รอดชีวิตได้ด้วยการสำนึกรู้คุณ (บทความสุขภาพจิต) “ทุกวันนี้ผมยังรู้สึกสำนึกในบุญคุณของเสื้อชูชีพตัวน้อยที่ทำให้ผมรอดชีวิตมาได้ ด้วยการเก็บเสื้อชูชีพตัวนั้นไว้เป็นอย่างดีในตู้หัวเตียงนอนของผม และผมเชื่อว่าที่ผมรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์ในครั้งนั้น เป็นเพราะการมีสติ มีความศรัทธาต่อการเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ และสำนึกรู้คุณต่อเจ้านายอย่างหมดหัวใจนั่นเอง” และนี่คือบทสรุปที่กัลยาณมิตรของผู้เขียนคนหนึ่งได้เล่าให้ฟัง ซึ่งเป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเขา ดังเหตุการณ์ต่อไปนี้ “ตอนนั้นผมนั่งอยู่ในเรือยางห่างจากฝั่งประมาณ 3 กิโลเมตร ด้วยความหวาดกลัวอย่างที่สุดในชีวิต เพราะรู้ว่าอีก 10-15 นาทีผมจะต้องเผชิญกับคลื่นยักษ์สึนามิอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แถมตัวเองก็ว่ายน้ำไม่เป็นอีกด้วย และเพียงไม่นานผมก็เริ่มมองเห็นคลื่นยักษ์มาแต่ไกล มันเป็นกำแพงน้ำขนาดมหึมาสูงประมาณตึกสี่ชั้นเห็นจะได้ ไม่รู้ว่าพลังของมันจะรุนแรงขนาดไหน แต่ผมก็พยายามตั้งสติ และตั้งจิตอธิษฐานถึงพระแก้วมรกต คุณแห่งพระสยามเทวาธิราช โปรดช่วยคุ้มครองผมให้รอดชีวิตด้วยเถิด ผมตั้งสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกและนั่งดูคลื่นยักษ์โดยไม่ยอมหันหลังให้มัน ทันทีที่คลื่นยักษ์มาประชิดตัว ผมก็รีบหลับตาและสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เพื่อหวังว่าจะผ่อนลมหายใจออกทีละนิดทีละนิดตอนอยู่ในน้ำ คลื่นสึนามิโหมเข้าใส่ผมอย่างรุนแรงและเจ็บปวด ผมรู้สึกชาไปทั้งตัว คลื่นยักษ์พาตัวผมม้วนวนอยู่ในน้ำนานจนรู้สึกว่าอากาศที่สะสมไว้ในปอดถูกผ่อนออกมาจนหมดแล้ว ผมตั้งสติและค่อยๆใช้มือและเท้าพยายามถีบตัวเองให้ลอยขึ้นเหนือน้ำ ทั้งที่ไม่รู้ว่าเหนือน้ำนั้นอยู่ทางไหน ได้แต่ปล่อยให้เสื้อชูชีพที่สวมอยู่พาลอยขึ้นไปพอเริ่มรู้สึกถึงทิศทางที่เสื้อชูชีพพาไปได้ ผมก็พยายามถีบตัวเองให้โผล่ขึ้นพ้นน้ำ รู้สึกได้ว่าเป็นเวลาที่ยาวนานที่สุดจนแทบจะทนไม่ไหว รู้แต่ว่าผมมีสติอยู่กับตัวและหวังว่าเจ้านายจะรอดถึงฝั่งเรียบร้อยแล้ว และระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ตลอดเวลา และในวินาทีที่สิ้นแรงสิ้นหวังและคิดว่าคงสิ้นใจนั่นเอง ศีรษะของผมก็โผล่ขึ้นเหนือน้ำโดยไม่คาดฝัน ผมสำลักและอาเจียนออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าจนรู้สึกเกร็งและเจ็บไปทั้งตัว แต่แล้วเพียงไม่ทันไรคลื่นยักษ์ลูกใหม่ก็ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ผมต้องเผชิญกับสถานการณ์เหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง ภายหลังจึงทราบเขาเรียกว่าอาฟเตอร์ช็อก แต่ไม่รุนแรงและยาวนานเท่าครั้งแรก แต่ก็เจ็บปวดแทบขาดใจ ผมพยายามใช้ทั้งมือและเท้าโบกน้ำไปมาเพื่อจะไปหาเรือยางที่นั่งอยู่ตอนแรกซึ่งลอยอยู่ไม่ไกลนัก พยายามตั้งสติและรวบรวมพลังชีวิตเท่าที่เหลืออยู่เพื่อดันตัวเองไปให้ถึงเรือยางให้ได้ แม้จะทุลักทุเลก็ตาม พอถึงแล้วก็รีบเกาะเรือยางไว้แน่นสุดชีวิต จังหวะนั้นเองที่ผมเชื่อว่าผมรอดชีวิตแล้วจริงๆ ผมเกาะเรือยางและลอยคออยู่ในทะเลนานประมาณ 4 ชั่วโมง น้ำตาไหลด้วยความหวาดกลัวและยินดีที่รอดชีวิตแล้ว ทั้งยังรู้สึกหวาดหวั่นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ในที่สุดก็มีเรือขนาดเล็กของชาวบ้านมาช่วยนำผมขึ้นฝั่ง และตอนที่เรือกำลังลอยเข้าหาฝั่งนั้น ทั้งที่ร่างกายอันบอบช้ำยังนอนแน่นิ่งอยู่บนเรือท้องแบน แต่ผมกลับรู้สึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง และภาวนาให้เจ้านายของผมรอดปลอดภัย และเหนือสิ่งอื่นใดผมรู้สึกขอบคุณและภูมิใจในตัวเองที่สุด กับการได้เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องเจ้านายสุภาพสตรีของผมที่เคารพยิ่ง ด้วยเพราะขณะที่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าอีกประมาณ 10 นาทีจะเกิดคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ ขอให้ทุกคนรีบเข้าฝั่งโดยด่วนนั้น ผมกับเจ้านายของผมอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 3 กิโลเมตร ในตอนนั้นผมคิดอย่างเดียวว่าเจ้านายของผมต้องรอดชีวิต ต้องทำให้ท่านรีบเข้าฝั่งโดยด่วนที่สุด ผมสังเกตเห็นน้ำทะเลลดลงอย่างรวดเร็ว จึงบอกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำเจ็ตสกีที่มีอยู่เพียงคันเดียวตรงนั้น รีบขับพาเจ้านายเข้าฝั่งด่วนที่สุด แต่เจ้านายของผมก็บอกให้ผมซ้อนท้ายเจ็ตสกีไปด้วย แต่ผมรู้ดีว่าหากทำเช่นนั้นเจ็ตสกีจะต้องบรรทุกหนักขึ้นและการขับเคลื่อนก็จะช้าลงมาก อีกทั้งก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผมจะต้องแตะเนื้อต้องตัวเจ้านายที่ผมเคารพและเทิดทูนยิ่ง ผมจึงบอกกับเจ้านายไปว่าคุณรีบไปเถอะครับไม่ต้องห่วงผม ผมจะต้องปลอดภัยครับ ผมปฏิเสธอย่างหนักแน่นและตะโกนบอกให้คนขับเจ็ตสกีออกไปทันที และแม้แต่ตอนที่เจ็ตสกีกำลังพุ่งเข้าหาฝั่งด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้นั้น เจ้านายของผมก็ยังหันหลังกลับมามองด้วยความห่วงใย กระทั่งเมื่อเจ็ตสกีวิ่งลับตาหายไปแล้ว จึงเหลือแต่ผมที่นั่งอยู่บนเรือยางกลางท้องทะเลเพียงลำพัง เฝ้ารอเผชิญกับคลื่นยักษ์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลย เมื่อกัลยาณมิตรคนดังกล่าวเล่าให้ผู้เขียนฟังจนจบ ผู้เขียนก็รู้สึกชื่นชมและซาบซึ้งกับเขาอย่างสุดหัวใจ เขายังบอกกับผู้เขียนอีกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะอยู่ในความทรงจำของเขาตลอดชีวิต และยิ่งทำให้เขาเชื่อมั่นในคุณงามความดีโดยเฉพาะการเสียสละเพื่อให้เจ้านายรอดชีวิตนั้น เป็นความรู้สึกของการสำนึกรู้คุณที่แสนจะพิเศษ ไม่เพียงเท่านั้นยังได้รู้จักกับการก้าวข้ามตัวตนด้วยการห่วงใยเสียสละและอยากปกป้องผู้อื่นมากกว่าตัวเอง รวมทั้งเชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองตนเอง เชื่อว่าท่านรู้ว่านี่คือหนึ่งการเสียสละและตอบแทนคุณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนั่นเอง” จะเห็นได้ว่าคุณค่าของการสำนึกรู้คุณ การเสียสละ และการตอบแทนคุณนั้นน่าอัศจรรย์ยิ่ง และเมื่อเราพบคนดีเช่นนี้ก็ควรยกย่องบูชาบุคคลเหล่านี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในมงคล 38คือปูชา จ ปูชยียานํ คือการยกย่องเชิดชูคนที่เสียสละและทำงานเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติทั้งหลาย และสังคมทุกวันนี้ก็มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่เสียสละให้คุณค่าทางจิตใจ มีความเมตตากรุณา รู้จักยินดีปรีดาในความดีของผู้อื่น สำนึกรู้คุณพร้อมตอบแทนคุณ ซึ่งสังคมควรร่วมกันยกย่องเชิดชู นั่นเอง อย่างไรก็ตาม การตอบแทนคุณที่ถูกต้องไม่ใช่การบูชาคุณของผู้ที่ทุจริต เช่นให้ทรัพย์สินเงินทองที่ได้มาด้วยความคดโกง ค้ายาเสพติด ซื้อเสียงเลือกตั้ง และคดโกงประเทศชาติ เป็นต้น นอกจากนั้นผู้เขียนขอย้ำว่า “การตอบแทนคุณจะต้องปฏิบัติในสิ่งที่เป็นคุณตอบแทนเท่านั้น” ไม่ใช่การเนรคุณซึ่งอาจมีได้หลายรูปแบบตั้งแต่ การเพิกเฉย ไร้ความนอบน้อม ไม่สนใจใยดี ไม่ดูแลเอาใจใส่ ไร้ความรับผิดชอบ ทรยศหักหลัง รวมไปจนถึงเข่นฆ่ากันในที่สุด เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้วจึงขอเชิญชวนทุกท่านสำรวจตนเองดูว่า เราสำนึกรู้คุณของตนเองและผู้อื่นโดยเฉพาะผู้ที่มีบุญคุณกับเราแล้วตอบแทนคุณอย่างยิ่งใหญ่กันแล้วหรือยัง เพราะนั่นคือพลังทิพย์ที่จะทำให้ชีวิตเราอยู่รอดปลอดภัย(ดังเช่นกัลยาณมิตรของผู้เขียนที่เล่ามาแต่ต้น)และพบแต่ความสุขความเจริญในที่สุด “อ้อ! แล้วอย่าลืมร่วมกันตอบแทนคุณแผ่นดินด้วยนะครับ” ภาพปกจาก : Michelle_Raboni / pixabay ภาพที่1จาก : jplenio / pixabay ภาพที่2จาก : Comfreak / pixabay ภาพที่3จาก : StockSnap / pixabay ภาพที่4จาก: ผู้เขียน หนังสืออ้างอิง วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์. ปาฏิหาริย์แห่งการสำนึกรู้คุณ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์อัมรินทร์ธรรมะ, 2552. รศ.ดร.วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์ นักวิชาการสื่อสารสุขภาพจิตและศาสนาปรัชญา นักเขียนสำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,มติชน,อมรินทร์ธรรมะ,ซีเอ็ด,ดีเอ็มจีและวิชบุ๊ค ประธานสถาบันพัฒนาบุคลากรwuttipong academy ,ไอดีไลน์ac6555 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !