ฟรีเรน คำอธิษฐานในวันที่จากลา อนิเมะที่เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งอนิเมะที่ดีเกิดคาดมากๆ สารภาพว่าตอนแรกเราเองก็มองข้ามเรื่องนี้ไปนะแต่เพราะสงสัยว่าทำไมอันดับความนิยมถึงแซงขึ้นไปอยู่ในอันดับหนึ่ง หนำซ้ำในช่วงแรกที่เปิดตัวเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์อันดับความนิยมยังแซงพวกอนิเมะยุค 90 ที่มีมานานได้อีกด้วย และหลังรับชมก็เข้าใจถึงเหตุผลที่อนิเมะเรื่องนี้ได้รับความนิยมขนาดนี้ มีหลายส่วนที่เราดูแล้วประทับใจ อินสุดและได้ข้อคิดเพราะอนิเมะเรื่องนี้เป็นแนวฟีลกู้ดแต่แฝงข้อคิดการใช้ชีวิตไว้ด้วย ว่าแล้วไปดูกันเลยว่า ส่วนไหนของเรื่องบ้างที่ทำให้สายแอ็กชันบู้เดือดแบบเราประทับใจจนติดเรื่องนี้แบบงอมแงมเลย รับชม คำอธิษฐานในวันที่จากลา คลิกเลย1. การดำเนินเรื่องที่มาในรูปแบบ มีทั้งอดีตและปัจจุบันเรื่องราวของผู้กล้าที่ไปปราบจอมมารเรียบร้อยแล้วและต่างแยกไปใช้ชีวิตและกลับมาพบกันอีกครั้งก่อนจะลาจากกันตลอดกาล... แต่เนื้อหาในซีซั่นแรกนี้จะไม่ได้เน้นไปที่การต่อสู้ของผู้กล้าแต่ไม่ใช่ไม่มีนะ การนำเสนอเรื่องราวของอนิเมะเรื่องนี้จะมาในรูปแบบการ "การเล่าเรื่อง" จากฟรีเรน จอมเวทย์เอลฟ์ที่อายุยืนยาวจนมีเรื่องราวผจญภัยเยอะ แต่เธอก็ได้ทำผิดพลาดจนอยากแก้ไข ข้อผิดพลาดเดียวของฟรีเรนคือ "การละเลยที่จะใช้เวลากับเพื่อนหรือคนรอบตัว" เพราะเธอคิดว่ามนุษย์อายุสั้นเมื่อเทียบกับเอลฟ์ เธอเลยมีระยะและไม่คิดทำความรู้จัก จนกระทั่งเหล่าเพื่อนคนสำคัญของเธอจากไป ด้วยความเสียใจและมีบางอย่างจะพูดกับฮิมเมลเธอเลยออกเดินทางอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอไม่ลืมที่จะเรียนรู้วิธีเข้าหา ใส่ใจ และใช้เวลากับผู้คน เมื่อพล็อตมาแบบนี้ การดำเนินเรื่องมันก็จะมีทั้งไทม์ไลน์ปัจจุบันแต่เล่าย้อนอดีต แต่บอกเลยว่าเป็นอนิเมะเรื่องเดียวที่เราไม่รู้สึกเบื่อหน่ายกับการเล่าย้อนอดีตแต่กลับชอบมากด้วยซ้ำ โดยเฉพาะเมื่อเป็นฉากของฟรีเรนและฮิมเมล 2. ข้อคิดที่แฝงอยู่เยอะ ไม่ใช่แค่เนื้อหาและการดำเนินเรื่องดีเท่านั้น แต่เรื่องของข้อคิดการใช้ชีวิตสอดแทรกภายในเรื่องเยอะมาก ที่เห็นบ่อยทั้งเรื่องก็คือเรื่องเวลาที่หวนไปแล้วมันผ่านไปเลย ในชีวิตจริงมันออกเดินทางตามหาวิธีคุยกับคนที่จากเราไปแล้วแบบในอนิเมะไม่ได้นะ ดังนั้นใส่ใจและดูแลคนสำคัญของคุณในวันที่เขายังอยู่ข้างๆ คุณ อย่าต้องรอให้เขาจากไปแล้วคุณถึงจะเพิ่งมองเห็นคุณค่าของคนๆ นั้น หากเป็นแบบนั้นคนที่เสียใจที่สุดก็จะเป็นคุณนั่นเอง นอกจากนี้อีกฉากหนึ่งของเรื่องที่มันทัชใจเรามากๆ คือฉากที่ฟรีเรนและซายน์คุยเกี่ยวกับบาทหลวงไฮเตอร์ ( EP14 ) เราจะเห็นว่าสำหรับซายน์นั้นไฮเตอร์คือคุณปู่ที่แสนใจดี แต่สำหรับฟรีเรนไฮเตอร์คือบาทหลวงนอกรีตที่แสนจะขี้เมา ฉากนี้ทำให้เราเห็นคนๆ เดียวกันแต่มุมมองนั้นต่างกัน เพราะในความเป็นจริง "ไม่มีใครดี 100% มันขึ้นอยู่กับด้านที่คนวิาจารณ์เห็น" ไง พวกผู้ใหญ่ชอบเปรียบผู้คนว่าเป็นผ้าขาว หรือไม่ก็สีดำ แต่สำหรับเราเราว่ามนุษย์โลกทุกคนเป็นสีเทา ที่มีทั้งด้านดีและด้านลบ ดังเช่นไฮเตอร์ไง 10 ข้อคิดสะท้อนชีวิตจริง จากอนิเมะคำอธิษฐานในวันที่จากลา 3. เป็นอนิเมะแฟนตาซีแต่มีตัวละครแรกเตอร์ใกล้เคียงกับมนุษย์จริงๆ มากกว่าเรื่องอื่นๆ อีกเรื่องนี้เป็นแฟนตาซีที่มีมนุษย์ที่สามารถใช้เวทย์และเป็นนักรบที่ถือดาบ แบกขวาน มีเอฟล์มีจอมมาร ที่ดูแล้วก็คือตัวละครบทบาทสมมติแบบปกติ แต่ถ้าลองถอดคาแรกเตอร์ตัวละครดีๆ เราจะเห็นว่าตัวละครหลายๆ ตัวนั้นมีอยู่ในสังคมชีวิตจริง เช่น จอมเวทย์เซเรีย ที่ประเมินผู้คนว่าเหมาะสมเป็นจอมเวทย์ชั้นหนึ่งหรือไม่โดยใช้ความรู้สึกตัวเอง เชื่อว่าในทุกองค์กรจะมีหนึ่งหรือสองหัวหน้าสายงานที่ปกครองโดยยึดว่า "จะถูกหรือผิดขึ้นอยู่กับว่าเธอคือคนของใคร" หรือ "ถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ" ใครที่ดูไปจนจบการสอบคัดเลือกจอมเวทย์แล้วจะต้องรู้ดีว่าในการคัดเลือกเป็นจอมเวทย์ชั้นหนึ่งคนที่น่าจะได้มากที่สุดก็คือฟรีเรน และฟรีเรนก็รู้ดีว่าตัวเองจะไม่ผ่านเพราะเซเรียจะไม่ให้เธอผ่าน เพราะฟรีเรนยังไม่เป็นในแบบที่เซเรียต้องการ ไม่ใช่เรื่องคุณสมบัติหรือพลังไม่ได้แต่มันแค่ฟรีเรนไม่ได้มีอุดมคติเดียวกันกับเซเรีย ในชีวิตจริงบางคนทำดีแล้วแต่ก็ไม่ได้รับมอบหมายงานสำคัญหรือไม่ก้าวหน้าในหน้าที่บางครั้งมันก็ไม่ใช่เพราะขาดความสามารถแต่แค่ไม่ได้มีอุดมคติหรือมุมมองเดียวกันกับคนประเมิน หรืออาจพูดได้ว่าเป็นคนที่ทำงานได้ดีแต่ยังไม่ถูกใจนาย ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นแบบนั้นแต่คนแบบเซเรียก็มีอยู่จริงในสังคมไทย4. ภาพสวย เอฟเฟกต์ต่อสู้ดีเกิดคาด เราดูอนิเมะเรื่องนี้ไม่ได้คาดหวังภาพฉากการต่อสู้แบบอลังกาลเลย เพราะเรื่องนี้โดดเด่นในเรื่องของการเล่าเรื่อง ชูโรงมิตรภาพแบบฟีลกู๊ด มองภาพวิวทิวทัศน์สวยแค่นั้นก็น่าจะพอ แต่พอถึงฉากต่อสู้จริงๆ ของฟรีเรนมันอลังกาลตลอดเลยนะ โดยเฉพาะฉากการต่อสู้ในดันเจี้ยนที่ฟรีเรนต้องสู้กับศัตรูตัวฉกาจเลยต้องปล่อยพลังแบบไม่มีกั๊ก อึ้งมากเพราะภาพสวยจนไม่รู้จะบรรยายยังไง เอาเป็นว่าลองไปรับชมกับวิดีโอสั้นๆ ด้านล่างนี้กันเลยhttps://x.com/Anime_Frieren/status/1764244328744980584?s=205. เสียงพากษ์ดีทั้งไทยและญี่ปุ่นเสียงนักพากษ์ที่ตัวละครในเรื่องนี้มาในโทนที่สมูท นุ่มละมุนมาก เหมาะกับเนื้อเรื่องมาก ๆ ตัวเราชอบเสียงญี่ปุ่นของฟรีเรน พากษ์โดยคุณอัตสึมิ ทาเนซากิ ซึ่งเป็นผู้พากษ์คนเดียวกันกับน้องอาเนียในสปายแฟมิลี่, เสียงฮิมเมล พากษ์โดยโนบุฮิโกะ โอคาโมโตะ เจ้าของเสียงชินะซุกะวะ เก็นยะ จากดาบพิฆาตอสูร คนละคาแรกเตอร์เลยค่ะ ไม่รู้สึกว่าเสียงฮิมเมลคือของคนพากษ์เก็นยะเลยจริงๆ เซอร์ไพส์มาก และสุดท้ายคือเมโทด เจ๊ห๊อมหอมที่หลายคนคลั่งไคล้ ดีทั้งเสียงทั้งคาแรกเตอร์เลย ซึ่งพากษ์โดยคุณอุเอดะ เรนะ เจ้าของเสียงสึยูริ คานาโอะ จากดาบพิฆาตอสูร ส่วนพากษ์ไทยเราชอบเสียงของฮิมเมลค่ะ เสียงหล่อ ทุ่มละมุน ฟังสบายหูมากและนี่ก็คือความประทับใจในแบบของเราที่มีต่ออนิเมะเรื่องนี้ มันเป็นอนิเมะที่สนุกครบรสมากนะ ไม่แปลกใจเลยที่ได้รับความนิยมมากขนาดนี้ เป็นอนิเมะที่อยากจะแนะนำทุกคนว่า "ห้ามพลาดชม" ใครยังไม่ดูก็อยากเชิญชวนให้ลองรับชมดูค่ะ เป็นอนิเมะฮีลใจในวันเครียดๆ ได้ดีมาก สามารถรับชมได้ที่ TrueID ได้เลย อย่างไรก็ตามหากใครที่รู้สึกชอบบทความนี้ก็สามารถแชร์ออกไปได้เลยค่ะ หรือแวะมาติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของเราได้ที่ twitter ที่ Artinime ได้เลยค่ะhttps://x.com/supamas_kpr/status/1765992385862053959?s=20 ขอบคุณภาพประกอบจาก @Anime_Frieren - ภาพที่ 1,2,3,4,5,6,7,8