วันนี้จะมาแนะนำหนังระทึกขวัญ ดราม่าแฝงกลิ่นไอความโรแมนติกเบา ๆ คือเรื่อง Queen of the Damned ชื่อในภาษาไทยชื่อว่าราชินีแวมไพร์กระหายนรก สำหรับเรื่องนี้สร้างจากนิยายระทึกขวัญชุด The Vampire Chronicles ออกฉายในปี 2002 หลายคนที่เคยเป็นแฟนนิยายเรื่อง Interview with a Vampire ซึ่งเรื่องนี้ก็เคยนำมาสร้างเป็นหนังมาก่อนเช่นกัน ก็คงทราบดีว่าทั้งสองเรื่องเป็นเรื่องที่สร้างจากนิยายชุด The Vampire Chronicles เหมือนกัน คงจำได้หนึ่งในตัวละครหลัก คือเลสเตท ซึ่งแสดงโดยทอม ครูซ ในเรื่องก็จะเป็นตัวเดินเรื่องหลักในเรื่องนี้เช่นกัน เลสเตทในเรื่องคราวนี้รับบทโดย สจ๊วต ทาวน์เซนด์ พระเอกเซ็กซี่นัยน์ตาโศก ที่เคยรับบท ดอเรียน เกรย์ เรื่อง เดอะ ลีค มหัศจรรย์ชนคนพิทักษ์โลก ซึ่งหลายคนคงจำได้ และมีตัวละครหลักฝ่ายหญิงคืออาไลยาห์ ซึ่งเธอเป็นทั้งศิลปิน นักร้อง และนักแสดงที่มีความสามารถในวงการคนหนึ่ง สำหรับเรื่องนี้เธอรับบทราชินีกระหายเลือดตามชื่อเรื่องเลยค่ะ เป็นที่น่าเสียดายหลังเธอแสดงเรื่องนี้จบได้ไม่นาน เธอก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกเป็นที่เสียใจและเสียดายของเหล่าแฟน ๆ ของเธอทั่วโลกไม่น้อย ต่อไปนี้คือสตอรี่ไลน์ + สปอยเล็ก ๆ นะคะ เปิดเรื่องมาพระเอกของเรื่องเลสเตทแวมไพร์ที่หลับใหลมานานหลายสิบปีได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากการนอนหลับด้วยเสียงดนตรีร็อค เขาได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเปิดเผยตัวตนแวมไพร์ของเขาให้พวกนักดนตรีเหล่านั้นรู้ หลังจากนั้นเลสแตทกับนักดนตรีวงนั้นก็ได้ร่วมมือกันเข้าสู่วงการเพลงร็อค เลสแตทกลายเป็นราชาเพลงร็อคชื่อเสียงโดงดังก้องโลก เขาได้ออกสัมภาษณ์รายการทีวีเกี่ยวกับการแสดงคอนเสิร์ตครั้งใหญ่ที่จะจัดขึ้นที่หุบเขาแห่งความตาย และบอกกับผู้ชมรายการทั่วโลกว่าเขาคือแวมไพร์พร้อมกับกล่าวยั่วยุเหล่าแวมไพร์ทั่วโลกว่าในคอนเสิร์ตครั้งนี้ให้เหล่าแวมไพร์ออกมาเปิดเผยตัวเองเหมือนเขา ผู้ชมทั่วไปมองว่านั้นคือสไตล์การกล่าวแบบมีสีสรรของพวกร็อคสตาร์ แต่เหล่าแวมไพร์ตัวจริงทั่วโลกฟังแล้วรู้ว่าเลสแตทคือแวมไพร์ตัวจริงและการพูดแบนี้คือการท้าทายและยั่วยุครั้งใหญ่ เพราะแวมไพร์มีกฎเหล็กอยู่ว่าต้องไม่เปิดเผยตัวตนว่าโลกนี้มีแวมไพร์ มิเช่นนั้นเหล่าแวมไพร์ต้องถูกตามล่าล้างจากพวกมนุษย์เหมือนที่เคยเป็นมาในอดีต กล่าวถึงอีกมุมหนึ่งนักศึกษาสาวคนหนึ่งชื่อว่าเจสซี่ เธอศึกษาเกี่ยวกับตำนานแวมไพร์และเธอมีความเชื่อลึก ๆ ว่าแวมไพร์มีจริง เธอรู้สึกได้ว่าเรื่องราวของแวมไพร์รวมถึงตัวตนของเลสแตทในตำนานนั้นได้ดึงดูดเธออย่างประหลาด นั้นทำให้เธอศึกษาเรื่องราวในตำนานต่าง ๆ และออกเก็บข้อมูลภาคสนามจนระแคะระคายว่ามีสถานที่หนึ่งที่เชื่อกันว่าเหล่าแวมไพร์มาพบปะเจอกันนั้นคือผับแห่งหนึ่ง เธอจึงไปที่นั้นเพื่อพิสูจน์ข้อมูลที่เธอได้มาว่าเป็นความจริงหรือไม่และที่นั้นเธอเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการเกือบตกเป็นเหยื่อของแวมไพร์ตัวจริง แต่เธอรอดมาได้เพราะคำพูดหนึ่งเกี่ยวกับตำนานแวมไพร์และนั้นทำให้เลสแตทซึ่งบังเอิญวันนั้นได้มาที่ผับแห่งนี้และได้นั่งอยู่ในเงามืดของร้านได้ยินและออกมาช่วยเธอจากเหล่าแวมไพร์ตัวอื่น คำพูดนั้นคือชื่อของแวมไพร์ตนที่สร้างเลสแตทขึ้นมาและทิ้งเขาไปให้เผชิญกับความอ้างวางในชีวิตอมตะและเขาออกตามหาบุคคลนี้มาตลอด การยั่วยุด้วยคำพูดต่าง ๆ ที่ผ่านมาก็เป็นทางหนึ่งที่จะให้ผู้สร้างเขาเปิดเผยตัวเอง เมื่อคอนเสิร์ตเริ่มขึ้นเหล่าแวมไพร์เริ่มปรากฏตัวในหุบเขาแห่งความตายเพื่อกำจัดเลสแตท แต่ในขณะที่เสียงเพลงกระหึ่มไปทั่วหุบเขาก็ได้ไปปลุกราชินีอาคาช่าที่หลับใหลอยูในปราสาทใต้ดินมาหลายพันปีให้ตื่นขึ้น เธอคือราชินีที่เป็นมารดาผู้สร้างแวมไพร์ทั้งปวงที่แม้แต่แวมไพร์ทั้งหลายก็ไม่เคยได้ยินหรือรู้จักว่าเคยมีเธอบนโลกนี้มาก่อน เธอมีพลังอำนาจยิ่งกว่าแวมไพร์ทุกตัวและเธอก็ยังเป็นราชินีที่กระหายเลือดที่สุดเธอดื่มเลือดของทุกชีวิตแม้แต่แวมไพร์ด้วยกันก็คือเหยื่อของเธอ เธอมีแต่ความกระหายอย่างไม่สิ้นสุด เธอล่า เธอฆ่า จนทำให้ราชาแวมไพร์สะอิดสะเอียนหมดความกระหายในทุกสิ่งและเข้าสู่การหลับใหลชั่วนิรันดิ์และนั้นทำให้เธอผู้เป็นราชินีก็ต้องตกอยู่ในความหลับใหลที่ยาวนานเช่นกัน แต่เมื่อเสียงเพลงปลุกเธอตื่นขึ้น และนั้นคือหายนะที่มาเยือนโลกนี้เธอคือภัยร้ายกับทุกชีวิตในโลก เรื่องราวหลังจากคอนเสิร์ตจะเป็นอย่างไรต่อไป และเมื่ออาคาช่าตื่นขึ้นจะมีใครหยุดยั้งมหันตภัยร้ายในครั้งนี้ได้ ลองติดตามชมดูนะคะ สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ออกฉายในปี 2002 ซึ่งถือว่าเก่าพอประมาณ หนังเดินเรื่องเกี่ยวกับปัจจุบันและเล่าเรื่องในอดีตแทรกมาเป็นช่วง ๆ เพื่อให้คนดูได้รู้ปูมหลังของตัวละครแต่ละตัว มีการลำดับเรื่องราวได้ไม่งงในจุดนี้ถือว่าทำออกมาได้ดี มีการปูเรื่องจากฉากหนึ่งทิ้งปริศนาเพื่อให้คนดูสงสัยก่อนจะเฉลยในเวลาไม่นาน ทำให้เรื่องไม่เยิ่นเย้อถือว่าทำได้ดี การส่งอารมณ์สื่อกับคนดูทำให้เดาทางว่าเรื่องนี้ความจริงจะถือว่าเป็นเรื่องแนวโรแมนติกก็ยังได้ แต่มีความระทึกขวัญเป็นตัวดำเนินเรื่อง การสื่อความโรแมนติกแบบไม่ตั้งใจมีแทรกเป็นระยะในเนื้อหาทำให้คนดูรู้สึกว่ามันโรแมนติกมากกว่าที่จะสื่อตรง ๆ แบบสไตล์หนังรักตรงนี้ถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเรื่องทีเดียวค่ะ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่อยากเชิญชวนมาดูกัน ให้คะแนน 8.5/10 ขอขอบคุณภาพจาก warnerbros.com และQueenOfTheDamnedMovie /official facebook ภาพเครดิตปก /ภาพที่ 1/ภาพที่ 2/ภาพที่ 3 /ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5