ใครๆหลายคนรู้ว่าสุขภาพที่ดีต้องเกิดจากการออกกำลังกายแต่หลายคนอาจจะหลงลืมไปแล้วว่านอกจากการออกกำลังกายที่ดีแล้วการเลือกกินอาหารที่ดีก็สำคัญไม่แพ้กัน แน่นอนว่าสำหรับอินเดียแล้ว อายุรเวทนั้นเป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่เป็นของอินเดียโบราณที่สอนวิธีการกิน การรักษา การใช้ชีวิตให้กับแต่ละบุคคลว่าควรจะทำอย่างไรเพื่อใช้ชีวิตได้อย่างยืนยาว อายุรเวท เป็นภาษาสันสกฤตมาจากคำว่า อายุสที่แปลว่า ชีวิต และเวท ที่แปลว่า ศาสตร์ รวมกันแล้วแปลว่า ศาสตร์แห่งชีวิต ที่ให้ความสำคัญกับร่างกาย จิตใจ และความคิด โดยเชื่อว่า มนุษย์เป็นจักรวาลย่อม และอยู่ภายใต้จักรวาลใหญ่นั่นคือธรรมชาติ โดยอายุรเวทนั้นแบ่งรสชาติทั้งหมดไว้ 6 อย่างได้แก่ 1.หวาน (มาดฮูระ) รสหวานจะจัดอยู่ในธาตุของดินและน้ำ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับต่อมไทรอยด์ ตับอ่อน และพื้นที่ส่วนบนของปอด ส่งผลโดยตรงกับ โรคต่อมไทรอยด์ ตับ ภูมิแพ้ และโรคอ้วน นอกจากนี้รสหวานยังทำให้ระบบย่อยอาหารแย่ลง ทำให้ร่างกายอุณหภูมิต่ำลง เป็นอาหารที่เหมาะสมในการกินต้นฤดูหนาว เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น 2.เปรี้ยว (อำละ) รสเปรี้ยวจะจัดอยู่ในธาตุของดินและไฟ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับปอด ซึ่งจะส่งผลให้หายใจติดขัดและ ภูมิแพ้ทางร่างกาย นอกจากนี้รสเปรี้ยวจะทำให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ทำให้ร่างกายอุณหภูมิสูงขึ้น เป็นอาหารที่เหมาะที่จะทานหน้าฝน 3.เค็ม(ลาวานะ) รสเค็มจะจัดอยู่ในธาตุของน้ำและไฟ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับไต ซึ่งจะส่งผลให้เกิดไตวายได้ รสเค็มทำให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น เป็นอาหารที่เหมาะที่จะทานฤดูใบไม้ร่วง 4.เผ็ด (คาตู) รสเผ็ดจัดอยู่ในธาตุของลมและไฟ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับ กระเพาะ ลำไส้เล็กและหัวใจ ซึ่งส่งผลเป็นแผลในกระเพาะอาหารและความดันสูง รสเผ็ดจะส่งผลให้การย่อยอาหารดีขึ้น ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น เหมาะที่จะทานในหน้าร้อน 5.ขม(ทิคทา) รสขมจัดอยู่ในธาตุลม ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับ ตับอ่อน ม้ามและตับ ซึ่งอาจส่งผลให้ตับอ่อน ม้ามและตับอ่อนแอ รสขมทำให้ระบบการย่อยอาหารไม่ดีนัก อุณหภูมิในร่างกายต่ำลงเป็นอาหารที่เหมาะจะทานในฤดูหนาวตอนปลาย 6.ฝาด(คาดชญายา) รสฝาดอยู่ในธาตุลมและดิน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับลำไส้ใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลให้มีอาการท้องผูกและริดสีดวง รสฝาดจะทำให้ระบบย่อยอาหารไม่ดีนักทำให้อุณหภูมิต่ำลงรสฝาดเหมาะสำหรับทานในฤดูใบไม้ผลิ