ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 ที่ผ่านมา ประเทศไทยเกิดวิกฤติ PM 2.5 ต่อเนื่องมาจนถึงต้นเดือนมกราคม 2563 เกิดการแพร่กระจายของไวรัสโคโรน่า ทำให้หน้ากากอนามัย สินค้าที่น้อยคนจะเห็นความสำคัญ ขาดตลาดและราคาสูงขึ้นจากเดิมหลายร้อยเท่า ซึ่งปลายปีที่ผ่านมาตอนที่ลูกชายเข้าโรงพยาบาลเพราะป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ A ช่วงเวลานั้นเราซื้อหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐาน จำนวน 50 ชิ้น ราคาเพียงกล่องละ 40 บาท แต่ปัจจุบันหลาย ๆ ร้านจำหน่ายกล่องละ 500 - 800 บาท ถือว่าเรายังโชคดีมากที่มีหน้ากากอนามัยอยู่ที่บ้านสามารถใช้งานได้ทันที // Photo by sakooclub // จากสถานการณ์หน้ากากอนามัยขาดตลาด ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจึงได้เริ่มแก้ไขปัญหาด้วยการประกาศให้หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เป็นสินค้าควบคุม หากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า มีการกักตุนและขายราคาเกินสมควร จะมีโทษจำคุก 7 ปี และปรับ 140,000 บาท ทั้งนี้ แม้จะมีมาตรการเข้มข้นออกมา แต่เราก็ยังพบว่า ในร้านค้าออนไลน์ของประเทศไทย ยังมีการขายเกินราคาอยู่อีกหลายแห่งนะคะ ในการนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน นายกฯ ลุงตู่ จึงได้มีดำริให้ส่วนราชการเปิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยให้แก่ประชาชนโดยเร่งด่วน เริ่มจำหน่ายวันแรกวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 ณ หน้าประตู 6 ทำเนียบรัฐบาล เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนินนอก และศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก โดยหลังจากวันนี้แล้วจะย้ายสถานที่จำหน่ายไปยังกระทรวงพาณิชย์ ถนนสนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี // Photo by sakooclub // การเปิดขายวันแรก เราได้ไปร่วมสังเกตการณ์มาด้วย พบว่า มีประชาชนมาซื้อจำนวนมาก เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่จะแจกบัตรคิวเพื่ออำนวยความสะดวก แล้วเรียกประชาชนเข้าซื้อตามหมายเลขในบัตรคิว โดยจำกัดจำนวนการขายหน้ากากอนามัย โดยจำหน่ายราคาชุดละ 25 บาท จำกัดจำนวนคนละ 1 ชุด (10 แผ่น) ใช้เวลาขายประมาณ 25 นาที หน้ากากอนามัยจึงหมด // Photo by sakooclub // นอกจากนี้ ยังมีชุดอุปกรณ์ทำความสะอาด คือ เจลใสทำความสะอาดมือ และแอลกอฮอล์ มาร่วมจำหน่ายราคาชุดละ 141 บาท จำกัดจำนวนคนละ 1 ชุด ซึ่งสินค้าทั้งหมดนี้เป็นสินค้าคุณภาพมาจากองค์การเภสัชกรรม // Photo by sakooclub // ในฐานะนักช้อปปิ้งออนไลน์ เรามีความคิดเห็นว่า การจำหน่ายสินค้าในครั้งนี้เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในระยะเร่งด่วน แต่ระยะต่อไปเห็นว่า ควรพัฒนาการรูปแบบการจำหน่าย และการกระจายสินค้า เช่น - การขายผ่านระบบออนไลน์ เก็บเงินปลายทาง เพื่อลดภาระและค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน ตลอดจนป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคในพื้นที่ รวมทั้งจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้อง เช่น แอลกอฮอล์เจล ผ้าเปียกทำความสะอาด ฯลฯ ผ่านระบบออนไลน์ด้วย - สินค้าต่าง ๆ ไม่ควรแจกฟรี แต่จำหน่ายในราคาที่ยุติธรรม เพื่อไม่ให้เป็นภาระทางการเงินแก่ประชาชนมากจนเกินไปนัก นอกจากนี้ ในแต่ละวันคนเราต้องใช้หน้ากากวันละ 3 - 4 แผ่น ดังนั้น ปริมาณการจำหน่ายหน้ากากอนามัยต่อชุดควรมากกว่า 10 แผ่น - ควบคุมราคาตลาด บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้กักตุนสินค้า จำหน่ายสินค้าเกินราคา และเอาเปรียบผู้บริโภค นับเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่รัฐบาลเริ่มต้นควบคุมกลไกราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอนามัยของประชาชน และในเร็ววันนี้สินค้าที่จำเป็นดังกล่าวน่าจะกระจายไปยังประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่ส่วนราชการกำหนดไว้ สำหรับท่านใดที่ได้ซื้อสินค้าดังกล่าวไปแล้ว แนะนำให้เก็บไว้ใช้เองนะคะ อย่านำไปขายต่อแบบเกินราคานะคะ เพราะในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ พวกเราทุกคนควรจะช่วยเหลือเกื้อกูล และจับมือกันเดินก้าวข้ามสาธารณภัยครั้งนี้ไปด้วยกันค่ะ