คุณผู้อ่านเคยหรือเปล่าคะ ที่อยากจะประหยัดและเก็บเงินบ้าง แต่ก็ทำไม่ได้สักที เนื่องจากรายการที่ต้องใช้เงินนั้นเยอะเหลือเกิน เพราะพอเงินเข้ามาปุ๊บ รายจ่ายก็จะประเดประดังกันเข้ามาปั๊บเลย และยิ่งในยุคข้าวยากหมากแพงอย่างนี้แล้วด้วย อะไรก็แพงไปหมด ฉะนั้นการที่รายได้เท่าเดิม แต่รายจ่ายเพิ่มขึ้นนั้น จึงทำให้มักจะชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่เสมอ จนหลาย ๆ คนต้องกู้หนี้สินเพราะเงินไม่พอใช้นั่นเอง ฉะนั้นการจะประหยัดได้นั้น จึงเป็นเรื่องยากมากเลยล่ะซึ่งก่อนหน้านี้ผู้เขียนก็เป็นอย่างนี้ล่ะค่ะ คือรายได้แทบไม่พอใช้เลย แต่ก็ไม่เคยกู้หนี้ยืมสินค่ะ เพราะไม่ชอบเป็นหนี้ ฉะนั้นจึงต้องประหยัดแบบสุด ๆ เลยล่ะ จนเมื่อไม่นานมานี้ ผู้เขียนจึงเริ่มคิดว่ายังไงซะ ทุกครั้งที่มีรายได้เข้ามา ก็ต้องเก็บเงินให้ได้บ้าง… เพื่อจะมีเงินเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น จึงได้เริ่มต้นใช้วิธีอย่างที่จะแชร์ให้กับคนผู้อ่านต่อไปนี้ล่ะค่ะ ซึ่งปรากฏว่า ช่วยเซฟรายจ่ายได้ดีมาก แถมยังทำให้สามารถเก็บเงินได้จริง ๆ อีกด้วยค่ะ.. ซึ่งจะเป็นวิธีอะไรนั้น มาดูกันเลยค่ะ.... 1. ต้องแบ่งเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเก็บไว้..ในแต่ละเดือน หรือแต่ละครั้งที่มีรายได้เข้ามานั้น ต้องแบ่งเงินจำนวนหนึ่งเก็บเอาไว้ต่างหาก ซึ่งไม่ควรจะมากเกินหรือน้อยเกินไป อาจจะ 10-20 % ของรายได้ หรืออาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่านี้ก็ได้แล้วแต่คุณผู้อ่านค่ะ แล้วแยกจำนวนเงินที่จะเก็บนั้นไปไว้ในบัญชีอื่นเลย โดยที่ไม่ต้องปนกับบัญชีที่ใช้เป็นประจำ เพื่อป้องกันการใช้เพลินน่ะค่ะ เพราะหากแยกบัญชีอย่างนี้แล้ว ต่อให้เงินในบัญชีที่ใช้เป็นประจำหมดก็ตาม ก็ยังจะมีเงินเก็บในอีกบัญชีหนึ่ง แต่ต้องไม่แตะเงินก้อนนี้นะคะ หากไม่จำเป็นจริง ๆ …หรือหากลืมไปเลยได้ก็ยิ่งดีค่ะ หลังจากนั้น ก็มาเซฟเงินในบัญชีที่ใช้เป็นประจำด้วยวิธีที่ 2 - 6 ดังต่อไปนี้ค่ะ.. 2. ทำน้ำยาล้างจานใช้เอง...หลายคนอาจจะคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำเองหรอกยุ่งยาก เพราะน้ำยาล้างจานแค่สิบยี่สิบบาทเอง ไม่ได้เสียเงินเยอะแยะอะไรมากมาย… ก็จริงค่ะ หากว่าอยู่คนเดียวซื้อใช้ก็ไม่เปลืองอะไรมาก แต่หากว่าอยู่เป็นครอบครัวแล้วล่ะก็ หากทำใช้เอง จะเซฟเงินได้มากเลยค่ะ ผู้เขียนเอง ก่อนจะทำน้ำยาล้างจานใช้เองนั้น ก็ต้องเสียเงินไม่น้อยเพื่อ ซื้อน้ำยาล้างจานมาใช้ แล้วก็รู้สึกว่าใช้เปลืองมากด้วย ต้องคอยซื้อตลอดเลย ซึ่งทำให้เงินส่วนหนึ่งก็หายไปกับน้ำยาล้างจานนี่ล่ะค่ะ จึงทำให้เก็บเงินไม่ได้เลย จนกระทั่งมาทำใช้เองนี่แหละ บอกเลยว่าต้นทุนไม่เกิน 200 บาทค่ะ วัตถุดิบ ก็จะมีแค่ N70 ( ซื้อจากลาซาด้า หรือร้านเคมีภัณฑ์ทั่วไป), เกลือแกง, น้ำสะอาด, มะนาว, มะกรูด, หรือมะขามเปียก แล้วแต่ว่าจะทำสูตรไหนเท่านั้นค่ะ ซึ่งสามารถดูใน YouTube ได้เลย… และยิ่งหากบ้านไหนปลูกมะนาวหรือมะกรูดอยู่แล้ว ก็ยิ่งประหยัดต้นทุนไปอีกค่ะ ซึ่งทำแต่ละครั้ง ก็ใช้ไปได้หลายเดือนเลยล่ะ จึงทำให้สามารถเซฟเงินที่ต้องซื้อน้ำยาล้างจานในแต่ละเดือนหรือแต่ครั้งได้เลยและนอกจากจะประหยัดแล้วนะ ยังปลอดภัยอีกต่างหากนะคะ เพราะว่าเราทำเองค่ะ ฉะนั้นอย่ามองข้ามของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราต้องควักเงินซื้อ…เพราะคิดว่า แค่ไม่กี่สิบบาทเอง แต่หากต้องซื้อไปหลาย ๆ ครั้ง ในแต่ละเดือน ก็จะเป็นร้อยได้นะคะ ฉะนั้นเมื่อผู้เขียนทำน้ำยาล้างจานใช้เองแล้ว จึงทำให้สามารถเก็บเงินได้น่ะค่ะ 3 . ทำครีมอาบน้ำ และแชมพูใช้เอง...สิ่งเหล่านี้ ก็เป็นสิ่งที่ต้องคอยซื้อประจำเลยล่ะค่ะ ซึ่งหากใช้เป็นสบู่ก็อาจจะไม่ค่อยเปลืองเท่าไร แต่หากใช้เป็นครีมอาบน้ำแล้วล่ะก็ จะเปลืองน่าดูเลยล่ะ โดยเฉพาะผู้หญิงแล้ว ต้องซื้อทั้ง ครีมอาบน้ำ แชมพู และครีมนวดผม หรือบางครั้งหากผมเสียมาก ๆ ก็ยังจะต้องซื้อพวกทรีทเม้นท์อีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ควักเงินซื้อแต่ละครั้งไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะคะ จึงทำให้เสียเงินไปกับสิ่งเหล่านี้ไม่น้อยเลยค่ะเพราะเหตุนี้ผู้เขียนจึงได้ดูสูตรการทำแชมพูและครีมอาบน้ำจาก you tube แล้วก็เอามาประยุกต์ใช้สำหรับทั้งสระผมแล้วก็อาบน้ำในขวดเดียวกันเลย โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมนวดเลยล่ะ ผมก็นุ่มและไม่แตกปลายเลยค่ะ ซึ่งต่างจากเมื่อก่อน ที่ต้องควักเงินซื้อทั้งครีมอาบน้ำ แชมพูและครีมนวด แต่ผมก็ยังแห้งแข็งกระด้าง แตกปลาย และก็ร่วงมากอีกด้วย เนื่องจากเมื่อก่อนเป็นคนที่ชอบย้อมผมแล้วก็ยืดผมบ่อย ผมก็เลยเสียมากน่ะค่ะ แต่หลังจากมาใช้สูตรธรรมชาติที่ประยุกต์เองแล้ว ผมก็เริ่มมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด… โดยผู้เขียนเอา ว่านหางจระเข้ ใบเตย แล้วก็ดอกอัญชัน ( ซึ่งปลูกเองค่ะ ) มารวมอยู่ในสูตรเดียวกันเลย เพราะสามอย่างนี้ มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์มาก ๆ กับทั้งเส้นผมและผิวพรรณน่ะค่ะ ฉะนั้นจึงทำแค่สูตรเดียว ก็ใช้ได้ทั้งสระผมและอาบด้วย และก็ใช้ได้นานหลายเดือนเลยล่ะค่ะ โดยการแช่เอาไว้ในตู้เย็น จึงเป็นการประหยัดแบบที่สุดของที่สุดเลยล่ะ เพราะไม่ต้องซื้อทั้งครีมอาบน้ำ แชมพู หรือครีมนวดผมอีกแล้วล่ะค่ะ ซึ่งคุณผู้อ่านสามารถเข้าไปดูสูตรต่าง ๆ ไม่ว่าจะ เป็นการทำยาสระผมหรือครีมอาบน้ำจาก YouTube ได้นะคะ มีหลายสูตรด้วยกัน และยิ่งหากคุณผู้อ่าน มีวัตถุดิบในสูตรที่อยากจะทำอยู่แล้วล่ะก็ ยิ่งจะประหยัดเข้าไปใหญ่เลยค่ะ… เพราะจะซื้อแค่ N70 เกลือแกง และน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นเท่านั้นเอง ซึ่ง N70 สามารถซื้อตามร้านเคมีภัณฑ์ หรือสั่งจากทาง ลาซาด้า ได้ เห็นไหมล่ะค่ะว่า หากไม่ต้องคอยควักเงินซื้อสิ่งเหล่านี้แล้ว การจะเซฟเงินในกระเป๋าหรือการเก็บเงินนั้น ทำได้แน่นอนค่ะ …. 4 . ทำครีมและโลชั่นใช้เอง...ครีมทาหน้าและโลชั่นทาผิว ก็เป็นสองสิ่งที่ใช้เงินไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะครีมทาหน้านั้น ยิ่งมีปัญหาเกี่ยวกับผิวหน้ามากเท่าไร ก็จะยิ่งต้องหาครีมที่ตอบโจทย์ให้ได้เท่านั้น ฉะนั้นราคาก็จะยิ่งสูงขึ้น… นี่จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประหยัด หรือเก็บเงินไม่ได้น่ะค่ะ ซึ่งผู้เขียนเอง ก่อนหน้านี้ก็มีปัญหาหลายอย่างเลยเกี่ยวกับผิวหน้า จึงได้ซื้อครีมเขาว่าดีนักดีหนามาใช้ ซึ่งราคากระปุกหนึ่งก็เป็นร้อยถึงหลายร้อยเลยล่ะค่ะ แต่ใช้มาหลายเดือนก็ไม่เห็นผลสักที โดยที่เงินก็หายไปกับครีมแพง ๆ เหล่านั้นอย่างไร้ผลลัพธ์ซึ่งต่อมาก็ใช้ครีมซองละ 29 บาท ดูแล้วเหมือนราคาจะถูกนะ แต่ปริมาณก็น้อยค่ะ แต่ละซองใช้ได้แค่ไม่กี่วันเอง ซึ่งก็ถือว่าเปลืองมากเลยทีเดียว แม้ว่าดูเหมือนราคาจะถูก แต่หากต้องซื้อบ่อย ๆ นี่ ก็ไม่ต่างอะไรกับกระปุกราคาเป็นร้อยเหมือนกันนะคะ ซึ่งนอกจากต้องควักเงินซื้อบ่อย ๆ แล้ว ก็ไม่ได้ตอบโจทย์อะไรเลยค่ะ ยิ่งใช้นานก็ยิ่งรู้สึกว่าแสบหน้า แล้วผิวก็จะลอกเป็นขุยด้วย จนในที่สุด ก็คิดว่าทำครีมใช้เองดีกว่า เพราะเห็นใน YouTube มีสอนทำอยู่หลายสูตรเลย ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นสูตรจากธรรมชาติทั้งนั้นค่ะ.. จึงได้ประยุกต์เอาส่วนผสมที่ต้องการแก้ปัญหาผิวหน้าของตัวเอง มารวมกันเป็นสูตรเดียวเลย เช่น ว่านหางจระเข้ ( แบบ 98 % ราคากระปุกละ สิบกว่าบาท ) แครอท แตงกวา (อย่างละลูก ) กาแฟ และน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น คือทำครั้งหนึ่งก็ใช้ได้ประมาณ 2 อาทิตย์โดยแช่ไว้ในตู้เย็น เพราะว่าใช้ของสดน่ะค่ะ ( แตงกวา กับ แครอท ) แต่บอกได้เลยว่า งบประมาณในการทำแต่ละครั้งนั้น เฉลี่ยไม่ถึง 50 บาทเลยค่ะ ใช้เงินน้อยมาก จึงทำให้ประหยัดแบบสุด ๆ เลยล่ะ ซึ่งผู้เขียนก็ทำอย่างนี้ใช้มาได้ประมาณ 8 เดือนแล้ว นอกจากจะประหยัดเงินได้แล้ว ผลลัพธ์ก็ยังน่าพอใจเป็นที่สุดเลยล่ะ คือผิวหน้าดีขึ้นมาก ๆ เลย ไม่แห้งกร้าน ไม่ลอกเป็นขุย รูขุมขนก็กระชับขึ้น แถมหน้าไม่หมองคล้ำและมันเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วล่ะ ส่วนโลชั่นก็จะใช้แค่ว่านหางจระเข้ (แบบกระปุก) ผสมกับน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น แค่นี้เองค่ะ ซึ่งทำให้ผิวชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน เหมือนกับตอนที่ยังใช้โลชั่นของท้องตลาดน่ะค่ะ… นี่แหละค่ะ จากที่ต้องเสียเงินหลายร้อย เพื่อซื้อครีมทาหน้ากับโลชั่นทาผิว แต่หลังจากที่ทำใช้เองแล้ว ประหยัดเงินได้มากมายเลยค่ะ จึงทำให้สามารถเก็บเงินได้จริง ๆ ค่ะ 5 . ทำน้ำยาปรับผ้านุ่มใช้เอง....เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็จะใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกันนะคะ ซึ่งก็ถือว่าเปลืองเหมือนกันค่ะ สำหรับคนที่ใช้เป็นประจำ แล้วก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่จะต้องควักเงินในกระเป๋าเพื่อที่จะซื้อน่ะค่ะ.. ซึ่งก่อนที่จะทำใช้เอง ก็รู้สึกว่าใช้เปลืองมากเลย ต้องคอยควักเงินเพื่อซื้อมาใช้ตลอด แต่พอซื้อมาผสมเองแล้ว ปรากฏว่า ใช้ได้นานค่ะ ประหยัดมาก ๆ อีกอย่างชุดทำน้ำยาปรับผ้านุ่มมีหลายราคาด้วยกัน ซึ่งถ้าเป็นชุดเล็กก็จะ 100 บาท ( ไม่รวมค่าจัดส่งนะคะ ) ซึ่งผสมได้ประมาณ 8 ถึง 10 ลิตรน่ะค่ะ แต่หากเป็นชุดใหญ่ ราคาก็จะร้อยกว่าบาท แต่ก็จะผสมได้เยอะขึ้นด้วยนะ ซึ่งหากเอามาบวกลบคูณหารกับที่ขายในท้องตลาดแล้ว บอกเลยว่าประหยัดมากกว่าหลายเท่าเลยค่ะ…. 6 . กินกล้วยน้ำว้าแทนแทน วิตามิน.... เชื่อว่าเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย คงจะมีจำนวนไม่น้อยเลยล่ะค่ะ ที่กินอาหารเสริม จำพวกวิตามิน และคอลลาเจน ซึ่งทั้งด้วยเหตุผลเพื่อสุขภาพหรือความงามน่ะค่ะ .… ฉะนั้นการกินวิตามินหรือคอลลาเจนจึงเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างจะสะดวก ที่คนส่วนใหญ่เลือกน่ะค่ะ…ก่อนหน้า ผู้เขียนก็กินวิตามิน พวกไบโอตินนะ เพราะผมร่วงมาก อีกทั้งวิตามินรวม วิตามินซี และคอลลาเจนด้วยค่ะ เรียกว่าซื้อแต่ละครั้งนี่ หมดเงินไปหลายร้อยเลยล่ะ แต่ก็กินมาได้เป็นปีจนได้ บอกตรง ๆ ว่า ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ผิวพรรณก็ไม่ได้ใสขึ้น ผมก็ร่วงเหมือนเดิม เลยหยุดกินค่ะเพราะเปลืองเงินเปล่า ๆ แต่ก็ยอมรับนะคะว่า หากเป็นยี่ห้อที่มีคุณภาพจริง ๆ แล้ว ก็เห็นผลลัพธ์นะ คือเคยกินของยี่ห้อหนึ่งอยู่พักหนึ่ง ก็รู้สึกว่าหน้าใสขึ้นจริง ๆ ค่ะ แต่ราคาแพงมากเลย…สู้ราคาไม่ไหว เลยหยุดกินเหมือนกันค่ะ…ต่อมาก็กินกล้วยน้ำว้า เพราะว่ามีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยและขับถ่าย ทำให้ท้องผูกประจำ ( ซึ่งหากคุณผู้อ่านท่านใดที่มีปัญหาเกี่ยวกับท้องผูก, ลมหายใจมีกลิ่น, มีอาการปวดประจำเดือน และอีกหลาย ๆ อาการ ลองเข้าไปอ่านบทความเรื่อง " กล้วยน้ำว้ากินยังไงให้เป็นยา , กล้วยน้ำว้าต้องกินตอนไหนถึงดับกลิ่นปากหรือกลิ่นลมหายใจเหม็นได้ และ น้ำแค่ดื่มไม่พอก็เป็นยา" บทความเหล่านี้ ผู้เขียนได้แชร์ประสบการณ์ของตัวเองและการรักษาโดยการกินกล้วยน้ำว้าและดื่มน้ำน่ะค่ะ ) แต่บอกเลยว่า นอกจากอาการท้องผูกจะหายแล้ว ยังรู้สึกว่า ผิวพรรณดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ คือทาอะไรก็ซึมเข้าผิวได้ดีมากขึ้น ไม่ว่าจะทั้งผิวหน้าหรือผิวกาย เพราะกล้วยน้ำว้า มีวิตามินมากมายเลยล่ะค่ะ ซึ่งดีทั้งกับสุขภาพร่างกายและผิวพรรณน่ะค่ะ และหากเทียบกับเมื่อก่อนที่ยังกินวิตามินแล้วล่ะก็ ต่างกันลิบลับเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผลลัพธ์ที่ได้หรือการประหยัดเงิน… นี่ล่ะค่ะ เป็นวิธีที่ผู้เขียนทำเพื่อจะเซฟเงินในกระเป๋า และเก็บเงินได้น่ะค่ะ ซึ่งอาจจะลำบากนิดนึง ในการทำสิ่งเหล่านี้ แต่ขอบอกว่า มันคุ้มค่ามาก ๆ เลยนะ เพราะนั่นคือการที่จะช่วยประหยัดและเก็บเงินได้ 100% น่ะค่ะ ซึ่งคุณผู้อ่านสามารถ เอาวิธีของผู้เขียนไปปรับใช้ ให้เหมาะกับตัวเองนะคะ ว่ามีอะไรบ้างที่สามารถทำใช้เองได้แทนการที่จะเอาแต่ซื้อ…เพราะยิ่งหากควักเงินซื้อของจำนวนน้อยครั้งได้เท่าไร ก็จะยิ่งประหยัดและเก็บเงินได้มากขึ้นเท่านั้น น่ะค่ะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ….ขอบคุณค่ะ เครดิตภาพ ภาพปก โดย ผู้เขียนภาพประกอบที่ 1, 3 - 6 โดย ผู้เขียนภาพประกอบที่ 2 2.1 : Shutterbug75 / Pixabay2.2 : Inactive account - ID 41330 / Pixabay2.3 : KenStock / Pixabayเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !