พลาดไม่ได้กับ The Gray Man: ล่องหนฆ่า หนังแอ็กชันฟอร์มยักษ์ส่งตรงจากทาง Netflix ที่สร้างจากนิยายในชื่อเดียวกันนี้ของ Mark Greaney พร้อมกับการนำแสดงโดยหนุ่มบาร์บี้เคนอย่าง Ryan Gosling และสาว Ana de Armas รวมถึงนักแสดงระดับแถวหน้าอีกมากมายที่มาร่วมสร้างความสนุกสนาน ถือเป็นหนังแอ็กชันที่น่าจับตามองที่สุดอีกหนึ่งเรื่องด้วยงบประมานในการสร้างถึง 200 ล้านดอลลาร์ จากฝีมือการของสองพี่น้อง Russo บอกได้เลยว่าใครที่กำลังรอหนังเรื่องนี้ก็คงจะไม่ผิดหวังอย่างกันอย่างแน่นอนนอกจากนี้ยังมีนักแสดงอย่าง Chris Evans หนุ่มกัปตันอเมริกัน, Regé-Jean Page หนุ่มลอร์ดอังกฤษจาก Bridgerton (2020) รวมไปถึงสาวน้อย Julia Butters, Wagner Moura, Jessica Henwick และนักแสดงอีกหลายคนที่จะมาร่วมบู๊พรั่นสนั่นเมืองในหนังเรื่องนี้ด้วยเรื่องย่อว่าด้วยเรื่องราวของ Six หรือ Gray Man (รับบทโดย Ryan Gosling) อดีตนักโทษที่ผันตัวกลายมาเป็นสายลับในองค์กรที่มีว่าชื่อเซียร์ร่า โดยสายลับที่ทำงานให้กับองค์นี้จะถูกฝึกอย่างหนักเพื่อไปเป็นมือสังหารที่เก่งกาจ นิ่งเงียบ เฉียบขาดและไร้ตัวตน เขาได้รับภารกิจให้สังหารชายหนุ่มคนหนึ่งแต่ปรากฎว่าภารกิจนี้กลับนำพาให้เขาเข้าสู่เรื่องราวที่วุ่นวายและบ้าระห่ำแบบสุดๆ โดยคนจากทั่วทุกสารทิศจ้องจะเล่นงานและจับกุมตัวเขาไปให้ได้ ซึ่งนำทีมโดย Lloyd Hansen (รับบทโดย Chris Evans) เขาจะต้องเอาตัวรอดและช่วยชีวิตหลานสาวของหัวหน้าเอาไว้ให้ พร้อมกับความช่วยเหลือจากสายลับสาวอย่าง Dani (รับบทโดย Ana de Armas)การดำเนินเรื่องเนื้อหาของหนังเรื่องมีความยาวประมาณกว่า 2 ชั่วโมง ด้วยเนื้อหาทั้งหมดและความแอ็กชันขนาดนี้บวกกับความเป็นหนังฟอร์มยักษ์จากทาง Netflix ก็บอกได้เลยว่าคุ้มค่ากับเวลาที่จะได้ชมแน่นอน ตัวหนังเปิดมาด้วยเนื้อหาที่กระชับ รวบรัดและดำเนินได้อย่างรวดเร็วเพื่อนำพาผู้ชมเข้าสู่ภารกิจอย่างรวดเร็ว จากภาพรวมทั้งหมดหนังแอ็กชันสุดระห่ำเรื่องนี้แอบให้กลิ่นอายความ 80-90s ที่ส่งออกมาผ่านบรรยากาศและดนตรีได้อย่างลงตัวเลยทีเดียวในด้านเนื้อหาของหนังถือว่ามีการลำดับเนื้อหาและเรียบเรียงออกมาได้ดี จังหวะที่จะใส่แอ็กชันก็จัดเต็มแบบยาวหลายนาทีติดต่อกันให้ดูแบบจุกๆ แบบไม่หวงเครื่อง ดูแอ็กชันเพลินจนบางทีเราลืมไปเลยว่าตัวละครแทบไม่ได้พูดเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงเป็นหนังที่ทาง Netflix พยายามดันสุดขีด เพราะเขาตั้งใจทำแอ็กชันแบบเต็มที่กันจริงๆ ซึ่งนอกจากเนื้อหาเรื่องของแอ็กชันแล้วในส่วนของเนื้อเรื่องที่จะนำพาตัวละครให้เดินทางไปยังตอนจบได้ก็ถือว่าดี แม้จะไม่ใช่เรื่องราวอะไรใหม่ แต่ก็ทำให้เราได้เห็นตัวละครหลักอย่าง Six ให้หลากหลายแง่มุม ทั้งการใส่ปมในอดีตและการพยายามเล่ารายละเอียดภารกิจไปด้วยและสำหรับบทของ Dani ก็มีมาได้อย่างลงตัวไม่ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังรักหรือทำให้บรรยากาศเปลี่ยนเลยแต่ช่วยเสริมให้ Six มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นและเคมีของทั้งคู่ก็เข้ากันได้ดีมากจริงๆ โดยรวมหนังมี Dynamic ที่ค่อนข้างดีเลยทำให้ผู้ชมสนุกสนานได้อยู่เรื่อยๆ และตัวละครในเรื่องที่ทำเอาเราเซอร์ไพรส์สุดๆ คือ Chris Evans กับการเป็น Lloyd Hansen บ้าดีเดือดดีจริงๆ แต่ในขณะเดียวก็ก็แอบมีความตลกอยู่ด้วย ซึ่งตัวละครนี้มันค่อนข้างโดดเด่นและมีเอกลักษณ์มากเลยทีเดียว แม้จะมีความน่าหมั่นไส้แต่ก็อยากเห็นตัวละครนี้อีกเรื่อยๆ ในหนัง ถือว่าเขาเอาอยู่จริงๆ กับบทบาทนี้ และสำหรับตัวละครหลักอย่าง Six ส่วนตัวเราเองค่อนข้างชอบเลยคือเอาเข้าจริงตัวละครนี้บทพูดไม่เยอะแต่พูดทีก็กวนประสาทใช้ได้ มีความกวนโอ๊ยอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ถึงกับกวนแบบสุดๆ มันมีความกึ่งกลางของอะไรบางอย่างที่ลงตัวและพอดีมากๆ มาที่ด้านวิชวลกันบ้าง บอกได้เลยว่านี่เป็นหนังแอ็กชันที่คิดและตั้งใจใส่รายละเอียดของฉากบู๊ได้ดีอีกเรื่องเลย ในทุกๆ ครั้งที่มีการต่อสู้ของ Six จะมีบรรยากาศที่ดีที่มาพร้อมกับแสงและสีที่คิดมาแบบจบครบมาก อย่างในตอนที่ต้องสู้ตอนแรกกับสายลับหมายเลขสี่ ผู้ชมก็จะได้อิ่มเอมฉากต่อสู้พร้อมๆ กับแสงสีของพลุแบบจัดเต็มสุดๆ และต่อด้วยฉากต่อสู้บนเครื่องบินก็หยิบยกควันและแสงสีแดงมาใช้ นอกจากนี้ในฉากอื่นๆ ก็มีการนำเอาหมอก แสงจากบรรยากาศรอบๆ มาใช้ได้อย่างสวยงาม ทำให้เห็นถึงความตั้งใจได้อย่างชัดเจนเลยถือเป็นจุดที่น่าชื่นชนมากๆ ส่วนเรื่องเสียงประกอบและเพลงที่หยิบยกเอามาใช้ในเรื่ืองก็ทำได้ดีมากๆ เลือกใช้เพลงได้ถูกกับภาพและซีนที่ควรจะใช้ได้เป็นอย่างดี ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่จะไม่พูดไปไม่ได้คือการหยิกยกเอาฉากการถ่ายทำที่ประเทศไทยของพวกเรามาใช้ คิดว่าเขาถ่ายทอดความเป็นประเทศไทยออกมาได้อย่างดีและแนบเนียนมาก โดนที่สิ่งต่างๆ ที่เขาใช้มันไม่โดดออกมาจากตัวหนังเลย โดยเฉพาะรถตุ๊กๆ ที่ตัวละครใช้ขี่ในเรื่องแม้จะออกมาแค่นิดเดียวแต่ก็เป็นจุดที่เราเองก็ค่อนข้างประทับใจมากๆ เลย นอกจากความแอ็กชันสุดระห่ำที่ล้างผลาญทั้งเมืองแบบสะใจแล้ว ก็ยังมีมุกตลกเล็กๆ น้อยๆ ที่สอดแทรกมาในเรื่องก็ทำเอาเราขำได้เกือบทุกมุกเลย อย่างที่ตอนที่ตัวละครของ Chris Evans แซวหนุ่ม Ryan Gosling ว่าให้ไปจัดการไอหนุ่มบาร์บี้เคนนั่นหน่อยสิ (Ryan Gosling กำลังจะไปรับบทเป็นเคน ในหนังเรื่องบาร์บี้ที่กำลังจะมาเร็วๆ นี้) หรือจะเป็นมุกที่หลานสาวถาม Six ว่าทำไมใช้ชื่อนี้แปลกจังเลย เขาก็ตอบกลับไปว่าเพราะดันมีคนใช้ชื่อ 007 ซึ่งก็หมายถึง James Bond แล้วไง อะไรแบบนี้มันเป็นมุกร่วมสมัยที่ส่วนตัวชอบมากๆ (555)ถือว่าเวลาที่ใช้ในการดูกว่าสองชั่วโมงนี้กับ The Gray Man: ล่องหนฆ่า ก็คุ้มค่าและสะใจกับทุกแอ็กชันและรายละเอียดที่หนังพยายามส่งมาถึงผู้ชมอย่างเราจริงๆ แม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรใหม่มากนักกับหนังแอ็กชัน แต่การที่ให้เหล่านักแสดงที่เราชื่นชอบหลายๆ คนมาแสดงร่วมกันก็เป็นอะไรที่ไม่คาดคิดและชอบมาก คิดว่าทาง Netflix ก็คงคาดหวังกับหนังเรื่องนี้เอาไว้เยอะพอสมควรและเราก็เชื่อว่าตัวหนังเองก็ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อส่งสารความสนุกความบ้าคลั่งไปถึงผู้ชมแล้วอย่างแน่นอน ส่วนตัวเราเองก็หวังว่าผู้ชมที่ได้ชมหนังเรื่องนี้แล้วก็คงจะสนุกสนานและเพลิดเพลินเหมือนกัน สรุปใครที่เป็นสายแอ็กชันบู๊พรั่นสนั่นเมืองน่าจะชอบ The Gray Man: ล่องหนฆ่า เพราะแอ็กชันแบบจุใจแบบไม่หวงเครื่อง จัดเต็มแบบล้างผลาญเมืองพร้อมกับการนำแสดงของ Ryan Gosling ที่สุดกวนโอ๊ยแต่ก็เก่งกาจแบบฉบับสายลับ นอกจากแอ็กชันแล้วก็ยังมีความฮาที่ใส่มาแบบจุกๆ พร้อมกับบรรยากาศแอ็กชันแบบร่วมสมัยที่จะว่าใหม่ก็ไม่ได้จะว่าเก่าก็ไม่เชิง พลาดไม่ได้จริงๆ กดเปิด Netflix แล้วรีบดูเลย! 🎬ชมตัวอย่างด้านล่างhttps://youtu.be/fJdIWz0Gs1cขอบคุณวิดีโอ The Gray Man: ล่องหนฆ่า | ตัวอย่างภาพยนตร์อย่างเป็นทางการ จาก Netflix Thailandขอบคุณภาพปกและภาพประกอบ 4/5 จาก NetflixFR | ภาพประกอบ 1/2/3 จาก NetflixGeeked*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565