เรียกได้ว่าความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก เมื่อสถานการณ์โควิด-19กำลังจะทุเลาลง ก็ได้มีฝีดาษลิงหรือฝีดาษวานรเข้ามาทำให้ประชาชนหวาดผวาอีกครั้ง แต่สามารถป้องกันการติดเชื้อฝีดาษลิงได้ถึง 85% หากได้รับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษมาก่อน ว่าแต่การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษคืออะไร? ไข้ทรพิษคืออะไร? เราเคยปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษแล้วหรือยัง? และคำถามต่าง ๆ อีกมากมายที่ผุดขึ้นมาในหัวเมื่อพูดถึงการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ผู้เขียนจึงได้ไปศึกษาข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ และเรียบเรียงข้อมูลมาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านทำความเข้าใจเกี่ยวกับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ไม่พูดพร่ำทำเพลง ไปรับชมกันได้เลยครับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษคืออะไร: เป็นวิธีที่ทำบุพโพ(หนอง) ที่มีเชื้อไข้ทรพิษจากโค(วัว) มาปลูกลงที่มนุษย์ เพื่อจะป้องกันไข้ทรพิษและอาการไข้ทรพิษที่ร้ายแรงไม่ให้ปรากฏขึ้น ไข้ทรพิษหรือฝีดาษคืออะไร: ไข้ทรพิษหรือฝีดาษเป็นโรคติดต่ออันตรายที่เกิดจากเชื้อไวรัส Variola กลุ่มOrthopoxvirus สามารถติดต่อจากการสัมผัสกับสิ่งที่ถูกขับออกมาจากระบบหายใจของผู้ป่วย(Droplet Spread) แผลตามผิวหนังหรือเนื้อเยื่อต่าง ๆ(Skin Inoculation) หรือของใช้ของผู้ป่วยที่มีเชื้อติดอยู่ บางรายสามารถติดต่อได้จากทางเยื่อบุตา(Conjunctivae) หรือทางสายรกจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ โดยอาการมักมีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดหลังอย่างรุนแรง 2 – 4 วันต่อมาไข้จะลดและมีตุ่มขึ้น โดยตุ่มจะเริ่มจากเป็นจุดด่างบนผิวหนังพัฒนาไปเป็นผื่นนูนแข็งแล้วจึงเป็นตุ่มน้ำจากนั้นจึงเป็นตุ่มหนองและตกสะเก็ดในที่สุด จากนั้น 3 – 4 สัปดาห์สะเก็ดจึงจะลอกออกไป การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษในสมัยก่อน(ว่าด้วยวิธีปลูกป้องกันไข้ทรพิษ): ในพงศาวดารมีวิธีปลูกป้องกันไข้ทรพิษมาหลายร้อยปีแล้ว แต่เป็นวิธีที่ผิดกับสมัยใหม่เป็นอย่างมาก แพทย์ในประเทศจีน สังเกตพบว่าคนที่เคยเป็นไข้ทรพิษแล้วจะไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก เขาจึงคิดที่จะปลูกป้องกันไข้ทรพิษดีกว่าปล่อยให้คนติดเชื้อเอง โดยการนำสะเก็ดแห้งของไข้ทรพิษที่เกิดบนตัวคนมาบดให้ละเอียดแล้วใส่กล้องเป่าเข้าจมูกของคนที่ยังไม่เคยเป็นไข้ทรพิษเลย คนที่ถูกเป่าไข้ทรพิษเข้าไปภายหลังก็เกิดไข้ทรพิษขึ้น พิษน้อยกว่าการติดเชื้อเองแต่ก็ยังไม่หมดอันตราย เพราะเคยมีคนที่ปลูกป้องกันทรพิษด้วยวิธีนี้แล้วอันตรายถึงชีวิตอยู่บ้างแพทย์ชาวอังกฤษผู้หนึ่งชื่อหมอแยนเนอร์ เขาสังเกตเห็นคนเลี้ยงโค(วัว)หลายคนที่มีผื่นขึ้นตามมือ ผื่นมีลักษณะเป็นเม็ดกลม ๆ ภายในมีน้ำเหลืองขังอยู่ โดยพบผื่นชนิดนี้ขึ้นตามขอบนมวัวด้วย แต่คนเลี้ยงวัวที่มีเม็ดผื่นชนิดนี้ขึ้นมาแล้วก็ไม่เป็นไข้ทรพิษขึ้นอีกเลย แยนเนอร์จึงได้ทดลองเอาน้ำเหลืองที่ขังอยู่ภายในเม็ดผื่นที่ตัววัวมาลองปลูกลงที่ตัวเด็ก เด็กก็ได้เม็ดผื่นชนิดนั้นขึ้นตามตัว เด็กคนนั้นก็ไม่ได้เกิดเป็นไข้ทรพิษขึ้นอีกเลย แต่การปลูกวิธีนี้เม็ดผื่นที่เกิดขึ้นยังมีพิษแรงอยู่ แต่น้อยกว่าไข้ทรพิษที่ติดเชื้อเองมาก ต่อมาเขาจึงทดลองให้พิษของไข้นั้นลดลงโดยนำหนองที่อยู่ในเม็ดผื่นที่ขอบนมวัวนั้นมาปลูกลงที่ลูกวัว เมื่อลูกวัวปรากฏเม็ดผื่นขึ้นแล้วเขาก็เอาน้ำหนองในเม็ดผื่นที่ลูกวัวนั้นมาปลูกลงที่ลูกวัวอื่นต่อไป จนเห็นว่าเม็ดผื่นเกิดขึ้นเฉพาะที่รอยปลูกและได้ลักษณะอย่างเดียวกัน พิษก็น้อยลงด้วย จึงนำเอาหนองที่เกิดเม็ดผื่นของลูกวัวมาปลูกในมนุษย์ก็ได้ผลดี ป้องกันไข้ทรพิษได้ พิษก็น้อยลง หนองที่เอามาจากเม็ดผื่นนั้นก็ยังมีเชื้ออยู่โดยบริบูรณ์ จึงได้นำเอาวิธีนี้ใช้ตลอดมาทำไมถึงเลิกปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษเมื่อ พ.ศ. 2523พ.ศ. 2460 ในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาได้ปรากฏเรื่องของการเกิดโรคไข้ทรพิษขึ้นในประเทศไทยพ.ศ. 2460 เป็นต้นไปมีไข้ทรพิษเกิดขึ้นทุกปี โดยการระบาดครั้งใหญ่ทั่วประเทศไทยเป็นช่วง พ.ศ. 2488 – 2489 ซึ่งเป็นช่วงสงคราม เริ่มจากเชลยพม่าที่ทหารญี่ปุ่นจับมาสร้างทางรถไฟสายมรณะข้ามแม่น้ำแคว ทำให้เชลยศึกป่วยเป็นไข้ทรพิษและลามไปยังกลุ่มกรรมกรไทยจากภาคต่าง ๆ ที่มารับจ้างทำงานในแถบนั้น เมื่อแยกย้ายกันกลับบ้านได้นำโรคกลับไปแพร่ระบาดใหญ่ทั่วประเทศ มีผู้ป่วยมากถึง 62,837 คน และมีผู้เสียชีวิต 15,621 คนพ.ศ. 2503 ในการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 13 ที่ประชุมได้เน้นย้ำถึงการกำจัดกวาดล้างไข้ทรพิษทั่วโลกพ.ศ. 2504 – 2505 การระบาดครั้งสุดท้ายในประเทศไทย ระบาดที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีผู้ป่วย 34 คน และมีผู้เสียชีวิต 5 คนพ.ศ. 2510 องค์การอนามัยโลกได้เริ่มโครงการกำจัดกวาดล้างไข้ทรพิษให้หมดไปจากโลกนี้ภายใน 10 ปี ทำให้จำนวนผู้ป่วยไข้ทรพิษลดลงพ.ศ. 2522 วันที่ 25 ตุลาคม ผู้ป่วยโรคฝีดาษรายสุดท้ายจะครบกำหนด 2 ปีพ.ศ. 2523 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าไข้ทรพิษได้ถูกกวาดล้างแล้ว จึงหยุดการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษนับแต่นั้นมา เราเคยปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษแล้วหรือยัง: จากข้อมูลก่อนหน้าจะพบว่าเมื่อ พ.ศ. 2523 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าไข้ทรพิษได้ถูกกวาดล้างแล้ว จึงหยุดการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษนับแต่นั้นมา แต่จากเฟสบุ๊ค ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ศาสตราจารย์สาขาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อมูลและรูปภาพเกี่ยวกับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษในประเทศไทยว่ายังมีการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษจนถึงปี พ.ศ. 2527 โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่ใช่จังหวัดกรุงเทพฯ โดยภาพด้านล่างต่อไปนี้เป็นภาพรอยปลูกฝีป้องกันวัณโรคของผู้เขียนเอง รอยตุ่มมีลักษณะนูนเป็นทางยาวอยู่หัวไหล่ด้านหน้าข้างขวา ซึ่งตำแหน่งบนแขนและลักษณะตุ่มนูนอาจแตกต่างไปในแต่ละบุคคล แต่ตุ่มนูนของผู้เขียนมีลักษณะตรงกับโพสต์ของศาสตราจารย์ธีระวัฒน์ที่ว่ารอยตุ่มของการปลูกฝีป้องกันวัณโรคจะมีลักษณะนูน ในขณะที่รอยตุ่มการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษจะแบนราบกว่าเกิดก่อน พ.ศ. 2523 และ พ.ศ. 2527 แต่ทำไมถึงไม่มีตุ่มนูนซึ่งเป็นร่องรอยของการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ: เนื่องจากการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษในสมัยนั้นก็เทียบเท่าได้กับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้รับหรือยินยอมการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ และหากคนที่รับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษไม่มีร่องรอยตุ่มนูนที่ควรจะมีบริเวณหัวไหล่ด้านหน้าก็อาจหมายความว่าการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษไม่สำเร็จในบุคคลนั้น คือ ไม่สามารถป้องกันไข้ทรพิษได้นั่นเองเกิดหลัง พ.ศ.2523แต่ทำไมถึงมีรอยปลูกฝีที่ไหล่: นอกจากการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษแล้ว ยังมีการปลูกฝีป้องกันวัณโรค(BCG) โดยการปลูกฝีทั้ง 2 แบบนี้มักจะมีร่องรอยเป็นตุ่มนูนอยู่บนหัวไหลด้านหน้าและคนส่วนมากมักเรียกว่าปลูกฝี คนส่วนมากจึงมักสับสนว่าตุ่มบริเวณหัวไหล่ด้านหน้านั้นเป็นร่อยรอยของการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษหรือการปลูกฝีป้องกันวัณโรค ในตอนที่ผู้เขียนศึกษาข้อมูลช่วงแรกบอกได้เลยว่าตกใจไม่น้อยที่ในสมัยก่อนก็มีโรคอันตรายที่คร่าชีวิตของประชาชนชาวไทยไปมากเช่นนี้(ผู้เขียนมักได้ยินเรื่องของอหิวาตกโรคเป็นส่วนใหญ่) พอติดตามข่าวสารไปเรื่อย ๆ ก็ได้ทราบว่าโรคฝีดาษลิงหรือฝีดาษวานรสามารถป้องกันได้หากเคยได้รับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษผู้เขียนก็เริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้าง แต่พอทราบว่าประเทศไทยยกเลิกการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษเมื่อ พ.ศ. 2523 ก็ใจเสียขึ้นมาทันที(ผู้เขียนเกิด พ.ศ. 2542) ตอนที่เห็นรอยปลูกฝีป้องกันวัณโรคที่ไหล่ของตนเองผู้เขียนก็แอบลุ้นให้เป็นรอยปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ แต่เมื่อได้ติดตามข่าวสารร่วมกับการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก็ต้องเศร้าเลย แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนก็ได้ลองสอบถามคุณพ่อคุณแม่และผู้ใหญ่รอบตัวของผู้เขียน คนที่เกิดก่อน พ.ศ. 2523 - 2527 บางคนให้ข้อมูลว่าตนเองไม่ได้รับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษรวมทั้งไม่มีร่องรอยตุ่มนูนของการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ซึ่งอาจไม่ได้รับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษจริง ๆ หรืออาจได้รับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษแล้วแต่ร่างกายไม่ตอบสนองต่อ(แสดงว่าไม่สามารถป้องกันไข้ทรพิษและฝีดาษลิงหรือฝีดาษวานรได้) สำหรับปัจจุบันที่ฝีดาษลิงหรือฝีดาษวานรยังเป็นโรคซึ่งอยู่ในการเฝ้าระวังอยู่นั้น นอกจากการเคยปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษแล้วนั้น ผู้เขียนมองว่าการดูแลตัวเองเช่นเดียวกับการดูแลตัวเองในสถานการณ์COVID-19ก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะการหมั่นล้างมือให้สะอาดเป็นประจำการเว้นระยะห่างทางสังคมหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่มีความเสี่ยง หรือการมีเพศสัมพันธ์ในกลุ่มชายรักชายทีมีโอกาสติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ได้สูง แต่หากในอนาคตฝีดาษลิงหรือฝีดาษวานรเป็นโรคติดต่ออันตรายที่มีการแพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง ผู้เขียนเชื่อว่าจะต้องมีการพัฒนาวัคซีนเพื่อนำมาฉีดให้ประชาชนเป็นแน่ เพราะเชื้อไวรัส Variola ได้ถูกเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการและอยู่ในความดูแลที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ(CDC) เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา และที่ State Research Centre of Virology and Biotechnology เมืองโคลท์โซโว แคว้นโนโวซีบีสค์ สหพันธ์สาธารณรัฐรัสเซีย เพื่อนำมาใช้ในการศึกษาวิจัยในกรณีที่อาจมีโรคไข้ทรพิษอุบัติใหม่ขึ้นมาจากอุบัติเหตุหรือการจงใจที่จะทำให้เชื้อหลุดออกไปจากห้องปฏิบัติการ เหนือสิ่งอื่นใด จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ในขณะที่ยังไม่มีการประกาศให้ฝีดาษลิงหรือฝีดาษวานรเป็นโรคติดต่ออันตราย เราทุกคนก็ยังสามารถดำเนินชีวิตไปได้ตามปกติ เพียงแต่ดูแลตัวเองให้ดี ไม่วิตกกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นมากเกินไปจนไม่สามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ คอยติดตามข้อมูลข่าวสารเป็นประจำ เพราะเราทุกคนต่างเจ็บหนักจากCOVID-19กันมามากเกินพอแล้ว ทั้งทางร่างกาย จิตใจ เศรษฐกิจและสังคมสุดท้ายนี้ขอขอบคุณข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ที่ผู้เขียนได้ไปศึกษาหาข้อมูลมาเรียบเรียงให้ทุกท่านได้อ่าน· ว่าด้วยวิธีปลูกป้องกันไข้ทรพิษ I คัมภีร์เวชศึกษา ตำราแพทย์ไทยเดิม(แพทยศาสตร์สงเคราะห์) ฉบับอนุรักษ์ ฉบับที่ 2· ไข้ทรพิษ : ฝีดาษ (SMALLPOX) I สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข· “เขากำลังเลิกปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษกันแล้ว” โดย ไพบูลย์ โล่สุนทร และ องอาจ วิพุธศิริ· ใครที่สงสัยตัวเองว่าได้รับวัคซีนฝีดาษหรือยัง โดย ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาขอบคุณภาพประกอบบทความจากภาพประกอบที่ 1 จาก Alexandra_Koch / pixabayภาพประกอบที่ 2 จาก Hans / pixabayภาพประกอบที่ 3 จาก ArtsyBeeKids / pixabayภาพประกอบที่ 4 จาก neekungchi / pixabayภาพหน้าปกและภาพประกอบที่ 5 จาก ผู้เขียนเองภาพประกอบที่ 6 จาก qimono / pixabay7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์