ข้ามปีก็พาเที่ยวกันเลยค่ะ 5555 เผื่อใครชอบการแพลนล่วงหน้าหลายๆเดือน หรือ แพลนต้นปีเที่ยวปลายปีแบบผู้เขียน บทความนี้ขอเป็นคำแนะนำส่วนนึงให้กับผู้อ่านด้วยอีกทางค่ะ บทความนี้ผู้เขียนพา กิน เที่ยว ที่ฮ่องกง มาดูกันว่า จะมีแนะนำสถานที่ไหน และ ของกินอะไรบ้าง รายละเอียดที่พัก ตั๋วและบัตรที่ต้องซื้อ- ผู้เขียนเลือกจองตั๋วเครื่องบินสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์นะคะ (HongKong Airline) ราคาอยู่ที่ประมาณ 8,000 กว่าๆ/คน (ขึ้นกับผู้อ่านเลือกจองด้วยน้า)- จองโรงแรม Standford ผ่าน Agoda Application 4 วัน 3 คืน ราคา 13,350 บาท (ตกคืนละ 4,450)- ตั๋วเข้า Disneyland ซื้อผ่าน Klook Application ราคาประมาณ 3,100 (แอบบอกนิดนึง ผู้เขียนซื้อผ่าน Shopback ได้ Cashback คืนด้วย ซื้อตอนช่วงโปรโมชั่นค่ะ)- ตั๋วขึ้นกระเช้า Ngong Ping ซื้อผ่าน Klook Application ราคาประมาณ 1,600 บาท ( ผู้เขียนซื้อแบบ Standard และ Crystal+)- ซิมโทรศัพท์ ผู้เขียน ซื้อที่ สนามบินสุวรรณภูมิ (ราคา ขึ้นกับค่ายโทรศัพท์ที่เลือกค่ะ)- บัตร Octopus ใช้สำหรับ จ่ายค่าต่างๆที่ ฮ่องกง ซื้อที่ สนามบินฮ่องกงมีบัตรจะทำให้การเดินทางในฮ่องกงสะดวกมากค่ะ (แต่บางร้านรับเฉพาะเงินสด)พร้อมแล้วก็เริ่มเลย !!Day 1 หลังจากลงเครื่อง และซื้อบัตร Octopus เรียบร้อย เราก็ไปขึ้น Bus สาย S1 ไปลงที่ City Gate ใช้เวลาประมาณ 20 นาที เพื่อไปฝากกระเป๋าในห้าง City Gate ชั้น B2 หรือ B3 หลังจากฝากกระเป๋าแล้ว หาป้ายเพื่อนำทางไป ขึ้นกระเช้าค่ะ ถ้าซื้อผ่าน Klook มาแล้ว เราก็ต่อแถวเพื่อไปรับบัตรได้เลย นั่งกระเช้า Ngong Ping ขึ้นไปที่วัดพระใหญ่ หรือ Tian Tan Buddha Temple ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็ถึงแล้วค่ะ ด้านบนจะมีร้านอาหาร ขนม เครื่องดื่ม สตาร์บัคก็มีน้า ใครชอบกิน มาเช็คอินเก็บสตาร์บัคบนนี้ได้เลย ส่วนผู้เขียน ขอแวะกินร้านราเมนร้อนค่ะ หิวอาหารญี่ปุ่นเฉยเลย 5555 ขึ้นมาแล้ว อย่าลืมไปขอพร ที่จุดกึ่งกลางด้วยน้า หันหน้าเข้าท่านแล้วขอพรได้เลยค่ะ ส่วนขั้นตอนต่างๆ ลองหาอ่านกันดูอีกทีนะคะ ส่วนผู้เขียนเน้นพูดคำอธิษฐานในใจแทน 5555 ขาขึ้น ผู้เขียนนั่งแบบ Standard และ ขาลง นั่งแบบ Crystal+ แนะนำให้มี Crystal+ ไว้ 1 ขา นะคะ เพราะเห็นวิวชัดเจน ถ่ายรูปออกมาได้สวยมากๆ หลังจากลงมาแล้ว เราก็ไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ และ นั่ง MTR ไปเก็บกระเป๋าที่โรงแรมค่ะ เราพักย่าน Mong Kok พอถึงโรงแรมก็นอนพักเก็บแรงกันอยู่ 2-3 ชั่วโมงได้ เป็นผลมาจาก บินเวลา ตี 3 ของไทย ถึง ฮ่องกง ประมาณ 7 โมงเช้า แล้วเที่ยวต่อเลย ร่างกายเลยขอพักสักนิด 5555 หลังจากตื่นแล้วก็หิวมากๆ เลยต้องหาของกินกันสักหน่อย และร้านที่เราเลือก คือ One Dim Sum จะบอกว่า โคตรอร่อย อร่อยมากๆ อร่อยทุกอย่าง ซึ่งตอนเราไปไม่ต้องรอคิวเลยค่ะสรุป การเดินทาง Day1ขึ้น Bus สาย S1 > ฝากกระเป๋าที่ City Gate > Ngong Ping Cable 360 > TianTan Buddha > Hotel (Check in)> One Dim Sum > HotelDay 2 Disneyland วันที่ 2 แพลนของเรา อยู่ที่ Disneyland ทั้งวันเลยค่ะ อย่างที่บอกเราซื้อตั๋วผ่าน Klook App และ ยืนยันวันที่เข้าสวนสนุกผ่าน Disneyland App อีกที(อย่าลืมเข้าไปยืนยันนะคะ) ข้อดีของการโหลด Disney App คือเราสามารถรู้ว่าเครื่องเล่น ต้องรอกี่นาที หรือ การแสดงโชว์ มีเวลากี่โมง เพื่อจะได้จัดเวลาได้ง่ายขึ้นค่ะหลังจากออกมาแล้ว เราก็ไปหาของกินที่ ร้าน Mak Man Kee บะหมี่เกี๊ยวฮ่องกง ตั้งอยู่ที่ ถนน Jordanค่ะรสชาติอาหารจะแล้วแต่คนชอบนะคะ ส่วนตัวเราอาจจะไม่ใช่ทางเท่าไหร่ ให้คะแนน 6/10 ค่ะ ของคาวแล้ว ต่อด้วยของหวานปิดจบที่ ร้าน Kai Kai Dessert ของหวานที่นี่จะไม่ใช่แบบบ้านเราน้า จะเป็นของหวานสไตล์คนฮ่องกงเลย ส่วนตัวเราชอบ เมนูที่ผสมงาดำ รู้สึกอร่อยมากสุดและกินง่ายสุดจากทั้งหมดที่สั่งมา (เรามาช่วงคํ่าแล้วทำให้เมนูแนะนำหมดเกือบทุกอย่างเลย) สรุปการเดินทาง Days 2Hotel > Disneyland > Mak Mee Kee > Kai Kai Dessert > HotelDay 3 พาไปมู วัดแรกที่ Che Kung Temple ใครที่จะมูขอ เรื่องการเงิน ธุรกิจ หรือ โชคลาภ มาขอท่านที่วัดนี้นะคะ ที่วัดจะมีให้ซื้อแผ่นทองด้วยน้า ซื้อไปบูชาต่อ หรือ เป็นของฝากเพื่อนๆ น่าจะถูกใจกัน เดินทางไปมูกันต่อที่ Wong Tai Sin Temple หรือ วัดด้ายแดง คนนิยมไปขอเรื่อง ความรักกันค่ะ หลังจากมูเรียบร้อย เราก็ไปหาของกินที่ Haiphong Road Temporary Cooked Food (ไม่แน่ใจว่าใช่ชื่อหรือเปล่านะ 555) ที่นี่จะเป็นเหมือนตลาดค่ะ มีร้านให้เลือกเยอะแยะ แล้วก็แชร์โต๊ะ ของแต่ละร้านค่ะ เรากินก๋วยเตี๋ยวอีกแล้ว 5555 ทำไมนํ้าซุปที่ฮ่องกงรสชาติไม่ต่างกันเลย ให้ความรู้สึกเหมือนสมุนไพรผสมอยู่ มาหาของหวานกินกันต่อที่ Bake House สาขา Tsim Sha Tsui ค่ะ ทาดไข่อร่อยมาก แต่ใครที่ไม่ชอบหวาน อาจจะมีบ่นนิดๆว่าหวานไป ส่วนสำหรับเรา เราชอบนะ ถึงคิวจะยาว แต่คิวรันไวมากๆ รอไปคุยไป ถึงคิวแล้ว 555ต่อกันที่ ห้าง K11 Artmall เพื่อมา Popmart สุ่มกล่องกันแบบกรุบกริบ 5555 ไปหาซื้อของฝากกันสักนิดค่ะ เราเลือกซื้อเป็น Jenny Cookies ค่ะ คุ้กกี้เขาอร่อยแล้วเราก็ชอบกล่องคุ้กกี้ของทางร้านมากเลย น่ารักก ร้านอยู่ชั้น 2 ของตึก Mirador Mansion นะคะ พอเริ่มมึดแล้ว เราก็เดินทางไปรอดู Symphony of light ที่อ่าววิคตอเรียค่ะ แสดงโชว์ไฟ จะเริ่มเวลา 2 ทุ่ม (แนะนำสำหรับต้องการนั่งชิลๆพักผ่อนน้า แต่ถ้าใครที่มีแพลนอื่น ก็เก็บการดูโชว์ไฟแพลนวันหลังๆได้ค่ะ) หลังจากดูการแสดงจบ เราตั้งใจที่จะหาร้านเป็ดย่าง มิชลิน เจ้าหนึ่ง ย่าน Central กินกันค่ะ แต่เกิดเหตุไม่คาดคิด 555 นั่นคือ ร้านเขาปิดแล้ว เราเลยต้องเปลี่ยนแผน ไปกินอีกร้านใกล้ คือ ร้าน Hay Hay Kitchen จะบอกว่า รสชาติอร่อยนะคะ ให้เยอะมากด้วย เรากินจนอิ่มแบบจุกเลยสรุปการเดินทาง Days 3Hotel > Che Kung Temple > Wong Tai Sin Temple > Haiphong Road Temporary Cooked Food > Popmart @K11 Atrmall > Jenny Cookie > Symphoney of light > Hey Hey Kitchen > HotelDay 4 ก่อนเดินทางไป สนามบิน เราเลยเดินเล่นแถวโรงแรมค่ะ และได้ลองกิน ร้าน Hey Tea เมนูที่เรากิน เป็นองุ่นเขียว+ชีส(จำชื่อเมนูไม่ได้) อร่อยแบบอึ้งมากก รสชาติเข้ากันสุด ความชีสนุ่มๆเค็มเยาๆผสมกับองุ่นปั่น ให้ 100/10 เลยค่ะ สรุป การเดินทาง Days 4Hotel > Hey Tea > Airportคำแนะนำและสรุปการเที่ยวของทริปนี้- ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และค่าต่างๆ ถือว่าราคาค่อนข้างสูงค่ะ ถ้าเรื่องการใช้จ่าย ขอแนะนำให้ซื้อบัตร Octopus และแลกเงินสดเผื่อกันไว้ด้วยนะคะ - การเดินทางที่นี้ ส่วนใหญ่ MTR และ Bus เดินทางง่าย ค่ะ สามารถดูตามป้ายได้เลย- รสชาติอาหาร สำหรับเรา ถูกใจแค่บางร้านค่ะ (ส่วนน้อยที่จะเจอร้านอร่อย 555) ภาพรวมทริปฮ่องกง ถือว่าออกมาได้ดีค่ะ ใครที่กำลังตัดสินใจอยากลองไปเที่ยวฮ่องกง อยากไปมูเตลู วัดดังต่างๆ ลองมากันได้เลยนะคะ เก็บประสบการณ์เพิ่มกันค่ะPhotos : By CreatorCover : Canva Application By Creator #ฮ่องกง #HongKongเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !