เพียงแค่อ่านชื่อหนังสือ พวกคุณคิดว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร?เรื่องผี?เรื่องสืบสวนสอบสวน?หรือเพียงนิยายที่ถูกแต่งขึ้นมา?แต่ไม่ว่าคุณจะคิดอย่างไร ฉันมองว่าหนังสือเล่มนี้เป็นมากกว่านิยาย หนังสือเล่มนี้เปรียบเสมือนตำราเรียนนอกเวลาเล่มหนึ่งที่เขียนในสิ่งที่คนไม่มีความรู้ด้านนิติวิทยาศาสตร์สามารถเข้าใจได้ง่ายและนึกภาพตามได้ หนังสือเล่มนี้ไม่ได้นำเสนอเกี่ยวกับปีศาจหรือภูตผี เพียงแค่ล้วนเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์ทั้งสิ้น แต่เป็นมนุษย์ที่ไม่มีลมหายใจแล้วเท่านั้นเอง...คำให้การจากศพเป็นหนังสือนวนิยายสืบสวนสอบสวนที่แปลมาจากภาษาจีน ในปัจจุบันมีทั้งหมด 5 เล่ม ซึ่งแต่ละเล่มนั้นจะมีธีมเป็นของตัวเองเพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับคดี แต่ใน EP นี้ เราจะมาพูดถึง 2 เล่มแรกที่อยู่ในธีม Voice of the Dead และ Silent Evidenceคำให้การจากศพ เขียนโดย ฉินหมิง หรือ “เหล่าฉิน” ซึ่งเป็นแพทย์นิติเวชเจ้าของสมญานามว่า “กระบอกเสียงจากศพ” แปลโดย ชาญ ธนประกอบ สำนักพิมพ์ไครม์แอนด์มิสทรี สำนักพิมพ์ในเครือนานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์ ราคาตามปกคือ 295 บาท ทั้งเล่ม 1 และเล่ม 2ในหนังสือคำให้การจากศพ ทุกคดีล้วนเป็นเรื่องราวที่มีพื้นฐานมาจากเรื่องจริง โดยเล่มแรกนั้นทุกคนจะได้เพลิดเพลินไปกับคดีต่าง ๆ ในธีม “Voice of the Dead” คุณคิดว่าคนที่ตายไปแล้วนั้น จะสามารถสื่อสารอะไรกับเราได้หรือ? เสียงที่สามารถบอกถึงความทุกข์ ทรมาน ก่อนที่จะสิ้นลมหายใจ เสียงที่พวกเราไม่เคยได้ยินและไม่เคยที่อยากจะจินตนาการ มันจะน่าสยดสยองหรือน่าหวาดหวั่นเพียงใด? เพราะในแต่ละวัน แต่ละวินาทีที่ผ่านไป มีกี่คดีที่เกิดขึ้นทั่วโลก คดีอาชญากรรมที่ทั้งซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากมาย คนตายที่อยากบอกความจริงถึงเบื้องหลังการตายของพวกเขาเหล่านั้น บอกถึงความยากลำบากที่กว่าจะผ่านไปแต่ละวินาที บอกถึงความปวดร้าวของจิตใจที่ถูกคนร้ายกระทำ แต่แม้จะอยากบอกเล่ามากเพียงใดแต่ก็คงไม่มีใครได้ยินเสียงของพวกเขาเหล่านั้นหากแค่เพียงใครสักคนที่ช่วยเผยความจริงพวกนี้ได้ พวกเขาคงจะเป็นสุขขึ้น และนี่...คือหน้าที่ของเหล่าแพทย์นิติเวช กลุ่มคนที่จะคืนความยุติธรรมกลับมาให้แก่ "ศพ"แพทย์นิติเวชนอกจากจะต้องใช้ความรู้ทางด้านของการชันสูตรแล้วนั้น ยังต้องวิเคราะห์เบาะแสต่าง ๆ กำหนดทิศทางของการสืบสวน ซึ่งเป็นความยากลำบากและความสามารถอันโดดเด่นของแพทย์นิติเวช ผู้ที่เผยความจริงจากศพที่เป็นผู้ให้การ...ในเล่มแรกนี้ ผู้เขียนเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ซึ่งปูเรื่องตั้งแต่ตอนที่ตัวเองยังเป็นแพทย์ฝึกหัดที่ต้องคอยตามอาจารย์ไปทำคดีต่าง ๆ โดยที่เล่มนี้จะมีคดีทั้งหมด 20 คดี แต่ละคดีจะมีตัวเดินเรื่องคือ ฉินหมิง ที่ต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อชันสูตรศพและร่วมไขคดีกับตำรวจ โดยนอกจากเราจะได้ความเพลิดเพลินและความลุ้นระทึก ชวนให้คิดตามแล้วนั้น เรายังได้ความรู้เกี่ยวกับการไขคดี การพิสูจน์หลักฐาน ศัพท์และความรู้เรื่องทางการแพทย์อื่น ๆ อีกด้วย และถึงแม้เราจะไม่เคยมีความรู้ด้านนี้เลยก็ตาม แต่นักเขียนสามารถเขียนอธิบาย เปรียบเทียบ ให้เราเห็นภาพได้อย่างชัดเจน ทำให้ไม่เป็นปัญหาในการอ่านเลยถ้าหากเราเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เราจะทำเช่นไร ถ้าหากเราพบศพผู้หญิงที่ถูกมัดในถังขยะที่เน่าเหม็น เราจะทำเช่นไร เมื่อความสับสนก่อตัวขึ้นในใจซึ่งยากจะกำจัด ใครกันที่มีจิตใจโหดเหี้ยมขนาดทำเรื่องแบบนี้ได้ ผู้เขียนจะนำเราไปพบกับเรื่องต่าง ๆ นี้ ไปค้นหาตัวฆาตรกรโดยสิ่งที่ศพบอกผ่านร่างกายซึ่งไร้ลมหายใจ โลกที่ฉินหมิงได้สร้างขึ้นนี้ ไม่ได้มีเพียงศพในถังขยะเท่านั้น แต่ยังมีบางศพที่มีถุง 9 ใบในตัว ฉินหมิงจะเป็นผู้ร่ายมนตร์สะกดให้คุณที่หลงเข้ามาในดินแดนแห่งนี้เพลินเพลินไปกับคำถามและความรู้สึกต่าง ๆ ได้อย่างแน่นอนเล่มที่สองคดีต่าง ๆ จะเริ่มหวาดผวามากขึ้น อารมณ์ที่ผู้แต่งต้องการสื่อให้กับเราเหล่าผู้อ่านชัดเจนยิ่งขึ้น โดยคดีต่าง ๆ ที่รวบรวมมาอยู่ในเล่มสองนี้ จะนำคุณกลับไปโลกของความจริงที่ “ศพ” ต้องการจะบอกบางอย่างผ่านหลักฐานที่พวกเขาทิ้งไว้ให้เรารับทราบโดยแพทย์นิติเวชจะเป็นผู้คืน “สิทธิ์” แก่พยานที่มีชื่อว่า “ศพ” ซึ่งเล่มนี้จะมาในธีม “Silent Evidence” เล่มสองนี้นอกจากพัฒนาการเรื่องภาษาและความรู้สึกที่ส่งผ่านมาแล้วนั้น คดีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ยังมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น นอกจากความกดดันและความรัก เนื้อหาในเล่มยังพาเข้าไปพบกับด้านมืดของมนุษย์ที่ลึกลงไปภายในจิตใจ ภาษาที่ฉินหมิงใช้บรรยาย เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ง่ายมากกว่าเล่มแรก มีคำที่สละสลวยมากขึ้น ทำให้อารมณ์ในขณะที่อ่านเรื่องราวซึ่งถูกร้อยเรียงเพิ่มความลุ้นระทึกเป็นอีกทวีคูณ โดยในเล่มนี้ปรากฏคดีทั้งหมด 16 คดี ผู้เขียนทำให้เราเกิดคำถามว่า หากคดีที่อยู่ในเล่มนี้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของเรา เราจะเจ็บปวดมากเพียงใดที่คดีนี้ไม่ถูกไขให้กระจ่างได้เป็นเวลากว่า 7 ปี หลักฐานที่พบมีเพียงคราบอสุจิแต่กลับไม่พบสเปิร์มของมนุษย์ โดยผู้เขียนสามารถดึงอารมณ์ความเจ็บปวดของผู้อ่านให้ออกมาได้อย่างชัดเจนแม้จะไม่ได้พบกับเรื่องนี้เอง การรอคอยที่จะนำตัวคนผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ปมดำมืดในใจที่ยากจะต้านทานไหว และรอเวลาว่าเมื่อไหร่ที่กว่าคดีนี้จะสิ้นสุดลง... หรือแม้แต่ถ้ามีถุงธรรมดาที่วางอยู่หน้าสถานีรถไฟ ซึ่งมีรถไฟเทียบชานชลาทุก 10 นาที กลับมีร่างของคนที่เรารู้จักอยู่ในถุงใบนั้น เราจะต้องเผชิญกับอะไร แล้วใครคือคนที่ทิ้งศพกัน? ความสงสัยจากปมต่าง ๆ ที่ผู้เขียนผูกไว้เริ่มก่อตัว ความรู้สึกโกรธและความแค้นก็เริ่มมีมากขึ้นเกินจินตนาการเมื่อความตายของเหยื่อเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการสืบสวนคดีอันซับซ้อน เงื่อนงำสำคัญที่จะนำไปสู่ปลายทางคือคำให้การจากศพ!สามารถติดตามบทความอื่น ๆ จากผู้เขียนได้ที่ : https://creators.trueid.net/@28383