Feria: The Darkest Light เป็นซีรีส์ที่มาในพล็อตของพวกลัทธิพิธีกรรมการบูชาปีศาจและการพูดถึงโลกต่างมิติ และต้องว่าพล็อตประมาณนี้ใน Netflix เองก็มีให้เห็นอยู่ตลอด และถ้าดูเผินๆ Feria: The Darkest Light อาจจะไม่ใช่ซีรีส์แปลกใหม่อะไรมากนัก แต่ถ้าเรามององค์ประกอบโดยรวมแล้ว ซีรีส์เองก็ทำออกมาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรเลย แถมยังมีการอ้างอิงถึงสเปนในปี 1975 การสิ้นสุดยุคมืดของนายพลฟรังโก้ ที่จะมีการเชื่อมโยงถึงกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าลัทธิแห่งแสง ไอเดียตรงนี้มันกลายเป็นจุดขายที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับของซีรีส์https://www.instagram.com/p/CZRiBets84E/เนื้อหาของซีรีส์จะเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ในปี 1995 ที่เกิดในเมืองเฟเรียประเทศสเปน คืนหนึ่งสองพี่น้องที่ชื่อว่า โซเฟีย กับ เอวา ได้ออกไปฉลองกับเพื่อนๆในเทศกาลมิดซัมเมอร์ สถานที่ในการเฉลิมฉลองนั้นจัดขึ้นใกล้กับเหมืองร้างของเมืองเฟเรียที่ถูกปิดตายไปเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่แล้วในเช้าของวันถัดมาก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น มีเจ้าหน้าที่แจ้งเข้ามาว่าพบ 23 ศพปริศนาลอยตายในแอ่งน้ำใกล้ๆกับเหมืองร้าง แถมหลังจากที่มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็พบว่าก่อนที่พ่อกับแม่ของโซเฟียและเอวาจะหายตัวไป พวกเขาทั้งคู่ดันไปโผล่ในกล้องวงจรปิดแถมยังมีเอี่ยวกับเรื่องการตายของ 23 ศพอีกด้วย อีกทั้งเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันจะเชื่อมโยงไปถึงเหตุการณ์ในปี 1975 ปีที่มีการก่อตั้งลัทธิแห่งแสงจุดเด่นอย่างแรกคือการลำดับเนื้อหาออกมาค่อนข้างดีดูง่ายเข้าใจเนื้อเรื่องทั้งหมดได้ไม่ยาก ถึงแม้ซีรีส์เองจะมีการพูดถึงทามไลน์เวลาระหว่างปี 1995 กับปี 1975 แต่ซีรีส์เองก็ไม่ได้ตัดสลับไปมาให้คนดูงงแต่อย่างใด รู้สึกว่าเหตุการณ์ในปี 1975 ซีรีส์เองจงใจใช้ตอนที่ 4 ในการเล่าต้นตอของเรื่องราวทั้งหมดเป็นฟิล์มขาวดำ ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นข้อดีเลยเหมาะกับผู้ชมที่ไม่ชอบการ Flashback ไปมาบ่อยๆระหว่างทางอย่างต่อมาคือประเด็นลัทธิแห่งแสง ลัทธิบูชาปีศาจของเมืองเฟเรีย ซีรีส์เองเล่าส่วนนี้ออกมาได้อย่างน่าสนใจเลยแนวคิดของลัทธิที่เชื่อว่ามีโลกแห่งแสงซ่อนอยู่หลังความตาย โลกที่จะพาผู้คนไปเจอความสงบสุข แถมยังมีพิธีกรรมประหลาดที่ต้องหาตัวแทนมาเปิดผนึกทั้ง 5 ถึงแม้ไอเดียตรงนี้จะดูไม่แปลกใหม่แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นหนึ่งไอเดียที่น่าสนใจเลยทีเดียวอีกอย่างคือการอ้างอิงถึงยุคสิ้นสุดของเผด็จการ นายพล ฟังโก้ ที่มันเชื่อมโยงกับลัทธิแห่งแสง ถึงแม้ไม่ได้เชื่อมโยงโดยตรงแต่ก็มีบางส่วนที่เล่าออกมาได้น่าสนใจ เรื่องราวเกี่ยวกับคนงานที่หลบซ่อนตัวในเหมืองของเฟเรียได้ค้นพบบางอย่างที่คล้ายกับประตูไปสู่อีกโลกหนึ่ง โลกที่พวกเขาเชื่อว่ามีความสงบสุขรออยู่https://www.instagram.com/p/CZKiZYUMW25/พลังนักแสดงสำหรับผู้เขียนเองแทบไม่มีข้อติในส่วนนี้เลย เพราะนักแสดงทุกคนถ่ายทอดคาแรคเตอร์ของตัวเองออกมาได้ดีมาก ทั้งตัวละครอย่างสองพี่น้อง โซเฟีย กับ เอวา จากวัยรุ่นสาวธรรมดาต้องกลายมาเป็นแกะดำของเมืองเฟเรียจากสาเหตุการตายของ 23 ศพที่มีพ่อแม่ของพวกเธออยู่เบื้องหลังจนมันทำให้ชาวบ้านต่างพากันรังเกียจพวกเธอ และยิ่งตัวละครอย่าง โซเฟีย ที่เธอเองโดนชักจูงให้เข้าลัทธิแห่งแสงจนต้องทำการเปิดผนึกทั้ง 5 เพื่อที่จะได้เจอกับแม่อีกครั้ง และแต่ละครั้งที่ต้องเปิดผนึกนั้นเธอเองก็ต้องเจอกับบททดสอบทั้งการเปลื้องผ้า ทั้งเซ็กส์หมู่ เรียกได้ว่าความทุ่มเทของนักแสดงเต็มร้อยจริงๆอีกตัวละครที่น่าสนใจคือตำรวจที่ชื่อ กีเยน เป็นคนที่ทางสำนักงานสอบสวนกลางส่งมาเพื่อทำคดีในเฟเรียโดยเฉพาะ การวางคาแรคเตอร์มาให้เจ้าตัวเป็นคนไม่เชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ จนหลายครั้งการสืบสวนของเขามันมักจะขัดกับความเชื่อของคนในเฟเรีย แต่ความกล้าบ้าบิ่นของเจ้าตัวก็ช่วยผู้คนในเฟเรียจากลัทธิแห่งแสงได้เยอะเหมือนกัน และตัวละครที่ผู้เขียนเองค่อนข้างชอบ เอเลน่า แม่ของสองพี่น้องโซเฟีย เอวา ที่หายสาปสูญไปตั้งแต่เกิดคดี 23 ศพตายในแอ่งน้ำของเหมืองร้าง เธอเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีส่วนสำคัญเกี่ยวข้องกับลัทธิแห่งแสงโดยตรง ถึงแม้สองสามตอนแรกของซีรีส์จะไม่ได้มีแอร์ไทม์มากนัก แต่พอผ่านพ้นช่วงกลางเรื่องไปจนถึงเฉลยเธอเองก็มีส่วนสำคัญต่อเส้นเรื่องทั้งหมดไม่น้อยจุดด้อยอย่างแรกคือระหว่างทางในการดำเนินเรื่องมันมีความแอบง่วงอยู่ไม่น้อย คือพูดกันตามตรงว่าเนื้อหาของซีรีส์เองนั้นมีประเด็นให้เล่นไม่เยอะ หลักๆคือเรื่องลัทธิแห่งแสงที่เกิดในเมืองเฟเรียนอกเหนือจากนั้นที่เป็นประเด็นดราม่าหรือประเด็นการเมืองเป็นแค่ส่วนเสริมให้ซีรีส์พอมีสีสันเท่านั้น ความสนุกมันเลยไปกองอยู่ในช่วงแรกกับเฉลยช่วงท้ายของซีรีส์ซะเป็นส่วนใหญ่อย่างต่อมาผู้เขียนเองค่อนข้างติดใจกับเจ้าสัตว์ประหลาดในตอนจบที่มันมีความแฟนตาซีไปหน่อย คือซีรีส์เองได้พูดถึงเทพ 4 องค์ของลัทธิแห่งแสงที่ชื่อ อุมมา อาร์คอน เกียรัมย์ และบรนทัส ความน่าเสียดายคือการที่ซีรีส์เองพยายามใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิกเข้ามาช่วยเยอะจนดูหลอกตาอยู่พอสมควรสรุปFeria: The Darkest Light เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ดูสนุกเลยทีเดียว พล็อตเรื่องที่น่าสนใจบวกกับแคสติ้งนักแสดงที่ซีรีส์เองเลือกมาได้เหมาะกับคาแรคเตอร์ตัวละครในเรื่อง ถึงแม้กลางเรื่องสปีดการเล่าอาจจะตกไปบ้างจนมีแอบง่วง แต่ด้วยความที่ซีรีส์เองมีแค่ 8 ตอนมันเลยดูไม่เยอะเกินไปสำหรับผู้ชมที่มีเวลาน้อย และเราคงต้องมาลุ้นกันต่อว่า Feria: The Darkest Light จะต่อยอดในซีซั่นถัดไปไหม เพราะตอนจบซีรีส์เองเล่นทิ้งปมชิ้นใหญ่ไว้พอสมควรเลยhttps://youtu.be/_w3fkTysikgรูปภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปก : Twitter : Decider | ภาพประกอบที่ 1 : IG : carlacampraa | ภาพประกอบที่ 2 : IG : angela_cremonte | ภาพประกอบที่ 3 : Twitter : Cinema Express | ภาพประกอบที่ 4 : Twitter : Decider | วิดีโอประกอบ : Netflixบทความแนะนำจากผู้เขียนรีวิว The Silent Sea ทะเลสงัด (แบบไม่สปอยล์)The Wasteland หนีเอาตัวรอดจากปีศาจที่เกิดจากความกลัวรีวิว Archive 81 วิดีโอเทปลึกลับกับไทม์ไลน์เวลาประหลาดรีวิวหลังดูจบ All of Us Are Dead (Netflix) ซีรีส์ซอมบี้บุกโรงเรียนกับเนื้อเรื่องที่อัดแน่นมาครบทุกรสชาติรีวิวหลังดูจบ Texas Chainsaw Massacre (Netflix) รีบูตแฟรนไชส์ระดับตำนานเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ ได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !