เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ปล่อยออกมาค่อนข้างน่าสนใจกับ The Bubble หนังล้อเลียน จิกกัด วงการฮอลลีวูด อีกทั้งจะมีการเอาประเด็นของโควิด 19 ที่เป็นอุปสรรคต่อคนทำหนังในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมาได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งผู้กำกับของเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนั้นก็คือคุณ จัดด์ แอพะทาว ที่เคยฝากผลงานแนวคอมเมดี้ไว้มากมาย ทั้งเรื่อง This is 40 หรือจะเป็นเรื่อง Trainwreck ที่ผู้เขียนเองเชื่อเหลือเกินว่าท่านผู้ชมต้องเคยผ่านตาหนังพี่แกมาบ้างแหละ และ The Bubble เรื่องนี้ ก็ยังคงฝีไม้ลายมือของผู้กำกับคนนี้ไว้เต็มเปี่ยม มีทั้งมุขตลก เสียดสี มุกล้อเลียนซุปตาร์ หรือแม้แต่หนังแฟรนไชส์อย่าง จูราสสิคพาร์ค ก็พลอยโดนกับเขาไปด้วย พล็อตบ้าบอของหนังที่ว่าน่าสนใจแล้ว ยิ่งได้เห็นนักแสดงนำในเรื่องก็ยิ่งน่าสนใจเข้าไปอีก มีทั้งคุณ คาเรน กิลแลน ที่เราคุ้นตากันดีในหนังมาร์เวลและหนังจูแมนจี้ หรือจะเป็นนักแสดงอย่าง เพโดร ปาสคาล ที่ใครหลายคนอาจจะคุ้นกับแกในบทแมนดาโลเรียน หรือแม้แต่นักแสดงหล่ออมตะอย่างคุณ เดวิด ดูคอฟนี ก็ไม่วายโดนเล่นไปกับเขาด้วยปีที่ออกอากาศ : ค.ศ. 2022ประเภท : คอมเมดี้ผู้กำกับ : จัดด์ แอพะทาวนักแสดง : คาเรน กิลแลน, เพโดร ปาสคาล, ปีเตอร์ เซราฟิโนวิกซ์, เดวิด ดูคอ ฟนี ช่องทางการรับชม : Netflixภาษาในการรับชม : เสียงพากย์ : ไทย, อังกฤษ, ญี่ปุ่น | คำบรรยาย : ไทย, อังกฤษ, จีน, ระดับความเหมาะสม : อายุ 18+เนื้อเรื่องของ The Bubble เองเอาจริงๆไม่ใช่หนังซับซ้อนอะไรเลย การดำเนินเรื่องแบบเส้นตรง โดยระหว่างทางก็พยายามสาดมุกตลกเข้ามาเรื่อยๆ โดยคำว่า Bubble นั้นคือชื่อของมาตรการป้องกันโควิด 19 ภายใต้การถ่ายทำหนัง หรือพูดง่ายๆว่ามันคือ กฎ คุ้มเข้มนักแสดงที่ทางสตูดิโอในเรื่องเลือกพวกเขามารับบท คือในหนังจะพูดถึงบรรดาซุปตาร์ตัวพ่อตัวแม่ ที่ถูกจ้างมาให้แสดงหนังเรื่อง Cliff Beasts หนังแฟรนไชส์ที่มีมาแล้วถึง 5 ภาค แต่อุปสรรคชิ้นใหญ่มันคือปัญหาโควิด 19 ที่กำลังระบาดหนัก เลยทำให้การถ่ายทำหนังครั้งนี้ค่อนข้างทุลักทุเล จากที่คาดไว้ว่าถ่ายเพียงกี่เดือนเสร็จ กลายเป็นพวกเขาต้องยืดเวลาถ่ายทำไปอีกเมื่อพบใครคนใดคนหนึ่งในกองผลเป็นบวก แถมยังพ่วงมาด้วยประเด็นอีโก้เพี้ยนๆของบรรดานักแสดงที่มักจะก่อปัญหาอยู่เรื่อยๆในกองถ่าย หรือแม้แต่ผู้อำนวยการสตูดิโอเองก็ดูไม่น่าไว้วางใจกับการตั้งกฎ Bubble กฎสุดเพี้ยนที่บังคับให้บรรดาซุปตาร์ต้องทำตามอย่างเคร่งครัดจุดเด่นความตลกบ้าบอตามสไตล์หนัง จัดด์ แอพะทาว ผู้ชมสามารถเสพความบันเทิงตลอด 2 ชั่วโมงนิดๆ แบบไม่ต้องสนเส้นเรื่องอะไรมากมาย อีกทั้งพวกประเด็นเสียดสี ประเด็นจิกกัดในเรื่องเองไม่ได้เข้าใจยากแต่อย่างใด ผู้ชมเองไม่จำเป็นต้องตีความหนังให้ปวดหัว คือ The Bubble มันเป็นหนังล้อเลียนที่ไม่ได้สเกลใหญ่เหมือน Don't look up อะไรแบบนั้น หนังเล่าแค่ประเด็นชีวิตเพี้ยนๆในกองถ่ายที่อาจจะมีเรื่องของนายทุนหน้าเลือดเข้ามาเกี่ยวบ้าง หรือการใช้ชีวิตแบบ New Normal ที่ไม่ค่อยถูกโฉลกกับคนทำหนัง ซึ่งจุดนี้มันเลยทำให้เรื่อง The Bubble เป็นหนังค่อนข้างย่อยง่าย ดูเอาสนุก ไม่ต้องไปคิดตามอะไรมากมาย คือถ้าให้ผู้เขียนเปรียบเทียบหนังมันมีความเป็น Once Upon a Time in Hollywood ระดับหนึ่งเลย แต่แค่เส้นเรื่องไม่ได้เข้มข้นซับซ้อนอะไรขนาดนั้น หรือถ้าเปรียบกับหนังบ้านเรา เท่าที่ผู้เขียนนึกออกก็น่าจะเป็นเรื่อง โป๊ะแตก ผลงานของพี่หม่ำ ที่มันเต็มไปด้วยความบ้าบอตลอดทั้งเรื่อง อีโก้ของผู้กำกับมาเจอกับอีโก้ของนักแสดง ปัญหาส่วนตัวที่ชอบเอามารวมกับงานจนหนังเละไม่เป็นท่าอะไรทำนองนั้น และด้วยความที่ The Bubble เองเล่าประเด็นโควิด 19 ควบคู่ไปด้วย มันเลยทำให้หนังค่อนข้างทันสมัย ดึงดูดคนดู ไม่ใช่แค่เป็นหนังตลกเสียดสีพื้นๆทั่วไปพลังนักแสดงทุกคนถ่ายทอดความวายป่วงออกมาได้สนุกมาก ความกล้าเล่นของนักแสดงเบอร์ใหญ่ ทั้งคุณ คาเรน กิลแลน เองที่คนดูอาจจะเคยผ่านตากับบทคอมเมดี้ของเธอมาบ้างในจูแมนจี้ แต่พอเป็น The Bubble มันเหมือนเป็นการเพิ่มระดับความเพี้ยนความกาวของเจ้าตัวขึ้นไปอีกเลเวล หรือนักแสดงอย่าง เพโดร ปาสคาล ที่ในเรื่องนี้เจ้าตัวแทบจะเอาบุคลิกเท่ๆของตัวเองโยนทิ้งไปหมด และนอกจากนักแสดงที่อยู่บนปกหนังแล้ว ก็ยังมีนักแสดงที่เป็นตัวละครลับโผล่มาหลายคนเหมือนกันที่ไม่ได้โผล่มาเอาเท่แต่เน้นโผล่มาขายขำล้วนๆ มีทั้งมาแบบตัวเป็นๆ หรือมาแค่หน้าโดยใช้วิธีการ Deepfake เอา ที่โผล่มาไม่กี่นาทีก็แทบขโมยซีนตัวละครหลักเลยจุดด้อยด้วยคาแรคเตอร์ของหนังที่มาในแนวตลกล้อเลียน ไม่เน้นเส้นเรื่องอะไรมากมาย มันเลยทำให้ตลอดความยาวของหนัง 2 ชั่วโมงนิดๆ มีความแอบน่าเบื่ออยู่หลายช่วงเหมือนกัน ถึงแม้ท้ายเรื่องหนังเองจะพยายามบิวต์อัพคนดูอยู่บ้างเพื่อพาคนดูไปสู่ตอนจบที่วางไว้ แต่มันก็ไม่ได้ถึงขั้นพีคอะไรขนาดนั้น ไม่ได้มีจุดหักมุมรอเซอร์ไพรส์ จบแบบสูตรสำเร็จหนังตลกทั่วไปที่อาจจะใส่ความบ้าบอลงไปบ้างให้พอกลมกล่อมอีกอย่างหนึ่งคือ The Bubble เรื่องนี้ ถ้าให้เทียบกับหนังเรื่องก่อนๆของคุณ จัดด์ แอพะทาว มันดูขาดรายละเอียดเล็กๆน้อยๆบางอย่างในหนังไป คือไม่ใช่จะบอกว่าผู้กับกำทำหนังออกมาไม่เป็นตัวของตัวเองนะ เพราะลายเซ็นพี่แกก็ยังชัดเจนอยู่ แต่ The Bubble มันดูเป็นหนังสูตรสำเร็จที่โยนรายละเอียดบางอย่างทิ้งไป คือถ้าเทียบกับผลงานก่อนหน้านี้อย่าง The King of Staten Island ที่ดูเป็นหนังตลกเหมือนกันแต่ดันได้น้ำได้เนื้อในส่วนเส้นเรื่องมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดสรุปส่วนตัวผู้เขียนมองว่า The Bubble ยังคงเป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่ดูสนุกแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่ได้เข้ามาเสพฝีมือการแสดงของเหล่าซุปตาร์ก็ถือว่าคุ้มแล้ว แต่ถ้าใครที่ดูแล้วรู้สึกเฉยๆ รู้สึกว่านี่เป็นหนังตลกธรรมดาพื้นๆทั่วไปอีกหนึ่งเรื่อง มันก็ไม่ได้เป็นมุมมองที่ผิดแต่อย่างใด สุดท้ายมันขึ้นอยู่กับความคาดหวังของท่านผู้ชมแหละ ว่าต้องการอะไรจากหนังเรื่องนี้ แต่ส่วนใครคนใดที่เข้ามาดูแบบคาดหวังแค่ความบันเทิง ปล่อยสมองให้โล่งที่สุด บางที The Bubble เรื่องนี้สามารถตอบโจทย์ได้อย่างแน่นอนhttps://youtu.be/b7WSeB6nz5Q รูปภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปก : Twitter : David Duchovny | ภาพประกอบที่ 1 : IG : karengillan | ภาพประกอบที่ 2 : Twitter : Karen Gillan | ภาพประกอบที่ 3 : IG : davidduchovny | ภาพประกอบที่ 4 : IG : guzkhanofficial | ภาพประกอบที่ 5 : Twitter : Karen Gillan | วิดีโอประกอบ : Movieclips Trailers บทความแนะนำจากผู้เขียนรีวิว Cracow Monsters ศึกไสยศาสตร์ระหว่างปีศาจกับนักศึกษาแพทย์รีวิว Rescued by Ruby (Netflix) หนังฟีลกู๊ด เอาใจคนรักน้องหมารีวิว The Adam Project (Netflix) หนังครอบครัวที่แอ็คชั่นดูสนุกรีวิว Feria: The Darkest Light ซีรีส์ที่มาในแนวความเชื่อ ลัทธิบูชาปีศาจรีวิวหลังดูจบ All of Us Are Dead (Netflix) ซีรีส์ซอมบี้บุกโรงเรียนกับเนื้อเรื่องที่อัดแน่นมาครบทุกรสชาติจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !