“AFTER” คือภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนิยายชื่อดังของ “Anna Todd” ในชื่อเดียวกันและในนิยายชุดนี้เป็นชุด 4 เล่มด้วยกันประกอบไปด้วย “After”, After We Collided, After We Fell, After Ever Happy และมีอีก 1 เล่มแยกชื่อว่า “Before”สำหรับแฟนภาพยนตร์เรื่องนี้ก็สบายใจได้เลยเพราะ After We Collided (ภาคต่อ) อยู่ในขั้นตอนของการตัดต่อก็คงจะได้รับชมในเร็ว ๆ นี้ แม้จะยังไม่มีกำหนดเข้าฉายอย่างเป็นทางการ(สำหรับภาคต่อจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรไว้ย่อหน้าสุดท้ายเผื่อใครที่อ่านบทความนี้จะยังไม่เคยรับชม)รูปภาพจากภาพยนตร์ Afterเรื่องราวของ “After” ในภาคแรกกันภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องราวของ “เทสซ่า” (รับบทด้วย Josephine Langford) สาวน้อยวัยใสที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรอบมาตลอดชีวิตกำลังจะต้องออกสู่อ้อมกอดของแม่เป็นครั้งแรกเพื่อย้ายเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยแน่นอนว่าหลังจากที่เธอเข้าไปก็ได้พบกับ “ฮาร์ดิน” (รับบทโดย Hero Fiennes Tiffin) หนุ่มหล่อ BAD BOY ตามสูตรและในช่วงแรก “เทสซ่า” ก็พยายามต้านทานสิ่งยั่วยุตัวเองไม่ให้ตัวเองเข้าไปอยู่ในสังคมใหม่ ๆ กินเหล้าเมายาปาร์ตี้และที่สำคัญคือต้านทานไม่ให้เผลอใจไปกับหนุ่มหล่ออย่าง “ฮาร์ดิน” ที่พุ่งเข้าหาเธอตลอดเวลา แต่สุดท้ายเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของทั้งสองคนก็เกิดขึ้นแต่สิ่งที่ทำให้ผมดูภาพยนตร์เรื่องนี้จนจบคือฉากเปิดของเรื่องที่ว่าด้วยคำพูดภายในใจของ “เทสซ่า” ที่ได้บอกความรู้สึกของเธอถึงตัว “ฮาร์ดิน” “ก่อนจะเจอเขา ชีวิตของฉันช่างเรียบง่ายและเข้าใจง่าย...และตอนนี้ หลังจากที่ได้เจอเขาก็มีแต่...หลังจากนั้น”“My life before him was so simple and decided. And now after him there's just...After.” ทำให้คนดูอย่างเราทราบได้อย่างหนึ่งเลยว่าชีวิตของ “เทสซ่า” เองน่าจะได้รับผลกระทบอะไรบางอย่างหลังจากที่เธอได้พบกับ “ฮาร์ดิน” เป็นแน่แต่จะไปในทิศทางไหนละอันนี้ผมถือว่าเปิดเรื่องมาได้หน้าติดตามและชวนให้ดูต่อได้พอสมควรและอยากรู้ว่าจะมิติไหนมาทำให้หนัง Romantic - Coming of age (ก้าวข้ามพ้นวัย) เรื่องนี้แตกต่างไปจากเรื่องอื่นเอาภาพรวม ๆ ว่าด้วยตัวหนังแบบเพียว ๆ ไม่เกี่ยวกับตัวนิยาย(เพราะไม่เคยอ่านแต่แอบไปดูคนที่อ่านวิจารณ์มาบ้าง) After เองก็เป็นหนังโรแมนติกที่เน้นขายความสวยงามภาพของสองนักแสดงนำที่สวยหล่อมีเสน่ห์ดึงดูดคือผมคิดว่าใครที่ชอบภาพยนตร์แนวจิกหมอนน่าจะชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ไม่ยากนะครับสิ่งที่ทำให้หนังน่าสนใจจุดหนึ่งเลยคือตัวละครอย่าง “เทสซ่า” และ “ฮาร์ดิน” ใช้ชีวิตและมีทัศนคติที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วเลยก็ว่าได้ “เทสซ่า” ก็เหมือนกับไข่ในหินของคุณแม่ “ฮาร์ดิน” ก็คือเด็กหนุ่มเจ้าปัญหาที่มองโลกในแง่ร้าย เราจะเห็นได้จากการที่เขาสองคนตีความจากหนังสือเล่มเดียวกันแต่มองกันคนละมุมเลยละคือคนเราถ้ามันแตกต่างกันมากจนเกินไปบางทีมันก็ดูจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรักกันก็เลยทำให้หนังเริ่มน่าสนใจแต่หนังก็ยังไม่ได้ทำให้ทั้งสองตัวละครไม่มีจุดเชื่อมโยงซึ่งกันและกันซะทีเดียวทั้งตัว “เทสซ่า” และ “ฮาร์ดิน” มีปัญหาครอบครัวหรือความทรงจำที่ไม่ดีคล้าย ๆ กันอยู่บ้าง “เทสซ่า” คือโดนพ่อทิ้งไปตั้งแต่เด็กถูกเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอมโดยคุณแม่ “ฮาร์ดิน” โกรธแค้นการกระทำของพ่อที่ทำให้แม่ต้องหนีไป ตรงนี้ก็ถือเป็นจุดหนึ่งให้เขาทั้งสองคนพอจะมีแรงดึงดูดให้เข้าอกเข้าใจกันพอสมควรรูปภาพจากภาพยนตร์ Afterหนังเดินเรื่องด้วยความรวดเร็วไม่พูดพร่ำทำเพลงมากนะครับหลังจากที่ “เทสซ่า” ได้พบกับ “ฮาร์ดิน” เธอคือคนแรกเลยที่ชีวิตเปลี่ยนจากเดิมไปซะหมดใช้ชีวิตอยู่นอกกรอบที่เคยเป็นมาและกลายเป็นคนที่ตกหลุมรักหัวปรักหัวปรำเลยทีเดียวแต่ผิดกับ “ฮาร์ดิน” ที่หนังพยายามสื่อสารให้ดูมีความลับเต็มไปด้วยความสับสนว่าจริง ๆ แล้วเขารักหรือไม่รัก “เทสซ่า” กันแน่อันนี้ผมว่าเป็นความจงใจเพื่อเมื่อหนังเดินทางไปถึงจุดที่วางไว้แล้วคนดูสไตล์นี้ก็จะเรียกมันว่าจุดพีคและแน่นอนครับด้วยความที่มันเป็นหนังรักวัยรุ่นมันจะมีความงี่เง่าของตัวละครเยอะพอสมควรหลังจากที่พวกเขาเริ่มตรงลงปลงใจที่จะคบหากันแต่ตัวผมก็มองว่ามันก็เหมาะกับวัยของตัวละครและตัว “เทสซ่า” เองที่เธอจะทำแบบนั้นเช่นทะเลาะกันเพราะข้อความในโทรศัพท์ แต่ผมเชื่อว่าวัยรุ่นทุกคนที่มีความรักก็เป็นกันหมดเพราะฉะนั้นก็ย่อมรับได้รูปภาพจากภาพยนตร์ Afterพอดูจนจบเราเข้าใจแล้วว่าทำไมหนังถึงเปิดมาด้วยคำพูดแบบนั้น“เพราะหลังจากที่เทสซ่าได้พบกับฮาร์ดินชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงฮาร์ดินกลายเป็นส่วนสำคัญให้เธอเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเองหลายอย่างทีเดียว”เช่นเดียวกับ “ฮาร์ดิน” ที่เหมือนตัวเขาเองก็เริ่มจะมีมุมมองเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นและพร้อมที่จะเปิดใจรักใครได้บ้าง“หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือตัวละครมีพัฒนาการทางความคิดความรู้สึกการแสดงออกที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ” นี่ก็เป็นอีกผลหนึ่งที่ทำให้ชวนติดตามAFTER ไม่ใช่หนังรักเกรด A+ ก็จริงและอาจจะไม่ได้ล้ำลึกและคมคายแต่กลับเต็มไปด้วยภาษาพูดง่าย ๆ การแสดงออกทางอารมณ์ที่เราเห็นชินตาในชีวิตประจำวัน แต่ก็ถือว่าเป็นหนังรักที่ดูเพลินนักแสดงมีเสน่ห์และอาจจะทำให้ใครหลายคนคิดขึ้นมาได้ว่าหลังจากที่ได้พบใครบางคน “เราได้เปลี่ยนอะไรในตัวเราไปบ้าง” และ “มันคุ้มค่าที่จะเปลี่ยนหรือไม่”“ใครที่กำลังมองหาหนังรักภาพสวย ๆ ฉากโรแมนติกเยอะ ๆ บทสนทนาที่ราวกับคำคมตลอดเวลา AFTER เป็นตัวเลือกที่ดีในระดับหนึ่งครับ”สามารถรับชมภาพยนตร์เรื่อง "AFTER" ได้ทาง NETFLIX ** ว่าด้วยเรื่องของ After We Collided (ภาคต่อ) จะเป็นเรื่องราวหลังจากที่ “เทสซ่า” ให้อภัยและกลับมาคบกับ “ฮาร์ดิน” อีกครั้งและพบว่าความสัมพันธ์ที่ไม่ดีขอทั้งคู่ส่งผลกระทบต่อกันอย่างไร (ประมาณนี้นะครับที่หามาได้)ติดตามผลงานเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/filmanwriter