หลังจากที่รอคอยกันมาอย่างยาวนาน แฟนๆ ของ Locke & Key ซีรีส์ระทึกขวัญแนวแฟนตาซีจากทาง Netflix ก็คงจะไม่พลาดกับซีซัน 3 ที่เป็นซีซันสุดท้ายนี้กันอย่างแน่นอน ถือเป็นบทสรุปอันเนิ่นนานของครอบครัวตระกูล Locke กับบ้านคีย์เฮาส์และสานต่อการตามล่าหากุญแจของกัปตันเฟรเดอริกกิเดียนทหารสงครามปฏิวัติที่ถูกสิงโดยปีศาจร้าย ต้องมาลุ้นกันว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาชาว Locke จะสามารถรักษาเก็บกุญแจวิเศษทั้งหมดไว้ได้หรือไม่โดย Locke & Key ได้ออกอากาศครั้งแรกในปี 2020 สร้างจากนิยายของ Joe Hill และ Gabriel Rodríguez ที่ตีพิมพ์ออกมาเมื่อป ี 2008 ผ่านฝีมือการกำกับของ Carlton Cuse ที่เคยมีผลงานจากเรื่อง Lost (2010) และ Bates Motel (2013) ร่วมกันกับ Meredith Averill ที่มีผลงานซีรีส์สยองขวัญชื่อดังอย่าง The Haunting of Hill House (2018) พร้อมกับการนำแสดงของ Darby Stanchfield, Connor Jessup, Jackson Robert Scott, Brendan Hines, Sherri Saum, Coby Bird และ Aaron Ashmoreเรื่องย่อว่าด้วยเรื่องราวของครอบครัว Locke หลังจากที่สามีของ Nina Locke เสียชีวิตลงไปด้วยเหตุการณ์อันน่าเศร้า คุณแม่คนสวยที่มีลูกสามคนอย่าง Bode, Kinsey และ Tyler จำเป็นที่จะต้องพาลูกๆ ของเธอกลับไปอยู่ที่บ้านอันเป็นมรดกของสามีหรือที่เรียกว่า Key House และเรื่องราวก็เปลี่ยนไปเมื่อลูกๆ ของเธอค้นพบกุญแจวิเศษของบ้านหลังใหม่นี้ พร้อมกับการเจอเหล่าสิ่งมีชีวิตอันชั่วร้ายที่พยายามจะมาแย่งชิงกุญแจจากพวกเขาไป การดำเนินเรื่องในซีซันนี้ประกอบไปด้วยทั้งหมด 8 ตอนแบ่งออกตอนละประมาณกว่า 40 นาที ซึ่งก็เป็นการสานต่อจากเรื่องราวเดิมทั้งหมดว่าด้วยการกลับมาของเหล่าปีศาจร้ายที่จะมาแย่งชิงกุญแจ โดยรวมถือว่ายังสามารถเก็บกลิ่นอายและบรรยากาศความเป็น Locke & Key เอาไว้ได้ดี แต่ด้วยความที่ตัวละครทุกตัวนั้นโตขึ้นหมดเลยและยังเคยผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ กันมามาก ก็ทำให้ตัวละครมีนิสัยและมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิมเลยรู้สึกว่าในซีซันนี้จะเน้นไปทางดราม่าและดำเนินเรื่องราวผ่านความรู้สึกของแต่ละตัวละครเป็นสำคัญส่วนด้านภาพและเสียงก็คงไม่ต้องพูดถึงมากนักเพราะซีรีส์เรื่องนี้สามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเอฟเฟคต่างๆ อะไรก็ทำออกมาได้ไม่ดูแปลกประหลาดเลย ดูเนียนไปกับเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว มันจะมีความคลาสิกปนๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่เก่ามากและก็ไม่ใหม่มาก ตั้งแต่ซีซันแรกจนถึงซีซันนี้ก็ไม่รู้สึกติดขัดกับงานภาพหรือเสียงอะไรของซีรีส์เรื่องนี้เลยทุกอย่างลงตัวหมด ในด้านเนื้อเรื่องของซีซันนี้จะมีความแตกต่างจากซีซันก่อนๆ ค่อนข้างมาก อย่างในซีซัน 1 และ 2 จะออกไปแนวๆ แฟนตาซี เพื่อนช่วยเพื่อนเจอเวทมนตร์อะไรแปลกๆ แรกๆ มันก็น่าตื่นเต้นหมด ซึ่งสำหรับเรามันเป็นอะไรที่สนุกสนานมากจนทำให้ยังคงคอยดูซีรีส์เรื่องนี้มาอยู่เรื่อยๆ แต่พอมาในซีซันสุดท้ายนี้น้ำเสียงกลับแตกต่างไปเลยเพราะด้วยความที่ตัวละครก็ต่างโตขึ้นจากการเรียนรู้ความผิดพลาดและการสูญเสียในอดีต ทั้งจากครอบครัว เพื่อนและคนรัก มันก็เลยส่งผลได้ชัดในซีซัน 3 นี้สะท้อนให้เห็นว่าทุกคนยังคงมีเศษเสี้ยวของอารมณ์ที่มันยังติดค้างอยู่ ด้วยเหตุนี้ก็จะค่อนข้างมีน้ำเสียงของอารมณ์และความรู้สึกดราม่าอยู่ค่อนข้างมากส่วนตัวรู้สึกว่ามันดราม่าค่อนข้างหนักเลย ซึ่งทุกคนมีเรื่องราวมีปมของตัวเองหมดและต้องใช้เวลาในการแบ่งมาเล่าแต่ละพาร์ทว่าคนนี้รู้สึกอย่างไรคนนี้เป็นยังไงจนมันทำให้เนื้อเรื่องดึงไปนานมากๆ ในแต่ละตอน แรกๆ รู้สึกว่าตัวละครที่เป็นตัวร้ายดูเป็นเนื้อเรื่องรองไปเลย แต่ไม่ได้แปลว่าเรื่องราวดราม่าของแต่ละตัวละครมันแย่ เพียงแค่มันไม่ได้ดราม่าแบบไปสุดก็เลยดูครึ่งๆ กลางๆ จะเศร้าก็ไปไม่ถึงอีกด้วยและยิ่งความห่างของซีซันนี้และซีซันที่แล้วมันค่อนข้างนาน คนดูอย่างเราเองก็เลยเข้าไม่ถึงตัวละครเหล่านั้นไปแล้วนอกจากที่ต้องดึงนานดราม่าของเหล่าตัวละครแล้ว แต่ละซีนก็ยิ่งดึงนานขึ้นกว่าเดิมอย่างรายละเอียดที่ผู้ชมเองอาจจะไม่จำเป็นต้องรู้ ตัวซีรีส์ก็แทบจะใส่มาทุกตอน เช่น คนนี้จะโทรหาอีกคนเพื่อบอกรายละเอียดอะไรสักอย่าง ตัวซีรีส์ก็จะทำให้เราได้เห็นทุกอย่างหรือแม้กระทั่งการตกใจในเหตุการณ์หนึ่งก็ใช้เวลานานมากจนมันเสียเวลาไปเลยอะไรแบบนั้น ซึ่งมันทำให้คนดูอาจจะหงุดหงิดได้ง่ายๆ เลย และส่วนที่ค่อนข้างแปลกประหลาดสำหรับเราเองมากๆ คือการที่ให้ตัวละครของ Kinsey มาร้องเพลงในบางตอน มันดูฝืนมากๆ เพราะว่าด้วยความที่ซีรีส์เรื่องนี้ไม่เคยมีอะไรแบนนี้มาก่อนด้วยจนพอซีนนี้ออกมาก็ดูผิดที่ผิดทางไปหมดและเราก็งงว่าเพราะ Emilia Jones เคยร้องเพลงใน CODA ด้วยหรือเปล่า ก็เลยอาจจะทำให้ทางทีมงานอยากให้ตัวละครนี้มาร้องเพลงในซีรีส์เรื่องนี้ด้วย อันนี้เป็นซีนที่เราแอบผิดหวังมากๆ ในซีซันนี้เลยแต่สิ่งที่ชอบในซีซันนี้คือได้เห็นการเติบโตของตัวละครอย่างชัดเจนมาก ทุกคนก็ต้องเติบโตจากเรื่องราวในอดีตแม้ว่าจะแย่หรือจะดีสักแค่ไหน น้องๆ ทุกคนก็มีเรื่องราวความเจ็บปวดของตัวเองที่จะต้องก้าวข้ามผ่านไปให้ได้ ซึ่งความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของซีซันนี้คือตัวละครอย่าง กอร์ดี้ ชอว์ ที่เหมือนจะไม่ได้โดดเด่นสำคัญอะไรแต่ก็สามรถหยิบยกมาให้เป็นจุดหลักสำคัญได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหัวของเขาเองที่ถูกออกแบบมาได้อย่างดีมาก ชอบการที่ออกแบบให้เป็นละครเวที ไอเดียยอดเยี่ยมจริงๆ ละตอนที่วิ่งๆ อยู่ในหัวก็เป็นซีนที่ทำให้เราประทับใจไปเลย มันดูโกลาหล วุ่นวาย เศร้าและดูหม่นหมองได้ในเวลาเดียวกัน ถือเป็นการตีความความคิดของคนที่ใกล้จะตายออกมาได้แปลกใหม่ ลึกซึ้งและดีจริงๆ ส่วนตอบจบของเรื่องราวทั้งหมดในครอบครัว Locke และบ้านคีย์เฮาส์ก็ถือว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยม ครบถ้วน หมดจดจริงๆ กว่าจะผ่านทั้งเรื่องราวที่ทั้งสุขและทุกข์มาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ไอเดียทั้งหมดทั้งมวลของเรื่องกุญแจและบ้านเวทมนต์นี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ทรงพลังและเชื่อมโยงเนื้อเรื่องเข้ากันได้เป็นอย่างดีและสมบูรณ์แบบจริงๆ แต่ละคนที่ติดตามเรื่องนี้มาก็คงจะได้ข้อคิดที่แตกต่างกันไป แต่ที่แน่ๆ ทุกคนได้รับความสนุกจากซีรีส์เรื่องนี้อย่างแน่นอน ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานออริจินัลจากทาง Netflix ที่มีคุณภาพและได้ปิดฉากลงไปอย่างสวยงามแล้วสำหรับซีรีส์เรื่องนี้สรุปถือเป็นบทสรุปส่งท้ายที่ยอดเยี่ยมและปิดฉากของครอบครัว Locke ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ใครที่กำลังมองหาซีรีส์ดีๆ จากทาง Netflix ดูล่ะก็ Locke & Key ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ไม่ควรพลาด มีทั้งความสนุกสนาน แฟนตาซีและดราม่า ที่จะพาทุกคนไปผจญภัยกับกุญแจวิเศษที่จะไขและเปิดประตูแห่งความบันเทิงมาส่งให้กับผู้ชมถึงบ้านเลย! ชมตัวอย่างด้านล่างhttps://youtu.be/lkX1Ktf2YsIขอบคุณวิดีโอ ล็อคแอนด์คีย์: ปริศนาลับตระกูลล็อค (Locke and Key) 3 | ตัวอย่างซีซั่นสุดท้าย จาก Netflix Thailandขอบคุณภาพปกและภาพประกอบ 1/2/3/4/5 จาก @lockekeynetflix จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !