สวัสดีครับ วันนี้มารีวิวการท่องเที่ยวประเทศตุรกี ปี 2022 ในยุค New Normal กัน โดยจะเที่ยวที่ตุรกี 7 วัน รวมเดินทางจากประเทศไทย โดยหลักแล้วจะเที่ยวที่เมืองอิสตันบูล (Istanbul) อิซมีร์ (Izmır) และ เมืองไอดิน ( Aydın) เป็นหลัก ทริปเที่ยวนี้จะเน้นแบบสบาย ๆ ไม่ได้แบบสายลุยไปหารถข้างหน้า โดยใช้บริการบริษัททัวร์นั่นเองเพื่อความสบายในการเดินทางเที่ยวนั่นเอง จะใช้บริการสายการบินโอมาน แอร์ไลน์ แบบชั้นประหยัด (Economy class) แน่นอนว่าเราต้องขึ้นเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิจะลงที่สนามบินมัสกัต (Muscat) ประเทศโอมาน แล้วต่อเครื่องบินไปยังสนามบินอิตันบูล ประเทศตุรกี ซึ่งกินเวลาไป 12 ชั่วโมงโดยประมาณ ยังไม่รวมเดินทางกับรถตู้ที่มารอรับยังสนามบิน เพื่อไปโรงแรมใช้เวลา 1 ชั่วโมง ถ้ารถไม่ติดซึ่งจากโรงแรมที่จะเลือกโรงแรมที่อยู่กลางเมืองอย่างที่บอกไปแบบสบายค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็น ค่าเที่ยว ค่าเข้าชม ค่ารถตู้ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเครื่องบินภายในประเทศ มีไกด์คอยแนะนำตลอดทริปโดยจะตกคนละไม่เกิน 60,000 บาท บอกเท่านี้ อาจเยอะกว่านี้จากการจองตั๋วเครื่องบินคน แต่ละชั้นกับผู้เขียน ทริปจะไปกันทั้งหมด 6 คน ซึ่งราคานี้ไม่รวมค่ากินอาหารมื้อเย็น เครื่องดื่ม ที่ต้องหาทานเองตามร้านอาหารยอดนิยมของเมืองนั้น ๆ ก่อนไปควรไปแนะนำแลกเงินบาทเป็นเงินยูโรก่อน พอไปถึงประเทศตุรกีค่อยแลกเงินลีร่าตุรกีได้ตามธนาคาร หรือจะยอมแลกที่สนามบินก็ได้ เวลาประเทสตรกีจะช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 4 ชั่วโมง เอกสารที่จะต้องติดตัวไป- Passport- Vaccine Passport สามารถขอได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ได้ทางออนไลน์ ค่าบริการ 50 บาท- เอกสารแบบฟอร์มเข้าประเทศตุรกี ต้องกรอกที่ลิงค์ https://register.health.gov.tr/ (เอกสารอยู่ในรูปแบบ digital ได้) เอกสารพร้อมกระเป๋าพร้อม เงินพร้อมพร้อมเดินทางไปประเทศตุรกี เจอกันสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วไปกันเลย......ถึงแล้วสนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรกี** ขอโทษไม่ได้ถ่ายรูปสนามบินมัสกัต (Muscat) ประเทศโอมาน เพราะผู้เขียนรีบเข้า Gate เพื่อต่อเครื่องเดินทางต่อไปเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี วันที่ 1 หลังจากเดินทางเข้าปรเทศตุรกีแล้ว ทางบริษัททัวร์จะมีรถตู้มารับที่สนามบินเลยเพื่อนำพวกเราไปโรงแรมที่จองไว้ในเมืองอิสตันบูล (Istanbul) คือ โรงแรม delta hotels by marriott istanbul เราจะเป็นที่พักที่นี้ 2 คืนด้วยกัน