การแพร่ระบาดของ Covid-19 ส่งผลกระทบที่ไม่คาดคิดกับสถานการณ์โลกอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าเป็น Double Black Swan ที่ไม่มีใครคาดคิดอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เกิดเป็นปัญหาลุกลามไปถึงสงครามราคาน้ำมัน ทำราคาน้ำมันร่วงดิ่งลงเหว ทำให้หลายประเทศที่เป็นมหาอำนาจด้านการค้าน้ำมันแทบจะทนพิษบาดแผลไม่ไหว ผลกระทบที่รุนแรงและยาวนานอีกทั้งยังไม่อาจคาดการได้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไรนี้ ทำให้ประเทศที่เคยเติบโตทางเศรษฐกิจสูงอย่างสิงคโปร์ ก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงแทบจะที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยก็ว่าได้ จากผลของราคาน้ำมันทำให้บริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของสิงคโปร์ Hin Leong Trading ต้องยอมขอยื่นล้มละลายเพราะไม่สามารถแบกรักภาระหนี้จะดำเนินกิจการต่อไปได้ ซึ่งก็เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่าโครงสร้างเศรษฐกิจของสิงคโปร์มีโอกาสล้มตามกันเป็นโดมิโน่ เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการค้านำเข้าและส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ประเทศสิงคโปร์มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง ประกอบกับสงครามราคาน้ำมันระหว่างสหรัฐอเมริกา รัฐเซีย จีน และซาอุดิอารเบีย เป็นผลให้ราคาน้ำมันล่วงลงมาอีก ด้วยกลไกของราคาน้ำมันที่ทำให้จำนวนของน้ำมันในสต๊อกของสิงคโปร์ที่มีมากถึง 1 ล้านบาร์เรลต่อวันกลายเป็นต้นทุนที่ติดลบ ซึ่งก็เป็นเหตุผลให้ธนาคารไม่ต้องการที่จะปล่อยกู้ให้แก่บริษัทค้าน้ำมันและกิจการด้านการเดินเรื่อขนส่งต่อไปได้ เพราะวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นนี้ทำให้เห็นถึงความไร้เสถียรภาพของกิจการเหล่านี้ ซึ่งก็ได้มีการคาดการว่าจะมีกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม ที่จะทยอยล้มละลายตามมาอีกเป็นระลอก ถึงแม้ว่าประเทศสิงคโปร์จะมีฐานการเงินที่มั่นคงสูง แต่หากไม่สามารถจัดปัญหาด้านความเชื่อมั่นการลงทุนได้ ก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดหนี้สารธารณะอย่างมหาศาลจนยากต่อการฟื้นฟูได้ เพราะตอนนี้แต่ละประเทศต่างก็มีนโยบายเน้นก็ใครภายในประเทศของตนก่อน แตกต่างจากปัญหาเศรษฐกิจที่ผ่าน ๆ มา ซึ่งมักจะมีตัวแทนประเทศผู้นำออกมาเสนอแนวทางช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอยู่เสมอ จากปัจจัยต่าง ๆ ชี้ให้เป็นว่าปัญหาความเชื่อมั่นด้านการลงทุนนับเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ เพราะหากธนาคารไม่สามารถปล่อยกู้ได้ ก็จะทำให้กิจการทั้งรายใหญ่รายเล็ก ก็ยากที่จะดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป ถึงแม้ว่าบริษัทรายใหญ่จะสามารถเอาตัวรอดได้ในระยะหนึ่ง ซึ่งก็ทำให้เราอาจจะได้เห็นการควบกิจการในหลาย ๆ ธุรกิจเพื่อพยุงรายย่อยไว้ ด้วยความเป็นเมืองท่าที่สำคัญจึงมิอาจจะปล่อยให้เสียดุลการแข่งขันทางเศรษฐกิจได้ จากที่กล่าวมานั้นเป็นภาพรวมของผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ต่ำลงมาและมีแนวโน้มว่าจะร่วงลงมาได้อีก กิจการในสิงคโปร์เป็นบริษัท Trading ถึงร้อยละ 70 ทำให้และธนาคารของสิงคโปร์เองก็พร้อมที่จะยุติการปล่อยกู้แก่บริษัทเหล่านี้ แต่รัฐบาลของสิงคโปร์เองก็ยังไม่ได้มีการแถลงนโยบายอย่างแน่ชัดว่าจะมีมาตรการด้านเศรษฐกิจอย่างไร อีกทั้งในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถควบคุมการติดเชื้อ Covid-19 ได้จนกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงในระดับต้นๆ ของโลก ด้วยสถานการณ์ที่บ่งบอกถึงความมีเสถียรภาพไม่ได้ ทำให้สิงคโปร์จำเป็นต้องใช้เวลาและเงินทุนอีกมากที่จะสามารถฟื้นฟูความมั่นคงให้กลับคืนมา ข้อมูลอ้างอิง https://www.thaipost.net/main/detail/63973 https://dmf.go.th/public/list/data/detail/id/11269/menu/604/page/3 เครดิตภาพ ภาพหน้าปก : ภาพโดย Sasin Tipchai จาก Pixabay >>> link ภาพ ภาพประกอบที่ 1 : ภาพโดย SatyaPrem จาก Pixabay >>> link ภาพ ภาพประกอบที่ 2 : ภาพโดย confused_me จาก Pixabay >>> link ภาพ ภาพประกอบที่ 3 : ภาพโดย 5477687 จาก Pixabay >>> link ภาพ