การมาอยู่ต่างแดนและเป็นแถบชนบทอีก การหาพริก หรือ อาหารที่มีพริกผสมอยู่กลิ่นอายแบบไทย ๆหายากมากมาย แต่ก็มีบางโอกาสที่พี่ๆเพื่อนชาวไทยในญี่ปุ่นแบ่งพริกมาให้ได้กินหายคิดถึงความเผ็ดไปบ้าง และนานๆครั้งจะไปร้านเอเชียก้จะขนมาตุนไว้แช่แข็งไว้กินได้นานๆ อยู่ที่ไทยบางที่กินอะไรก็เขี่ยๆออก แต่พอไปไกลบ้านและอยู่ในที่คนไม่ค่อยกินเผ็ด แทบจะกินพริกทั้งก้านเลยเชียวค่ะ จะผัดผักแบบใส่พริก หรือใส่คนอร์แบบบ้านเราบ้างไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยทั้งๆที่เป็นอาหารรสชาติธรรมดาเวลาอยู่ที่ไทยจะกินเมื่อไหร่เปิดตู้เย็นมาเครื่องพร้อมตลอด ทีนี้วันก่อนไปซื้อของในห้างแถวๆบ้านเจอซองม่วงนี้ เห็นว่ามีพริกด้วยเลยลองซื้อมาทำอาหารดู ค่ะผลคือไม่ได้เผ็ดมากแต่ก็คล้ายๆกันอยู่เน้อ สำหรับแม่บ้านชนบทแล้ว ไม่เผ็ดถึงใจ แต่ชาวญี่ปุ่นที่บ้านทั้งหลายลงความเห็นว่า แม่แม่ ทำอาหารเผ็ดจัง (เป็ดมั๊กหนาก๊ะ เรียนแบบสำเนียงหลานน้อยที่พยามยามพูดไทยกับแม่ของเธอ) ทีนี้พี่สาวหนิงเลยส่งภาพ และบรรยายรสชาติมาให้ฟังจนเหมือนแบบ ไปนั่งกินข้าวจ้วงผัดผักด้วยกันเหมือนตอนละอ่อนน้อยเลยค่ะ เล่าจนจินตนาการถึงรสชาติได้เลยที่สำคัญหนิงก็ต้องผัดผักกินตามพี่สาวไปด้วยเลย เคยไปญี่ปุ่นอยู่ครั้งสองครั้งเข้าใจถึงความหาของเผ็ดแบบแซ๊บซี๊ด นั้นได้ยากเย็น ขนาดจะทำส้มตำสักครั้ง ยังต้องรอเวลาเหมาะๆที่จะทำเลยค่ะ และส่วนมากลงท้ายด้วยการหาตัวแทนมะละกอมาทำแทนเลยค่ะ เล่าถึงความลำบากจากการหาพริกกินกันแล้ว มาดูหน้าตาเจ้าผงปรุงรสที่มีรสคล้ายแบบไทยๆที่ว่ากันนะคะ จะเป็นซองสีม่วงหน้าตาแบบนี้ นะคะ และด้านในซองสีม่วง1ซอง จะมี ซองเครื่องปรุงสีเหลือง 2 ซองเล็กค่ะ ในภาพ คือ ซื้อมาตุนไว้ด้วยค่ะ เพราะปกติ ในแต่ละวันจะมีจานผัดผักด้วย เลยเอาไว้ผัดกินเอง หน้าตาผงปรุงรสเป็นแบบนี้ นะคะ จะมีพริก และมีส่วนผสมที่น่าจะเป็นกุ้งแห้งป่นด้วยค่ะ เพราะตอนกินได้กลิ่นกุ้งแห้ง และส่วนผสมอื่นๆที่ทำให้รสนัวๆค่ะ เตรียมผักกะปริมาณว่าผัด 1 จาน ที่กินได้ 2คน นะคะ กะหล่ำ ใช้ 1ใน4 ของหัว แครอทและผักอื่นๆนิดหน่อยค่ะ เอาพอสวยงามใส่จานเพื่อกะปริมาณดูว่า พอกินอิ่มรึเปล่านะคะ แต่อย่าใส่ผักมากไปเพราะเดี๋ยวผงจะจืดค่ะ ผัดผักปกติเลยนะคะ พอผักใกล้สุกได้ที่ ส่วนมากจะผัดให้ผักยังกรอบอยู่ค่ะ ก็ใส่ผงปรุงรสลงไปคนให้ เข้ากันกับผักเท่านี้ก็อร่อยแล้วค่ะไม่ได้ปรุงอะไรเพิ่มเลย เหมือนนานๆจะผัดแบบนี้สักทีเพราะ ที่บ้านมีแต่คนไม่กินเผ็ดกันข้าวจานเดียวไม่พอเลยค่ะ มื้อนี้ คิดถึงเมืองไทยเลย แต่ถ้าเผ็ดเพิ่มอีกนิดคงจะดี และเพิ่มไข่ดาวอีก 1 ฟอง เข้ากันมากๆแต่ที่พี่สาวเล่าให้ฟัง ที่เค้าทำเผ็ด(สำหรับคนญี่ปุ่น) และ ไม่ค่อยเผ็ดสำหรับเรานั้นอาจเพราะจะได้ขายคนญี่ปุ่นได้ถ้าทำเผ็ดกว่านี้ คงไม่ค่อยมีคนซื้อเท่าไหร่แต่เจ้าผงปรุงรสนี่จะอยู่ติดบ้านไปเรื่อยๆเลยเพราะอย่างน้อยก็ไม่ต้องวุ่นวายกับการหาเครื่องปรุงอื่นๆนอกจากเตรียมผักอย่างเดียว ชีวิตต่างแดนที่ต้องทำงานด้วย เลี้ยงลูก และดูแลบ้านด้วยก็ต้องให้รางวัลตัวเองด้วยอาหารที่อยากกินบ้าง และต้องง่ายๆไม่ยุ่งยากด้วยเพราะคนส่วนมากในบ้านคือกินจืดๆกัน ผงปรุงรสนี้จึงลงตัวค่ะหนิงเห็นพี่สาวอวยยศ ผงปรุงรสขนาดนี้ถ้ามีโอกาสเดินดองกิหากว่ามีขายจะสอยมาลองกินสักครั้งค่ะ ทั้งๆที่ไทยเรามีพริกมากมายแต่ก็อดอยากกินรสชาติแบบที่พี่สาวบอกไม่ได้ อย่างน้อยจะได้รู้สึกว่าอืม อยู่ใกล้กันเน๊อะ หนิงกับพี่สาวช่วยกันเขียนเรื่องราวเหล่านี้เพราะพี่สาวเข้าใจดีว่าการย้ายไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองช่วงแรก อาจจะยังไม่มีเพื่อนและการจะหาซื้อของดู งง และยากลำบากไม่น้อยเลยอย่างน้อยๆใครที่ย้ายไปใช้ชีวิตแบบพี่สาว ถ้าได้ผ่านมาอ่านเรื่องราวที่เล่าไว้ก็อยากให้รู้ว่าพวกเราเป็นกำลังใจให้และยังมีของที่ทำให้เราคลายคิดถึงบ้านได้ อย่างน้อยๆก็ของกินที่ทำเองได้และเป็นของที่ง่ายต่อการเติมเต็มช่องของความคิดถึงบ้านได้ในบางครั้งค่ะ เครดิตภาพภาพทั้งหมดโดย แม่บ้านชานเมืองเขียนและเรียบเรียงโดย แม่บ้านชานเมือง และ Ningsiri crochetห้องส่องร้านดังมาแรง รวมของกินอร่อยต้องโดน บอกสูตรเมนูลับที่ไม่ลับอีกต่อไป