายุโหมกระหน่ำไปได้อย่างปลอดภัยและได้พบเจอกับฟ้าหลังฝนที่งดงามในเร็ววันด้วยรักและห่วงใย จาก เขียนฝัน :)คำคม โดย เขียนฝัน ขอขอบคุณ ข้อมูลสภาพอากาศ จาก กรมอุตุนิยมวิทยาเครดิตภาพออกแบบภาพปก โดย เขียนฝัน ตกแต่งภาพปกด้วย Canvaภาพพื้นหลังรูปปก ขอขอบคุณ คุณ Starline / Freepik ภาพประกอบที่ 1 ขอขอบคุณ คุณ Kireyonok_yuliya / Freepikภาพประกอบที่ 2 ขอขอบคุณ คุณ Kaique Rocha / Pexelsภาพประกอบที่ 3 ขอขอบคุณ คุณ Ravi Kant / Pexelsภาพประกอบที่ 4 ขอขอบคุณ คุณ Wirestock / Freepikภาพประกอบที่ 5 ขอขอบคุณ คุณ Ben Mack / Pexelsภาพประกอบที่ 6 และ 7 โดย เขียนฝัน ตกแต่งภาพด้วย Canvaเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !