เป็นอีกหนึ่งผลงานคุณภาพจากค่ายใหญ่อย่าง Disney ที่ทั้งสนุกซึ้งกินใจ สำหรับเวลาว่างในช่วงกักตัวที่คุณไม่รู้จะดูหนังดูภาพยนต์หรือจะเป็นซีรี่ย์เรื่องไหน เราขอแนะนำCoCo2018 ที่จะทำให้คุณรู้สึกไม่เสียดายที่เลือกชมอนิเมชั่นผลงานคุณภาพเรื่องนี้เลยค่ะอนิเมชั่นเรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนต์อนิเมชั่นยอดเยี่ยมแห่งปี 2018 มาครอง ถึงรายได้ในสหรัฐอเมริกาจะไม่มาก เพราะอนิเมชั่นเรื่องนี้ได้แรงบรรดาลใจมาจาก เทศกาลแห่งความตาย ซึ่งเป็นเทศการประจำปีของชาวเม็กซิกัน แต่ถึงอย่างนั้นผลงานอนิเมชั่นเรื่องนี้ก็สามารถกวาดรายได้ทั่วโลกมากถึง 769.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 24,670,811,000 บาทไทย นอกจากรางวัลออสการ์แล้วนั้นยังได้รางวัลลูกโลกทองคำครั้งที่ 75 สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันขนาดยาวยอดเยี่ยมอีกด้วย!ซึ่งภาพยนตร์อนิเมชั่น CoCo2018 นี้ เป็นผลงานกำกับร่วมกันระหว่าง Unkrich กับ Adrian Molina ซึ่งเป็นผู้กำกับมากฝีมือที่แฟนๆชาวไทยต่างคุ้นเคยกับผลงานกำกับสุดคุณภาพของเขามาแล้ว อาทิ เรื่อง ทอย สตอรี่ ตั้งแต่ภาค1-4 หนึ่งในอนิเมชั่นที่อยู่ในใจของแฟนๆชาวไทยหลายๆคน หลังจากที่เกริ่นกันมาเยอะแล้วเรามาลองอ่านเนื้อหาที่คุณจะได้รับหลังดูภาพยนต์อนิเมชั่นเรื่องนี้จบกันเลยค่ะ รีวิว CoCo2018 ภาพยนตร์อนิเมชั่นคุณภาพที่จะทำให้คุณต้องเสียน้ำตาเนื้อเรื่องย่อมิเกลเด็กหนุ่มที่โตมาในครอบครัวทำรองเท้าที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นสู่รุ่นแต่กลับคลั่งไคล้ในเสียงดนตรีและไม่สามารถบอกใครได้มีเพียงแค่ย่าทวดโคโค่ที่มิเกลพูดทุกอย่างให้ฟังและเจ้าดัลโต้ หมาจรจัดที่มิเกลเจอทุกวันเวลาออกไปที่จัตตุรัสดนตรีเพื่อฟังเสียงดนตรีที่เขาหลงใหล และมีความฝันที่อยากจะเป็นนักดนตรีเหมือนกับ เออร์เนสโต้เดอลาคลูซศิลปินผู้โด่งดังที่เริ่มจากการตะลอนร้องเพลงไปทั่วจนโด่งดังมีชื่อเสียงและไม่มีใครที่จะไม่รู้จักเขายกเว้นซะแต่ครอบครัวของมิเกล!! ที่เกลียดเสียงดนตรีอย่างกับอะไรดี เพราะพ่อของมาม่าโคโค่ย่าทวดมิเกลเขาเป็นคนที่รักและชอบในเสียงดนตรีและเขามีความฝันอยากขับกล่อมคนทั้งโลกและแล้ววันหนึ่งเขาก็จากไปพร้อมกับกีตาร์ของเขา นั่นทำให้มาม่าอิเมด้าเสียใจและฉีกรูปใบหน้าพ่อของย่าทวดออก และไม่มีใครสามารถรู้ได้เลยว่าหน้าตาพ่อของมาม่าโคโคคือใคร? หลังจากเสียใจได้ไม่นานมาม่าอิเมด้าก็ผลักใสดนตรีทั้งหมดออกไปจากชีวิตของตนและสร้างธุรกิจทำรองเท้าขึ้นมาทำให้ครอบครัวของมิเกลตั้งแต่รุ่นลูกรุ่นหลานจนมารุ่นของมิเกลแทบจะไม่ได้รู้จักเสียงดนตรีอีกเลย และเธอคุณย่าอาโบลิต้าลูกสาวของมาม่าโคโคบุคคลที่มีนิสัยเหมือนมาม่าอิเมด้าย่าทวดที่ตายไปแล้วอย่างกับคนเดียวกัน เพราะเธอสั่งห้ามไม่ให้มีเสียงดนตรีและเกลียดขนาดที่ห้ามให้คนเล่นดนตรีผ่านหน้าบ้านของตน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความฝันของมิเกลหายไปเพราะถึงอย่างนั้นมิเกลก็ยังคงแอบฝึกและร้องเพลงด้วยตัวเอง ที่ห้องใต้หลังคาเขาฝึกไปพร้อมๆกับศิลปินที่เขาชื่นชอบและอยากจะเป็นเหมือนเขา อยากที่จะขับร้องเพลงของตัวเองให้ก้องไปทั่วทั้งโลก (ฉากมิเกลนั่งแอบฝึกกีตาร์เองด้วยตัวคนเดียวพร้อมกับเปิดคลิปศิลปินในดวงใจของเขาอย่างเออร์เนสโต้เดอลาคลูซ ไปด้วยนั้นเป็นฉากที่ซึ้งกินใจสำหรับคนที่มีความฝันและคนที่ชอบและหลงไหลในศิลปินอย่างแอดมากค่ะ)มิเกลไม่ยอมแพ้ต่อความฝันของตัวเองเขาตัดสินใจจะไปประกวดร้องเพลงที่จัตตุรัสดนตรี!! ที่จะจัดการแข่งขันขึ้นในค่ำคืนนี้ เป็นการฉลองในเทศกาล เดียเดลอสมอลตูส วันที่ลูกหลานจะต้องนำเอารูปถ่ายของบรรพบุรุษที่ตายไปแล้วมาตั้งจัดเรียงพร้อมเซ่นไหว้ถวายอาหาร และโปรยกลีบดอกไม้เพื่อที่เล่าบรรพบุรุษที่ตายไปแล้วจะได้กลับมาแค่วันเดียวแบบนี้ตลอดของทุกปี ในระหว่างนั้นเขาก็ได้เจอความจริงบางอย่าง ที่ว่าพ่อของย่าทวดมาม่าโคโค่คือใคร? ทำให้มิเกลได้รู้ว่าแท้จริงแล้วพ่อของมาม่าโคโค่ก็คือ เออร์เนสโต้เดอลาคลูซนั่นเอง! เขาวิ่งไปบนหลังคาด้วยความดีใจและตะโกนบอกทุกคนในบ้านให้รู้ แต่ผลกลับไม่เป็นอย่างที่มิเกลคิดเพราะสุดท้ายแล้วย่าอาโบลิต้าก็ขนทุกอย่างที่เป็นเสียงดนตรีมากองทิ้งพร้อมกับสั่งห้ามไม่ให้เล่นหรือซื้อมาอีก (ฉากในตอนนี้สะท้อนความคิดหลายอย่างจากสังคมเราเลย บางครั้งผู้ใหญ่เรานั้นมักจะตีกรอบและมองข้ามว่าความฝันของเด็กๆบางสิ่งบางอย่างเป็นเพียงแค่ความฝันที่ไร้จินตนาการ หรือเรียกอีกอย่างว่าไร้สาระนั่นเองค่ะ^^ เคยมีหลายครั้งหลายครอบครัวที่มองข้ามและไม่สนับสนุนความคิดของลูกๆ ถึงจะเป็นเพียงการ์ตูนแต่ดิสนีย์ใส่ใจรายละเอือดหยิบย่อยนี้มากค่ะ) นั่นทำให้มิเกลต้องหนีออกจากบ้านมา.... และหลังจากนั้นมิเกลก็ได้บังเอิญพลัดหลงเข้าไปในโลกของผู้วายชนม์ และต้องขอความช่วยเหลือจากบรรพบุรุษผู้เป็นนักดนตรีเพื่อที่จะกลับมาหาครอบครัวในโลกของคนเป็น ซึ่งการที่มิเกลจะกลับมาเป็นคนได้นั้นมิเกลจะต้องได้รับพรจากบรรพบุรุษของตนฉากแต่ละฉากอลังการมาก!ขนาดเราเป็นวัยรุ่นแล้วยังรู้สึกตื่นตาตื่นใจไปตามๆกัน ซึ่งในระหว่างทาง เขาก็ได้เจอกับคุณย่าทวดอิเมด้าที่ตายไปแล้ว บุคคลที่กำหนดกฎเกณฑ์และสั่งห้ามไม่ให้ลูกหลาน เล่นดนตรีหรือแม้แต่ยุ่งเกี่ยว (และแน่นอนการพบปะกันกับคุณย่าทวดที่ตายไปแล้วในครั้งนี้ก็เกิดการทะเลาะขัดใจกันนิดหน่อย ความคิดแตกแยกที่ต่างออกไป ฝ่ายของย่าทวดก็คอยเอาแต่สั่งห้ามโดยไม่แม้แต่จะฟังความคิดของเด็กอย่างมิเกล ที่มิเกลพยายามบอกว่ามันคือความฝันของเขา แต่สุดท้ายเราก็ต้องทำตามและยอมแพ้ ตามค่านิยมความคิดที่ผู้ใหญ่สั่งอะไรคนเป็นเด็กจะต้องทำตาม ซึ่งบางครั้งก็ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์และดูงี่เง่าไปหน่อย เป็นฉากที่ประทับใจมากค่ะ^^) และนั้นทำให้มิเกลเลือกที่จะตามหาปู่ทวดอย่างเออร์เนสโต้เดอลาคลูซ ปู่ทวดคนเดียวที่จะทำให้เขากลับไปยังโลกมนุษย์ได้อย่างเคยและได้ร้องเพลงหรือทำในสิ่งที่เขารักและเดินตามรอยอย่างที่ปู่ทวดได้ทำไว้ และการจะออกตามหาปู่ทวดของมิเกลที่เป็นถึงศิลปินผู้โด่งดังนั้น ก็ยากที่จะเข้าถึงตัวได้ง่ายซึ่งแน่นอนการออกเดินทางในครั้งนี้ มีความพีคตั้งแต่ตอนเริ่มเดินทางที่มิเกลได้เจอกับผีไร้ญาติ และในระหว่างที่เขาทั้งสองร่วมเดินทาง เพื่อออกตามหา เออร์เนสโต้เดอลาคลูซศิลปินผู้โด่งดังแล้วนั้น ฉากแต่ละฉากยังแสดงให้เห็นความเอาใจใส่คอยดูแลช่วยเหลือของผีไร้ญาติอย่างเฮกเตอร์นั้นก็ทำให้คนดูรู้สึกอินไปตามๆกันเลยค่ะ TTซึ่งแน่นอนตามสไตล์หนังของดีสนีย์แล้ว นอกจากจะมีเนื้อหากินใจและบทละครที่ลงตัวแล้วนั้น ในส่วนของความตลกในบทละครที่ใส่มาแต่ละฉากก็ทำเอาเราทุกคนในโรงหนังถึงกับหัวเราะไปตาม ๆ กัน บทฮา ๆ เล็กๆน้อยก็มีมาเรื่อย ๆ ทำให้เนื้อเรื่องดูไม่น่าเบื่อเเถมยังเพิ่มความน่าติดตามเข้าไปอีกในระหว่างทางนั้นคนดูก็จะค่อย ๆ เรียนรู้และได้เจอกับความเป็นจริงบางอย่าง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่ค่อยๆเชื่อมกัน และทำให้มิเกลได้รู้ว่า เวลาที่เราได้อยู่กับคนที่เรารักนั้นมันมีค่าขนาดไหน อีกหนึ่งฉากที่ประทับใจเลยก็คือ กับบทพูดสุดท้ายของผีไร้ญาติที่ยังตราตรึงใจคนดู "เมื่อเราตายไปแล้วที่ที่เราจะไปที่แรกก็คือความทรงจำของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ และเมื่อไม่มีใครสามารถจดจำเราได้แล้วในโลกของคนเป็นเราก็จะค่อยๆสูญสลายหายกลายเป็นผุยผง เราเรียกมันว่าความตายขั้นสุดท้าย"สุดท้ายแล้วการเดินทางที่แฝงไปด้วยมิตรภาพ และความทรงจำของมิเกลจะเป็นยังไงต่อไป สุดท้ายจะได้กลับมาเล่นดนตรีในสิ่งที่ตนรักและฝันได้หรือไม่จะสามารถทำให้ผู้ใหญ่ยอมรับในตัวเองได้รึป่าวนั้น และคำว่าครอบครัวที่แท้จริงของมิเกลจะหมายถึงอะไร? ปู่ทวดคนเดียวของมิเกลจะสามารถช่วยเหลือมิเกลได้หรือไม่นั้น?นี่เป็นเพียงการเกริ่นมาเพียงนิดเดียวเท่านั้น! เพราะเนื้อหาจริงๆที่ซึ้งกินใจและมีความพีค!ตั้งแต่เริ่มออกเดินทางไปตลอดจนการจากลานั้นต้องให้ผู้ชมไปหาคำตอบกันเอาเองแล้วล่ะค่ะ ^^ ฝากอีกหนึ่งบทความจากภาพยนต์เรื่องนี้ที่จะทำให้คนดูร้องไห้กับบทสรุปที่ซึ้งกินใจนี้ จำฉันให้ดี แม้ว่าเราต้องเอ่ยคำลา จำฉันให้ดี อย่าได้ตรอมตรมอุรา ห่างไกลแค่ไหนคงเป็นเพียงกาย แต่หัวใจยังเคียงกัน ด้วยเพลงของสองเรายังกังวาล ดั่งเหมือนเธอแนบข้างกัน....เป็นเพียงเพลงสั้นๆที่ทำเอาคนดูในโรงหนัง ณ ตอนนั้นต้องถึงกับเสียน้ำตากันทั้งฮอเลยล่ะค่ะ สรุปคะแนนจากภาพยนตร์เรื่องนี้สำหรับแอดแล้วนะคะ บทละครเนื้อหา : 4.5/5 คะแนนความสนุกน่าติดตาม : 4.5/5 คะแนนภาพเสียง : 4.5/5 คะแนนความลงตัวของตัวละคร : 5/5 คะแนนและคะแนนจากเว็บ IMDB : 8.4/10 คะแนน ซึ่งแน่นอนคะแนนจากเว็บ IMDBที่มากกว่า8คะแนนย่อมต่างก็เป็นผลงานคุณภาพและเรื่องนี้ก็ติด1ใน250 ภาพยนตร์คุณภาพจากเว็บ IMDB อีกด้วยนะคะบทมีมิติมากลงตัวสุด ๆ เรื่องใส่ใจรายละเอีอดยิบย่อยต้องยอมจริง ๆ บางครั้งใส่มาจนเราแทบไม่รู้เพราะมันทั้งอินทั้งสนุก พอฉากจะจบที่พีคแล้วพีคอีกนั้น ทำให้เราย้อนกลับมาดูก็แบบเห้ยดิสนีย์ก็บอกเป็นนัยๆไว้แล้วนะอะไรอย่างนั้นค่ะสนุกจริง ๆความรักความอบอุ่นความหวังดีต่างๆที่คนในครอบครัวส่งมอบให้มาบางครั้งเราอาจไม่ได้สนใจหรือใส่ใจมากนัก แต่ขอบอกเลยว่า ครอบครัวก็คือครอบครัวไม่ว่าคุณจะเป็นยังไงล้มเหลวร้องไห้เสียใจหดหู่ซักเท่าไหร่หรือไม่เข้าใจพวกท่าน แต่ทั้งหมดที่ท่านทำเพราะความหวังดีบางครั้งอาจจะมากเกินไปหรือไร้กฎเกณฑ์และขัดกับสิ่งที่เราชอบ แต่คนที่อยู่ข้างๆเราคอยช่วยเหลือเราด้วยความใจจริงไร้สิ่งแอบแฝงเห็นทีก็มีแต่ครอบครัวที่แท้จริงของเราเนี่ยแหละค่ะ^^ (และนั่นคือรายละเอีอดที่ซึ้งกินใจเล็กๆสิ่งที่ดิสนีย์แอบใส่ลงไปตั้งแต่ต้นจนเฉลยบทสรุป!) เรื่องนี้บอกเลยถึงจะเป็นเพียงอนิเมชั่น แต่คุณภาพเนื้อหาที่ลงตัวสมกับรางวัลออสการ์ในสาขาภาพยนตร์อนิเมชั่นแห่งปีจริงๆค่ะ เคดิด รูปภาพที่1 , รูปภาพ2 , รูปภาพ3 , รูปภาพ4 , รูปภาพ5 , รูปภาพ6 , รูปภาพ7 , รูปภาพ8 , รูปภาพ9 , รูปภาพ10 , รูปภาพ11 , รูปภาพที่12ขอบคุณรูปภาพแรกจาก : Facebook DisneyThailandรูปภาพทั้งหมดจาก : Coco Gallery จากเว็บ : IMDB