สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน หลังจากที่หญิงเถื่อนได้ออกเดินทางอีกครั้ง ซึ่งทริปนี้ก็ได้สัมผัสการเดินทางถึง 3 รูปแบบด้วยกัน แน่นอนว่าการเดินทางในปัจจุบันนี้ ไม่เหมือนเมื่อก่อนอย่างแน่นอน เป็นการเดินทางในยุค 'new normal' ที่เราจะต้องทำเรื่องใหม่ให้เป็นเรื่องปกติให้ได้ ก็เลยอยากจะมารีวิวให้คนที่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะกลับมาเดินทางอีกครั้งได้ทราบและได้เตรียมตัวให้พร้อมกัน โดยครั้งนี้หญิงเถื่อนเดินทางด้วยรถทัวร์, เรือ และเครื่องบิน จะยุ่งยากหรือไม่ ไปชมพร้อม ๆ กันเลย 1. การเดินทางด้วย "รถบัส หรือรถทัวร์" ในยุค "new normal" การเดินทางครั้งนี้ หญิงเถื่อนเลือกไปกับ บขส. โดยไปขึ้นรถที่ หมอชิต 2 ใครที่ยังใหม่ต่อการไปด้วยรถทัวร์ หรือไม่เคยไปเลย วิธีการซื้อตั๋วสามารถไปซื้อที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วในวันเดินทางก็ได้ หรือจองล่วงหน้าก็ได้ แต่ขอแนะนำให้จองจะดีกว่า และยิ่งเป็นยุค 'new normal' แบบนี้ด้วย ควรจองออนไลน์ล่วงหน้าอย่างยิ่ง แรกสุดเลยคือ ก่อนจะเข้าไปยังภายในขนส่งได้นั้นเราจะต้องเช็กอินไทยชนะก่อน และโชว์หน้าเช็กอินแล้วให้เจ้าหน้าที่ดู หากไม่สะดวกสแกนคิวอาร์โค้ดก็ลงชื่อที่โต๊ะด้านหน้าได้เช่นกัน หลังจากนั้นก็เดินผ่านเครื่องตรวจอุณหภูมิไปยัง Bus station ของตัวเองได้เลย มาตรการแรกของการนั่งรถคือ distancing : การเว้นระยะห่าง ซึ่งส่งผลให้ต้องเว้นที่ในการนั่ง ส่วนนี้จะลดการใกล้ชิดกับบุคคลอื่น ลดการสัมผัส ผู้โดยสารรู้สึกอุ่นใจขึ้น แต่ในทางกลับกันก็จะทำให้ที่นั่งเหลือน้อยลง เต็มเร็วขึ้น ถึงได้บอกว่า จองออนไลน์ดีกว่า walk in ไปในวันนั้น มาตรการที่สองคือ การสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา สวมทุกคนนะคะ และสวมตลอดเวลา นั่นหมายความว่า จะไม่มีการแจก Box set ขนมว่างบนรถ รวมทั้งงดการรับประทานอาหารทุกรูปแบบบนรถด้วย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องถอดหน้ากากอนามัยออกขณะอยู่บนรถ ดังนั้น ควรทานให้อิ่ม ให้พร้อมเดินทางไปเลยนะคะ กรณีเดินทางกลางคืน ตอนนอนก็ต้องสวมหน้ากากอนามัยไว้ทั้งคืนเช่นกันค่ะ มาตรการที่สามคือ เช็กอิน ไทยชนะ ทันทีที่เรานั่งที่นั่งของเราเรียบร้อยแล้ว พนักงานบนรถจะเดินมาบอกให้เราสแกนคิวอาร์โค้ดเช็กอิน ซึ่งคิวอาร์โค้ดนั้นจะติดอยู่ที่หลังเบาะ เบาะข้างหน้าของที่นั่งของเรา และเมื่อลงรถเราก็ต้องสแกนออกด้วยนะคะ สุดท้ายแล้วคือ การทำความสะอาดมือทุกครั้งที่ขึ้น ลงรถ ตรงนี้สำหรับ บขส. นั้นจะพ่นสเปรย์แอลกอฮอล์ (ที่มือ) ให้ผู้โดยสารทุกคนเมื่อมาครบหมดแล้ว แต่บางบริษัทขนส่งก็พ่นเมื่อเราไปนั่งที่ที่นั่งทันที ไม่ได้รอคนมาครบแล้วค่อยพ่น และทุกครั้งที่มีการจอดแวะพักให้ลงรถไปทำธุระส่วนตัว เมื่อกลับขึ้นรถอีกครั้งก็จะมีพนักงานมาเดินพ่นแอลกอฮอล์ให้อีกครั้ง สำหรับคนอยากใช้แอลกอฮอล์ของตัวเอง สามารถพกของตัวเองไปแล้วทำความสะอาดให้พนักงานเห็น ณ ตอนนั้นได้เลย 2. การเดินทางด้วย "เรือ" ในยุค "new normal" ลงเรือไปเที่ยวเกาะบ้าง สำหรับขั้นตอนขึ้นเรือจะไม่ยุ่งยากและเยอะเท่าแบบอื่น ๆ หลัก ๆ คือการเน้นวัดอุณหภูมิร่างกายก่อน ( เป็นเครื่องแบบยิงที่หน้าผาก ) พ่นแอลกอฮอล์ที่มือ แล้วก็สแกนคิวอาร์โค้ดไทยชนะ การยืนต่อคิว และการนั่งรอขึ้นเรือนั้น จะต้องนั่งเว้นระยะห่างเช่นกัน เพื่อทำตามมาตรการ Social Distancing สำหรับท่าเรือปากบารา ไปยังหลีเป๊ะนั้น เวลาลงเรือจะเรียกลงตามคิว คิวลำดับจะได้รับตอนเช็กอินขึ้นเรือ และตลอดการนั่งเรือจนถึงฝั่ง นอกจากจะต้องสวมชูชีพไว้ตลอดทางแล้วก็ต้องสวมหน้ากากอนามัยเช่นกันจ้า 3. การเดินทางด้วย "เครื่องบิน" ในยุค "new normal" มาถึงการเดินทางในแบบที่สะดวกรวดเร็วที่สุดอย่างการเดินทางด้วยเครื่องบิน แต่ในยุค "new normal" นั้นกลับเป็บรูปแบบการเดินทางที่ขั้นตอนเยอะที่สุดเลย เริ่มแรกการเดินเข้าสนามบินเราจะต้องเดินผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิก่อน หากบินจากสนามบินภายในประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากดอนเมืองนั้นจะต้องนำกระเป๋าเข้าเครื่องสแกนด้วย และถ้าเป็นกระเป๋าที่จะนำโหลด ต้องได้สติ๊กเกอร์จากด้านหน้าทางเข้าก่อนนะคะ คือพอสแกนเสร็จก็แจ้งเจ้าหน้าที่เลย เขาจะแปะสติ๊กเกอร์ที่กระเป๋าให้ ถ้าจะโหลดต้องมีสติ๊กเกอร์นี้นะคะ และแน่นอนว่าการนั่งรอ การเดินอยู่ในสนามบินจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และนั่งเว้นที่ให้มีระยะห่าง การเช็กอินยังคงเช็กตามเดิม แต่การไปตรวจบัตรโดยสารเพื่อเข้าเกทนั้นจะไม่เหมือนเดิม จะมีขั้นตอนที่เยอะขึ้นกว่าเดิม ดังนี้ 1. เราจะต้องสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อกรอกข้อมูลส่วนบุคคลก่อน 2. ถ่ายรูปบัตรประชาชน ต้องเห็นขอบทั้ง 4 อัปโหลดลงในแอป 3. กรอกข้อมูลในแอป ในช่อง "ข้อมูลการเดินทาง" คือการใส่หมายเลขเที่ยวบินที่กำลังจะไปในวันนั้น หากไม่กรอกจะต้องออกจากแถวมากรอกใบรายละเอียดเเล้วกลับเข้าไปต่อแถวไปใหม่อีกครั้ง 4. หลังจากกรอกทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็เดินเข้าไปในเกทและทำตามขั้นตอนสแกนกระเป๋าเหมือนช่วงปกติได้เลย สำหรับการโดยสารเครื่องบินในปัจจุบันนี้ จะงดบริการอาหารทุกเที่ยวบิน เพื่อลดการถอดหน้ากากอนามัยเช่นกัน ผู้โดยสารจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และนั่งที่เว้นที่ตลอดการเดินทาง การลงจากเครื่องจะไม่ได้ให้ลงทีเดียวรวดพร้อมกันทั้งลำ แต่จะปล่อยให้ลงที่ละ 3 แถว และการขึ้นรถต่อเข้าสนามบินก็เช่นกัน จะต้องไปยืนตามจุดที่ให้ยืน และจะไม่ให้อัดไปพร้อมกันจนหมด จะค่อย ๆ ทยอยไป ดังนั้นใครมีทริปเที่ยวต่อ ต้องเพื่อเวลากันด้วยนะคะ หรือใครอยากขึ้นเร็ว ลงเร็วก็ต้องหลีกเลี่ยงการจองที่นั่งท้าย ๆ ลำนะคะ เพราะจะลงเป็นชุดสุดท้ายเลย สิ่งที่ต้องระวังคือ การเปลี่ยนเกทที่บ่อยขึ้น ดังนั้นเราจึงต้องค่อยหมั่นให้ความสนใจการประกาศแจ้งในแต่ละครั้ง สำหรับขาจร นอนไหนก็ได้ พึงระวัง ในปัจจุบันนี้ แต่ละสถานที่จะพยายามให้ผู้โดยสารขาออกออกจากสนามบิน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายภายใน และเนื่องจากสถานการณ์ไม่ปกติ หลาย ๆ จุดในสนามบินดอนเมืองจะไม่เปิดให้บริการ ปิดไฟมืดเลยล่ะ จึงไม่การันตีว่าถ้าไปนอนจะถูกเตือน ถูกไล่มั้ย ในยามวิกาลนั้น เลือกประตูขาออกให้ชัวร์ ให้ถูกประตู เพราะออกไปแล้วจะเข้ากลับมาไม่ได้ ต้องไปหาประตูที่มีเจ้าหน้าที่รอวัดอุณหภูมิ ถึงจะกลับเข้ามาได้ใหม่นะคะ ร้านอาหารไม่ได้เปิดทุกร้าน นั่นหมายความว่ารับประกันไม่ได้ว่า ร้านอาหารราคาเบา ๆ จะเปิดมั้ย ถ้าไม่อยากจ่ายแพง แนะนำให้หาทานข้างนอกให้เรียบร้อยไปเลย เป็นอย่างไรกันบ้างคะ พอจะมองภาพชัดขึ้น น่าจะลดความกังวลของใครบางคนกันได้ใช่ไหมคะ ทั้งหมดเป็นมาตรการป้องกันที่ดีต่อส่วนรวม ดังนั้นจึงอยากจะขอความกรุณาผู้โดยสารทุกท่านให้ความร่วมมือ และไม่หงุดหงิดใส่พนักงานสายการบิน หรือที่อื่น ๆ ที่ขั้นตอนมันยุ่งยากขึ้นนะคะ "โควิดลด แต่วินัยไม่ลด" กันนะคะ และถ้าหากคุณรู้สึกชอบบทความนี้ ก็สามารถแชร์ออกไปได้เลยค่ะ หรืออยากจะติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวของเรา ก็สามารถติดตามได้ที่ facebook : แบกกล้องชิวเที่ยวไปเรื่อย YouTube : หญิงเถื่อน Traveler บทความ True ID : หญิงเถื่อน