ไอ้คำว่า “เกิดเพื่อฆ่า” ที่อยู่บนหมวกของพลทหารโจ๊กเกอร์ และยังเป็นชื่อไทยให้กับหนังเรื่องนี้ มันเป็นสิ่งที่เหล่าพลทหารในเรื่องถูกฝังเข้าไปในหัวทีละเล็กทีละน้อยนะครับไป ๆ มา ๆ หลังจากจบสงครามแล้ว คนที่เสียชีวิต อาจจะเจ็บปวดน้อยกว่า คนที่รอดชีวิตไปพร้อมกับอดีตร้าย ๆ ซะอีกครับ พวกเขาต้องกลับไปพร้อมกับสภาวะจิตใจที่บิดเบี้ยว ทั้งจากการฝึกฝน การบ่มเพาะความเป็นหุ่นสังหาร รวมทั้งที่เลวร้ายที่สุดอย่างการเข้าไปในสมรภูมิรบจริง ๆตัวหนังแบ่งเนื้อเรื่อง แยกออกเป็น 2 ช่วง โดยมีตัวละครหลักที่เราจะได้เฝ้าดูเรื่องราวของเขาตั้งแต่ต้นจนจบอย่าง พลทหารโจ๊กเกอร์ (Matthew Modine)ช่วงที่ 1 หนังเล่าถึงเรื่องราวการฝึกของทหารกลุ่มหนึ่ง ที่มีครูฝึกอย่าง ฮาร์ทแมน (R. Lee Ermey) ประจำการ การฝึกอยู่ครับ แน่นอนว่าการฝึกเข้มข้น เพราะพวกเขาต้องการสร้าง "นักฆ่า" ส่วนนี้หนังมันจะโฟกัสหนักไปที่พลทหารไพล์ (Vincent D'Onofrio) ที่ค่อนข้างจะเป็นตัวถ่วงในหมวด และมักจะโดนกดดันโดยฮาร์ทแมนอยู่ตลอดเวลา โดยมีโจ๊กเกอร์คอยมองดูพัฒนาการอยู่ห่าง ๆช่วงที่ 2 หนังเล่าถึงเรื่องราวในสมรภูมิรบเวียดนามแบบเต็ม ๆ ซึ่งโจ๊กเกอร์ที่ตอนนี้เขามาทำงานเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์ทหารแล้ว มีเหตุให้ต้องตระเวนไปทำข่าวทางตอนใต้ของเวียดนาม จนได้รวมกลุ่มกับทหารหน่วยนึงนะครับ ซึ่งช่วงนี้เราจะได้เห็นถึงความบิดเบี้ยวของจิตใจเหล่าทหารในสภาวะสงครามหนังเรื่องนี้ เป็นผลงานการกำกับของหนึ่งในอภิมหาผู้กำกับ อย่าง Stanley Kubrick และตัวบทเองเขาก็มีส่วนร่วมในการเขียน เรียกได้ว่าการันตีตัวหนังได้ดีทีเดียว ว่าไม่ใช่หนังสงครามธรรมดาทั่ว ๆ ไปแน่นอน ถ้าพูดถึงหนังเรื่องนี้แล้ว ก็คงอดพูดถึง R. Lee Ermey ในบท ครูฝึกสุดโหดไม่ได้ครับ ถึงจะโผล่มาแค่ครึ่งเรื่องแรก แต่เขาเล่นได้ถึงอารมณ์ และเพิ่มความสมจริงให้หนังได้มากเลยทีเดียว ส่วนหนึ่งเพราะเขาเนี่ยแหละอดีตครูฝึกตัวจริงนะครับหนังมันถ่ายทอดเรื่องราว ผ่านอารมณ์ความเลือดเย็นจริง ๆ ครับ คือเห็นได้ชัดเจนว่าแนวทางของ Kubrick ในเรื่องนี้ เขาวางหนังให้ดูไม่หวือหวานะครับ ไม่ว่าจะความโหดร้าย การฆ่าฟัน การสูญเสีย ทุกอย่างมันดูนิ่ง และสดเอามาก ๆ หรือแม้แต่อดีตของแต่ละตัวละคร หนังก็หยิบเอามาเล่าน้อยมากหลาย ๆ คนอาจจะไม่ชอบใจนัก แต่ไอ้ความเลือดเย็นแบบนี้ มันทำให้หนังได้ผลกับคนดูในแบบของมันคือตัวหนังเป็นหนังสงครามก็จริง แต่มันแฝงความเป็น Psychological Horror ไว้พอสมควร รวมถึงอารมณ์ขันเล็ก ๆ ในหนัง ที่ผมไม่อยากจะเรียกว่าตลกร้ายอ่ะ เรียกว่าอารมณ์ขันแบบแห้ง ๆ จะเหมาะกว่า มันช่วยเสริมอารมณ์หม่น ๆ เคว้งคว้างแบบแปลก ๆ ให้กับหนังนะครับ ทั้ง ๆ ที่เหล่าตัวละครก็มีตั้งมากมายแต่ถึงจะชมมาขนาดนี้ ไอ้ผมเองก็แอบรู้สึกว่าหนังครึ่งหลังความน่าติดตามมันลดลงนะครับ มันขาดหมัดเด็ดที่หนังครึ่งแรกมี แต่ถ้าพูดในด้านเนื้อหาแล้ว ก็ต้องบอกว่ามันสามารถเติมเต็มตัวหนังได้เป็นอย่างดีใครสนใจลองหามาดูได้ที่ Netflix ซึ่งสามารถรับชมผ่านกล่อง Trueid TV ได้แล้วครับผม https://www.netflix.com/title/528677 ขอบคุณภาพ ปก : @FullMetalJacketOfficial / ภาพ 1 : @FullMetalJacketOfficial / ภาพ 2 : @FullMetalJacketOfficial / ภาพ 3 : @FullMetalJacketOfficial / ภาพ 4 : @FullMetalJacketOfficial