เรามีแผลเป็นคีลอยด์เกิดขึ้นที่ติ่งหู และมีขนาดใหญ่มากไม่รู้ว่าตัวเองทนคัน และปล่อยให้มันใหญ่มาขนาดนี้ได้ยังไง พอกลับมานั่งดูรูปภาพย้อนหลังแล้ว แผลคีลอยด์ที่เราเป็นมันใหญ่มากจริง ๆ บอกก่อนว่าเราเป็นคีลอยด์มาประมาณ 2-3 ปีได้ ช่วงที่ยังไม่ได้ผ่าออกก็คือต้องปล่อยผมตลอด ไม่กล้ารวบผมขึ้นเลย จะทำทรงผมสวยๆเหมือนคนอื่นเขาก็ลำบากมาก เพราะเราต้องคอยเอาผมมาบังหูไว้ตลอดช่วงที่เราได้ตัดสินใจไปผ่าตัดคีลอยด์ออก คือช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเพราะมหาลัยหยุดยาวจึงทำให้มีเวลาว่างที่จะสามารถไปคลินิกได้ คลินิกที่เราตัดสินใจไปทำคือ พี ซิสเตอร์ส คลินิก (P Sisters Clinic) ก่อนจะไปผ่าตัดเราได้มีการปรึกษากับคุณหมอผ่านทางเฟซบุ๊กก่อน เพื่อทราบราคาค่าใช้จ่ายก่อนคร่าวๆ และจึงได้นัดวันเวลาเพื่อเข้าไปให้คุณหมอดูแผลคีลอยด์ของเราจริง ๆ ก่อนจะทำการผ่าตัดคุณหมอจะบอกราคาที่ประเมินจริง ๆให้เราทราบก่อน ถ้าเราพึงพอใจสามารถทำการผ่าตัดได้เลย วันนั้นเราตัดสินใจผ่าตัดเลยเพราะไม่อยากเสียเวลา และอยากเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองก่อนจะผ่าตัดเรากลัวมาก เพราะได้ไปอ่านรีวิวตามเว็บเพจต่าง ๆว่าตอนฉีดยาชาลงบนแผลเป็นนั้นเจ็บมาก แต่สำหรับเราตอนฉีดยาชาไม่ค่อยเจ็บมาก มันเป็นความรู้สึกแบบเจ็บจี๊ดนิดๆ แบบทนได้ พอยาชาออกฤทธิ์ก็คือไม่รู้สึกอะไรแล้ว เราจะรู้แค่ว่าคุณหมอจับหูเรานะ แต่ไม่รู้สึกเจ็บเลย และคุณหมอน่ารักมากเปิดเพลงให้เราฟังเพื่อจะได้ผ่อนคลายด้วย และชวนคุยด้วยบ้าง เราใช้เวลาผ่าตัดไปทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง พอทำเสร็จคุณหมอก็จะแนะนำวิธีรักษาแผล จ่ายยา และชำระเงิน คุณหมอจะนัดมาตัดไหมและดูแผลผ่าตัดเราในอีก 10 วันข้างหน้า พอกลับมาถึงบ้านพอยาชาหมดฤทธิ์จะรู้สึกปวดตุบๆ ที่หูหน่อยในวันแรก สำหรับเราวันที่เจ็บสุดน่าจะเป็นวันที่ 2-3 พอถึงเวลานัดตัดไหมแผลเราออกมาค่อนข้างพอใจเลย หูเบาขึ้นมาก รู้สึกมั่นใจขึ้นมากอีกด้วย แต่ของเราคุณหมอแนะนำให้ฉีดยาคีลอยด์เพื่อตกแต่งให้ยุบกว่านี้อีกนิด เพราะแผลเราค่อนข้างใหญ่เรารู้สึกดีมากที่ได้ตัดสินใจไปผ่าตัดคีลอยด์ สำหรับใครที่มีปัญหาคีลอยด์เหมือนกับเรา เราแนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์ก่อนอย่าปล่อยให้มันขยายตัวจนรักษายาก การผ่าตัดไม่ได้น่ากลัวแบบที่คิดเลย เราขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่มีปัญหาเหมือนกันกับเราทุกคนค่ะภาพถ่ายโดยนักเขียน