จะอยู่กลางเมืองขนาบข้างไปด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ใช้เวลาพักผ่อนประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนจะออกไปเที่ยว หลังจากอยู่บนเครื่องบินอันยาวนาน ซึ่งตามแพลนการเที่ยวจะระบุว่าแต่ละวันจะไปไหนบ้างสถานที่แรกที่จะไปคือ Eyup Sultan Mosque หรือ มัสยิดมัสยิดเอยุพ สร้างขึ้นในสมัยจักรวรรดิออตโตมันที่อยู่บนเนินเขาอ่าว มองลงไปจะเห็นสะพานเชื่อมต่อระหว่าง 2 ทวีป จากนั้นเดินลงไปนั่งกระเช้าลงไปด้านล่างจะเจอสุสานเต็มบนเขาระหว่างทางเดิน และเป็นฝังศพของ Abu Ayyub al-Ansari เป็นพระวจนะของศาสดามูฮัมหมัดของศาสนาอิสลามไว้ ภายในมัสยิดมีสวยงามมาก ตกแต่งด้วยหินอ่อน อากาศเย็นสบาย ผู้หญิงทุกคนต้องคลุมผมด้วยผ้าเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์เข้าและต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าเท่านั้นหลังจากเข้าโรงแรมพักผ่อนรอตอนเย็นไป ล่องเรือสำราญผ่านช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Strait) ในอิสตันบูล ซึ่งเป็นช่องแคบพรมแดนกั้นระหว่างทวีปยุโรปกับทวีปเอเชีย ชมแสงสีข้างทะเลกลางเมือง มีการแสดงการเต้นระบำของชาวพื้นเมืองทั้งชายและหญิง แถมมีนักแสดงตลกที่มาสร้างความสนุกสนานแก่นักท่องเที่ยวในเรืออย่างมีความสุขวันที่ 2 เดินทางด้วยรถตู้ของบริษัททัวร์พร้อมไกด์ ไปยังโบราณสถานพระราชวังทอปกาปี (Topkapi Palace) หนึ่งอาณาจักรออตโตมัน (Ottoman) นับเป็นอีกหนึ่งอาณาจักรที่สำคัญในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นพระราชวังที่ปกครองด้วยสุลต่าน (Sultan) นั่นเอง ก่อนเข้าต้องทำการซื้อตั๋วเข้าชมด้วย แต่ไกด์ได้ทำการซื้อไว้แล้วจึงเข้าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนักท่องเที่ยวไปชมเยอะมากหลากหลายชาติ จากนั้นเดินเข้าไปชมข้างในเป็นสถานที่สวยงามจัดผังเมืองอย่างเรียบร้อยเป็นสัดส่วน เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เครื่องมือ อาวุธ วัฒนธรรมของสมัยนั้น พื้นที่กว้างขวางมาก ด้านหลังจะติดกับอ่าวจะมองเห็นสะพานเชื่อม 2 ทวีป ถือเป็นจุดถ่ายรูปที่สำคัญเช่นกัน จากนั้นเดินทางไปยัง (ย้ำว่าเดินอย่างเดียว) เพราะจะอยู่ด้านหน้าพระราชวังทอปกาปี (Topkapi Palace) ไปยัง อนุสรณ์สถานไบแซนไทน์ (Byzantine) เป็นสถานที่ยอดนิยมที่เข้าชมกันคือ ฮายาโซฟีอา มัสยิดบลู ฮิปโปโดรม ซึ่งมัสยิดบลูกำลังปรับปรุงอยู่แต่สามารถเข้าไปข้างในชมได้เช่นกัน จากนั้นแวะเข้าตลาดที่ในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือ ตลาด Grand Bazaar สามารถเข้าซื้อได้ในราคาถูกเหมือนสวนจตุจักรเลย จ่ายด้วยเงิน ลีร่าตุรกี บางร้านรับเงินยูโรอีกต่างหาก วันที่ 3 ทำการเดินทางจากโรงแรมไปยังสนามบินอิสตันบูล (Istanbul) เพื่อเดินทางยังเมือง Izmır (อิซมีร์) ด้วยสายการบินพีกาซัส แอร์ไลน์ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นนั่งรถตู้ไปยังโรงแรมในตัวเมือง Izmır (อิซมีร์) ซึ่งการเดินทางบนถนนที่ขึ้นหุบเขาตลอดเส้นทาง อาจเมารถได้ต้องกินยาแก้เมารถยิ่งดี ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินมาถึง โรงแรม DoubleTree by Hilton Kuşadası ที่ได้จองไว้ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการเดินทาง ซึ่งโรงแรมนี้สะอาด วิวดีมาก จะมองเห็นชายหาดได้ชัดเจน จะพักที่นี่ 2 คืนสำหรับวันนี้จะเดินเที่ยวชมเมือง Izmır (อิซมีร์) อย่างเดียว เป็นเมืองท่าเรือขนาดใหญ่ ร้านอาหาร ตอนกลางคืนประดับด้วยแสงสีสวยงามตระการตา คล้ายพัทยาบ้านเรานั้นเอง แต่ไม่เหมือนคือมีท่าเรือขนาดใหญ่ มีเรือสำราญ เรือประมง เทียบท่าเยอะมาก วันที่ 4 เดินทางไปชมโบราณสถานเอเฟซุส ( Ephesus) ที่เป็นเมืองกรีกเก่าที่มีอายุราว 2500 ปี ที่ใหญ่อันดับสองของจักรวรรดิโรมัน ที่ตั้งบนระหว่างภูเขา 2 ลูก ก่อนจะเข้าชมจะมีค่าเข้าชมเหมือนเดิม ด้านหน้าจะมาร้านค้าสามารถซื้อของกินเข้าไปด้านในได้ โดยสามารถเข้าได้สองทาง โดยนักท่องเที่ยวจะเดินเข้าชม ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรได้ ที่น่าทึ่งคือมี วิหาร หอสมุด โรงละคร 2 โรงแบบใหญ่ ยังกะอัฒจันทร์สนามกีฬาเลยที่เดียว ซึ่งทั้งหมดสร้างด้วยหินโบราณวางเรียงรายอย่างสวยงาม โบราณสถานแห่งนี้ได้รับการขึ้นเป็นมรดกโลก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของตุรกี จากนั้นเวลายังพอมีเดินทางไปที่พำนักสุดท้ายของพระนางมารีย์ พระมารดาของพระเยซูก่อนเสียชีวิต จะอยู่บนเนินเขาบุลบุล ที่เงียบสงบได้รับการดูแลอย่างดีมาก สถานที่นี่เข้าชมฟรี ตัวบ้านมีลักษณะเป็นหินอ่อนทั้งหลัง การเข้าบ้านของพระนางมารีย์ต้องห้ามส่งเสียงดังเด็ดขาด ด้านในจะมีรูปภาพ ของใช้ส่วนตัว รูปปั้นพระนาง จากนั้นเดินลงมาด้านล่างจะเจอกับน้ำศักดิ์สิทธิ์ ถ้าใครได้กินหรือล้างมือล้างหน้าจะพบกับสิ่งที่ดี ร่ำรวยเงินทอง บางคนถึงต้องเอาน้ำใส่ขวดเพื่อเอากลับบ้านด้วยวันที่ 5 เดินทางแต่เช้าเพื่อไปเมือง Aydın ระยะทางเกือบ 100 กิโลเมตร เพื่อท่องเที่ยวชมปามุคคาเล่ (Pamukkale) หรือ ปราสาทปุยฝ้าย ที่เป็นภูเขาสีขาว ที่เกิดจากแร่แคลเซียมคาร์บอเนตผสมที่แปรสภาพกลายเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้ดินภูเขาบริเวณนั้นเกิดเป็นสีขาว ทางขึ้นจะมี 2 ทาง คือใครชอบการเดินสามารถเดินด้านล่างภูเขาได้เลย อีกทางสามารถนำรถขึ้นไปด้านหลังภูเขาได้เช่นกัน ต้องบอกก่อนว่ามีค่าเข้าชม ซึ่งทางเราได้ขึ้นไปทางด้านหลังเพื่อชมปราสาทปุยฝ้าย เป็นโบราณสถานที่อยู่บนภูเขา อาจจะมีไม่เยอะเหมือน โบราณสถานเอเฟซุส ( Ephesus) แต่สามารถเดินชมได้จากนั้นเดินไปที่หน้าผาจะเจอกับปามุคคาเล่ (Pamukkale) ภูเขาสีขาวที่งดงามมาก จะน้ำตกที่ใสมากที่ลดหลั่นลงมาเป็นชั้น ๆ สวยงามมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ตามบริเวณที่อนุญาติเท่านั้น เชื่อกันว่าเป็นน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถรักษาโรคภัยต่าง ๆ บำบัดร่ายกายได้อย่างดี ทำให้นักท่องเที่ยวลงแช่น้ำกันเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันได้ขึ้นเป็นมรดกโลกแล้ว จากนั้นเข้าที่พัก คือ โรงแรม Colossae Thermal Hotel, Karahayıt เป็นโรงแรมที่ถือว่าอยู่ในระดับพอใช้ได้ แต่ชอบตรงที่มีนำพุร้อนให้นักท่องเที่ยวนอนแช่ ถือว่าได้พักผ่อน บำบัดกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะพักที่นี่ 1 คืน ก่อนจะเดินทางกลับอิสตันบูล วันที่ 6 เดินทางออกจากโรงแรม Colossae Thermal Hotel, Karahayıt แต่เช้าเพื่อไปสนามบินอิซมีร์ (Izmır) กลับอิสตันบูล (Istanbul) โดยสายการบินพีกาซัสแอร์ไลน์ พอถึงสนามบินอิสตันบูล (Istanbul) จะมีรถตู้มารับเพื่อไปส่งที่ โรงแรม Radisson Blu Hotel, Istanbul Pera เพื่อพักผ่อน เราจะพักที่นี่ 1 คืน ก่อนจะกลับประเทศไทย เดินทางไปหาซื้อของฝากที่ตลาด Grand Bazaar ซึ่งเป็นตลาดในร่มที่มีขนาดใหญ่มาก ของถูกมาก (ลืมถ่ายรูปไว้เพราะเหนื่อยมากจากการเดินทาง) วันที่ 67 วันรุ่งขึ้นเดินทางกลับประเทศไทย จะมีรถตู้ไปส่งที่สนามบินอิสตันบูล (Istanbul) ขึ้นเครื่องบินไปลงสนามบินมัสกัต (Muscat) ประเทศโอมาน แล้วต่อเครื่องบินไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง โดยสายการบินโอมาน แอร์ไลน์ ถึงประเทศไทยอย่างปลอดภัยตลอดทริปเที่ยว ประเทสตุรกี ถือว่าเป็นครั้งแรกของที่นี่อาจจะเรียบเรียงหรือเรียกชื่อสถานที่ไม่ถูกมากนัก ก็ขออภัยด้วย ด้วยประเทศตุรกีขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศสองทวีป ที่มีวัฒนธรรมที่สวยงาม มีประวัติศาสตร์ทางโบราณสถานที่สวยงาม บ้านเมืองค่อนข้างสะอาด สองข้างทางสบายตา อากาศร้อนอาจจะไปช่วงเดือนพฤษภาคม ราคาอาหารถูกพอสมควร เครื่องดื่มเน้นน้ำผลไม้คั้นสด ๆ อย่างน้ำส้ม น้ำทับทิม อร่อยมาก ส่วนสำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางถือว่าคุ้มมากกับเงินที่จ่ายไป ติดตรงที่การขับรถการใช้ถนนที่นี่น่ากลัวกว่าบ้านเรามาก บ้านเมืองของประเทศตุรกีจะอยู่บนเนินเขาซะส่วนใหญ่ ไว้เที่ยวที่ใหม่จะกลับมารีวิวใหม่.. เครดิตรูปภาพภาพประกอบทั้งหมดจาก ผู้เขียนออกแบบภาพปก: canva & ผู้เขียน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลยฟรี!