ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าตัวผมเองเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมาก แต่ปัญหาหลักของผมก็คือขี้เกียจพกหนังสือเป็นเล่ม ๆ ไปด้วยในสถานที่ต่าง ๆ เนื่องด้วยหนังสือบางเล่มมีขนาดที่ใหญ่ น้ำหนักมาก และที่สำคัญของผมเลยก็คือหนังสือเป็นเล่มไม่สามารถอ่านตอนกลางคืนได้นอกจากเปิดไฟอ่าน Kindle paperwhite 2 จึงตอบโจทย์คนอย่างผมเป็นอย่างมากถ้าพูดถึง Kindle ในประเทศไทยอาจยังไม่ได้เป็นที่นิยมมากนักเพราะมีน้อยคนที่จะรู้จักแต่ถ้าลองได้ใช้งานแล้วจะติดใจจนวางไม่ลงเหมือนผมเลยแหละ Kindle มีหลายรุ่น แต่รุ่นที่ผมนำมารีวิวนั้นคือรุ่น Kindle paperwhite 2 ที่ผมใช้งานอยู่หน้าตาของ Kindle paperwhite 2 รุ่นนี้มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 6 นิ้ว คนที่ไม่ทราบหรือไม่รู้จักอาจจะคิดว่าเป็นแท็บเล็ตทั่ว ๆ ไป แต่ไม่ใช่นะครับ Kindle มีหน้าจอที่แสดงผลได้แค่สีขาวดำเหมาะสำหรับการอ่านหนังสือโดยเฉพาะ ด้วยเทคโนโลยี E-ink ทำให้อ่านหนังสือได้เป็นเวลานานโดยไม่ปวดตา ให้ความรู้สึกเหมือนอ่านจากกระดาษจริง ๆ และรุ่นนี้ยังเป็นหน้าจอแบบสัมผัส แต่อย่าคาดหวังว่ามันจะสัมผัสได้ลื่นไหลติดนิ้วเหมือนแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนทั่วไปนะครับ แต่ก็ถือว่าดีในระดับของเทคโนโลยีที่เรียกว่า E-ink เลยครับตัวเครื่องรุ่นนี้ทำมาจากพลาสติกมีน้ำหนักเพียง 206 กรัม ทำให้ตัวเครื่องเบาและบางจับได้ถนัดมือ ทางด้านล่างของตัวเครื่องมีปุ่มกดเพียงปุ่มเดียวที่ใช้สำหรับเปิด-ปิดเครื่องหรือพักหน้าจอ ถัดมาเป็นไฟแสดงสถานะ และช่องเสียบสายชาร์จแบตเตอรี่แบบ Micro USB ส่วนด้านหลังมีโลโก้ Amazon สกรีนติดอยู่ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่ผมอยากอ่านหนังสือในเวลากลางคืนคงหนีไม่พ้นต้องลุกไปเปิดไฟแล้วกลับมานั่งอ่าน แต่ Kindle paperwhite 2 มีไฟพื้นหลังที่สามารถเปิด-ปิดได้ทำให้สามารถอ่านหนังสือได้ในเวลากลางคืนโดยที่ไม่ปวดตาเหมือนอ่านในแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนทั่วไป ตัวไฟพื้นหลังสามารถปรับระดับความมืดความสว่างได้ตามต้องการสามารถปรับเปลี่ยนขนาด รูปแบบตัวหนังสือ และจัดหน้ากระดาษได้ตามต้องการ ในเครื่องจะมีฟอนต์ให้มา 9 ฟอนต์ แต่สามารถลงเพิ่มได้อีกครับ เมื่อปรับแต่งรูปแบบเสร็จแล้วยังสามารถบันทึกไว้เป็น Theme ได้อีกด้วย เพื่อที่ในครั้งหน้าจะได้ไม่ต้องมานั่งปรับแต่งกันอีกบ่อย ๆ มีพจนานุกรมช่วยแปลความหมายของข้อความด้วย เวลาที่อ่านแล้วเจอคำที่ไม่เข้าใจความหมาย แปลได้หลายภาษามากแล้วแต่ว่าจะเลือกใช้แปลเป็นภาษาอะไร อีกทั้งยังสามารถซื้อหรือลงพจนานุกรมเพิ่มเองได้อีกด้วยเมื่ออ่านหนังสือค้างไว้ที่หน้าไหนก็สามารถทำสัญลักษณ์ไว้ได้เหมือนกับเราพับมุมกระดาษหรือใช้ที่คั่นหนังสือนั่นเองครับ เวลาที่กลับมาอ่านต่อก็สามารถเลือกไปยังหน้าที่เราทำสัญลักษณ์ไว้ได้เลยสะดวกสบายมาก ๆมีหนังสือให้เลือกซื้ออ่านมากมายจากเว็บไซต์ Amazon แต่โดยส่วนใหญ่ผมจะสร้างขึ้นมาเองเป็นไฟล์ PDF หรือไฟล์ AZW3 แล้วนำมาลงในเครื่องเพื่ออ่านโดยที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อจากในเว็บไซต์เลย และไม่ต้องกลัวว่าจะไม่รองรับภาษาไทยนะครับ เจ้าเครื่อง Kindle paperwhite 2 รองรับได้ทุกภาษาKindle paperwhite 2 สามารถเชื่อมต่อกับ WiFi เพื่อท่องอินเตอร์เน็ตได้แต่ไม่ได้รวดเร็วมากนักเพราะตัวเครื่องไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับในการเล่นอินเตอร์เน็ต แต่ก็สามารถใช้ในยามฉุกเฉินได้ อีกอย่างคือไม่มีแป้นพิมพ์ภาษาไทยนะครับข้อดีน้ำหนักเบาพกพาสะดวกอ่านหนังสือได้เป็นเวลานาน ๆ โดยที่ไม่ปวดตามีไฟพื้นหลังสามารถอ่านในเวลากลางคืนได้ชาร์จแบต 1 ครั้งใช้ได้นานมากเป็นอาทิตย์สามารถนำไฟล์ที่สร้างขึ้นมาเองใส่ลงไปแล้วเปิดอ่านได้เลย รวมถึงแบบอักษร และพจนานุกรมด้วยถึงจะมีขนาดความจุแค่ 2GB แต่ก็สามารถเก็บหนังสือไว้ในเครื่องได้เยอะมากราคาไม่แพงมากข้อเสียหน้าจอไม่ได้มีความละเอียดมากจึงไม่เหมาะกับการอ่านไฟล์รูปภาพ ทัชสกรีนไม่ได้ลื่นไหลเหมือนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตไม่มีแป้นพิมพ์ภาษาไทยไม่สามารถกันน้ำได้หาซื้อในประเทศไทยค่อนข้างยาก สรุปดังที่ผมกล่าวไปในข้างต้นนะครับว่า Kindle มีหลายรุ่นแต่ Kindle paperwhite 2 มีความแตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ อยู่พอสมควร เช่นมีไฟพื้นหลังที่สามารถเปิด-ปิดได้ มีหน้าจอทัชสกรีน ซึ่ง Kindle หลาย ๆ รุ่นยังไม่สามารถทำได้ รวมถึงขนาดที่กระทัดรัดน้ำหนักเบา และราคาที่สามารถจับต้องได้ แต่การที่ Kindle paperwhite 2 ไม่สามารถกันน้ำได้นั้นคงไม่ได้เป็นปัญหาหลักเท่าไหร่นักเพราะทุกคนคงไม่เสี่ยงที่จะอยากให้อุปกรณ์ตกหรือเปียกน้ำเพราะถึงจะกันน้ำแต่ถ้าโดนน้ำแล้วเครื่องมีปัญหาก็อยู่นอกเหนือการรับประกันอยู่ดี จึงทำให้ Kindle paperwhite 2 เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมาก เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษาที่ใช้อ่านชีทการเรียน นักเดินทางหรือนักท่องเที่ยว รวมถึงบุคคลทั่วไปที่ชอบอ่านหนังสือ แน่นอนการที่จะเดินทางไปไหนมาไหนพร้อมกับหนังสือครั้งละหลาย ๆ เล่มคงหนักไม่น้อย Kindle paperwhite 2 เครื่องเดียวก็สามารถพกพาไปอ่านหนังสือได้ในทุกที่ ทุกเวลาที่ต้องการ เปรียบเสมือนมีตู้เก็บหนังสือเคลื่อนที่ติดตัวไปด้วยเลยทีเดียวครับภาพประกอบบทความทั้งหมดถ่ายโดยนักเขียน