ปัจจุบันโลกของเรากำลังเผชิญกับโรคอุบัติใหม่ที่มีชื่อว่า “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019” หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีในชื่อ “COVID-19” เป็นที่ทราบกันอย่างดีว่าโรค COVID-19 นี้ได้ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อประชากรทั่วโลก นักวิจัยทั้งในไทยและต่างประเทศจึงพัฒนาเทคโนโลยีที่จะสามารถกำจัดเชื้อไวรัสนี้ พบว่ามีสิ่งหนึ่งที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสในอากาศหรือบนพื้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือ “รังสียูวีซี” ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อศัตรูตัวฉกาจของ COVID-19 คือ รังสียูวีซี! รังสียูวีซีมาจากไหน? รังสียูวีนั้นมีหลายชนิด ตามที่ทุกคนอาจเคยได้ยิน มีทั้งรังสียูวีเอ รังสียูวีบี และรังสียูวีซี รังสียูวีซีเป็นรังสีที่มีความยาวคลื่นสั้นที่สุดในรังสีทั้ง 3 ชนิด แต่กลับมีพลังงานสูงที่สุด สามารถฆ่าเชื้อโรคได้สูงถึง 99.99% ทั้งในอากาศ พื้นผิว วัตถุ และน้ำ อีกทั้งสามารถกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆ ทั้งไวรัส แบคทีเรีย ยีสต์และราได้ แต่รังสียูวีซีนั้นไม่สามารถผ่านลงมาถึงชั้นของผิวโลกได้เพราะชั้นบรรยากาศจะดูดกลืนรังสียูวีซีหายไปในชั้นโอโซน จึงทำให้เกิดการทำแสงสังเคราะห์ขึ้น ผ่านอุปกรณ์ที่เป็นหลอดไฟชนิดพิเศษอย่างที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ “หลอดยูวี” หรือคุ้นเคยกันในรูปของหลอดไฟสีฟ้า รังสียูวีซีทำลายเชื้อไวรัส COVID-19 ได้อย่างไร? ด้วยเทคนิค “UVGI” (Ultraviolet Germicidal Irradiation) ที่ใช้รังสียูวีซีฉายไปในอากาศที่เป็นระบบปิดหรือให้ตกกระทบบนวัตถุเพื่อกำจัดเชื้อไวรัส โดยพลังงานของรังสีจะทำลายถึงระดับ DNA และ RNA ของเชื้อไวรัส จนเชื้อไวรัสตายในที่สุด ซึ่งประสิทธิภาพในการทำลายนั้นจะขึ้นอยู่กับระยะเวลา ความเข้มแสงของรังสี และระยะห่างของแหล่งกำเนิดแสง โดยการประยุกต์ใช้งานเพื่อกำจัดเชื้อไวรัส COVID-19 มีหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น “หลอดกำจัดเชื้อโรค” มี 2 ชนิด คือ ชนิดที่ปล่อยก๊าซโอโซนร่วมด้วย และชนิดที่ปราศจากก๊าซโอโซน “การสร้างตู้ฆ่าเชื้อด้วยรังสียูวีซี” “การสร้างอุปกรณ์ฉายรังสียูวีซีแบบพกพา” เพื่อให้เกิดความสะดวกในการใช้งาน สามารถใช้ได้ทั้งในบ้าน โรงพยาบาล โรงแรม หอประชุม เป็นต้น ถึงแม้ว่าการใช้รังสียูวีซีจะสามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้เป็นอย่างดี แต่ผู้ใช้งานควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันรังสีและมีความระมัดระวังในการใช้เป็นอย่างมาก เนื่องจากรังสีชนิดนี้มีการทำลายล้างค่อนข้างสูง หากนำไปใช้ไม่ถูกวิธีอาจทำให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์ได้ โดยเฉพาะดวงตาและผิวหนัง จึงควรป้องกันตัวตามหลักป้องกันอันตรายจากรังสีอย่างถูกต้อง แหล่งอ้างอิงข้อมูล https://pharmacy.mahidol.ac.th https://www.chula.ac.th https://www.nimt.or.th ขอบคุณรูปภาพจาก รูปภาพปก โดยนักเขียน รูปภาพ 1 โดย Fusion Medical Animation / Unsplash รูปภาพ 2 โดย TheDigital Artist / Pixabay รูปภาพ 3 โดยนักเขียน รูปภาพ 4 โดยนักเขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !