ใครที่ตามมาจาก รีวิว ซีซัน 1 เรามารีวิวกันต่อด้วยซีซัน 2 กันเลยค่ะ หลังจากที่ซีซัน 1 จบไป แบบอารมณ์ค้าง อยากให้เราติดตามดูตอนต่อไป ของความสัมพันธ์ระหว่างอลิสซา กับ เจมส์ ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น โดยเรื่องราวของซีซัน 2 กลับมาสานเรื่องราวที่มีตัวละครเพิ่มมา 1 ตัว ที่เธอเคยมีความสัมพันธ์อันก่อให้เกิดเยื่อใยระหว่างศาสตราจารย์ไคล์ฟจากซีซัน 1เธอเป็นสาวผิวสี ตาโต ผมสั้น ให้ความรู้สึกแบบมอคค่าแต่ได้กลิ่นของความโรคจิตอยู่ไม่น้อย นั่นก็คือ บอนนี เธอเชื่อว่าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของเธอและศาสตราจารย์ คือความรัก จนความรักทำให้เธอเกิดความรู้สึกอยากแก้แค้น หลังจากที่เธอรู้ว่าคนรักของเธอตาย และฆาตกรคือ อลิสซา กับ เจมส์ เธอจึงวางแผนกลับมาแก้แค้นให้คนรักของเธอ เพื่อชดเชยชีวิตของคนรักที่เสียไป และปลอบโยนหัวใจที่ถูกทำร้ายของเธอด้วยการฆ่านั่นเองค่ะซีซันนี้ ค่อนข้างจะสานเรื่องราวจากซีซัน 1 ได้อย่างสอดคล้อง ดูแล้วไม่ได้รู้สึกติดขัดกับการปะติดปะต่อเรื่องราว เพราะอาศัยตัวละครใหม่ให้เปิดเรื่องและเกี่ยวข้องกับตัวละครหลักได้ คือ บอนนี ที่เธอได้ตกหลุมรักผู้ใหญ่ที่ไม่ปกติอย่างศาสตราจารย์ไคล์ฟ จนความรักทำให้เธอตาบอด และทำให้เธอได้ติดคุก เพียงเพราะก่อคดีฆาตกรรมเพื่อเขา แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้เธอรักเขาน้อยลงเลยค่ะ เพราะเธอกลับโหยหาความรักที่เธอคิดว่า นั่นคือรักแท้ ที่ทำให้เธอกลายเป็นผู้ร้ายที่วางแผนกลับมาแก้แค้นให้คนรักของเธอ ด้วยการพยายามฆ่าตัวหลักอย่าง อลิสซา และ เจมส์ อาจทำให้ซีซันนี้ที่เราคาดหวังที่จะเห็นเรื่องราวของความสัมพันธ์ของอลิสซากับเจมส์มากขึ้น กลับเป็นว่าเธอได้ขโมยซีนไปอยู่ไม่น้อยเลยค่ะในส่วนของตัวละครหลัก คือ อลิสซากับเจมส์ ซีซันนี้ จะทำให้เราเห็นถึงการเติบโตของตัวละคร การเปลี่ยนแปลงทางความรู้สึกต่าง ๆ แต่ความโรคจิตที่แอบหวังนิด ๆ ให้ยังได้รู้สึกในตัวเจมส์กับรู้สึกจางลงจนแทบมองไม่เห็น แต่กลับเห็นได้ชัดในตัวบอนนี ที่เป็นตัวละครใหม่ จากปมในวัยเด็ก และเรื่องราวความรักของเธอ แต่อลิสซายังคงความเป็นเธอได้เป็นอย่างดี จากสำเนียงที่ฟังแล้วยังเท่ติดหูเหมือนเดิม แต่กลับมีความรู้สึกที่แปลกไปเพราะด้วยความรู้สึกที่เธอยังคงเจ็บปวด จากการที่ถูกผู้ใหญ่จับแยกกัน ระหว่างเจมส์ และ เธอ ซึ่งแม่ของเธอก็พยายามทำทุกทางให้ เจมส์ อยู่ห่างจากอลิสซา จึงหอบเธอไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ โดยอาศัยอยู่กับญาติในเมืองใหม่ ซึ่งเราจะได้เห็น อลิสซา ที่พยายามใช้ชีวิตดำเนินไป เพื่อพยายามถมความรู้สึกภายในใจที่เคยเกิดขึ้นกับเจมส์ จนทำให้เธอตัดสินใจแต่งงานกับหนุ่มคนใหม่ที่รู้จักกันเพียงไม่นาน เพียงเพื่อคิดว่าสามารถกลบความรู้สึกบางอย่างภายอยู่ในหัวใจได้ แต่เธอยังคงรู้สึกบางอย่างอยู่ภายในใจตลอดเวลา จึงทำให้เธอได้ตัดสินใจหนีอีกครั้ง หลังจากงานแต่งของเธอในส่วนของเจมส์เอง เขาก็ได้รู้สึกถึงความสูญเสียอีกครั้ง เมื่อพ่อเสียชีวิตที่เกิดจากอาการหัวใจวาย ทั้ง ๆ ที่เขากับพ่อเริ่มรู้สึกถึงคำว่า ครอบครัว และพยายามปรับความเข้าใจกันได้เพียงไม่นาน เหลือไว้แค่เพียงเถ้ากระดูกของพ่อที่เจมส์หอบไปด้วยทุกที่ และหลังจากที่พ่อเสียชีวิตได้ไม่นานนัก เขาก็ได้รับกระสุนปืนที่ถูกสลักชื่อของเขาไว้จากบอนนี่ ทำให้เขาตัดสินใจตามหาอลิสซาอีกครั้ง และรู้สึกถึงเรื่องราววันวานหวนคืนมาอีกครั้ง แต่อลิสซา เธอกลับพยายามที่จะเฉยชาและพูดจาทำร้ายจิตใจของเจมส์ จากปมเรื่องจดหมายบอกเลิกของเจมส์ที่ทิ้งไว้ให้เธออยู่กับความเจ็บปวดตลอดมา จนลืมไปว่า เจมส์เองก็เจ็บปวดเช่นเดียวกันในส่วนของด้านเหตุการณ์โรคจิต ในซีซันนี้ยังมีหมือนเดิมค่ะ โดยเรื่องเริ่มมาจาก บอนนี จากเรื่องราวความรักที่ทำให้ตาบอดและปมในวัยเด็กของเธอ ส่วนอลิสซา ก็จะทำให้เราเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านความรู้สึก แต่การแสดงของเธอยังคงเอกลักษณ์ของอลิสซาได้เหมือนเดิม ส่วนเจมส์ บทบาทกลับรู้สึกดูจางลงจนแทบไม่มีอะไรตื่นเต้น เหลือเพียงความรู้สึกของมนุษย์ผู้ชายที่บอบบางคนหนึ่งแต่ก็ได้เห็นถึงความรู้สึกของเขาที่เปลี่ยนไปจากซีซันแรกอย่างมาก แต่กลับเสียดายที่ซีซันแรกที่เขาแทบจะเป็นตัวหลักที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของโรคจิตที่มีความรัก แต่ซีซันนี้กลับแทบไม่เห็นเลย แต่ในส่วนของฉากต่าง ๆ เสียงซาวด์แทร็ก ยังคงมาเพิ่มความรู้สึกได้เป็นอย่างดีเหมือนเดิมค่ะ ซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น สามารถติดตาม The End of the F***ing World Season 2 ได้แล้วทาง Netflix ผ่านทางกล่อง True ID TV ค่ะ เครดิตภาพทั้งหมด : youtube