ผู้เขียนเมื่ออายุใกล้ 50 เริ่มเป็นฝ้า กระ เห็นรอยคล้ำเป็นปื้นสีน้ำตาลอ่อนบริเวณข้างแก้มทั้งสองข้าง รวมทั้งมีกระเนื้อเป็นติ่งเนื้อนูนออกมาด้วย พอเริ่มเป็นมากขึ้นทั้งฝ้า และกระ เมคอัพเริ่มกลบรอยฝ้า กระ ไม่มิดแล้ว ทำให้หน้าหมองเหมือนโดนของ สีผิวไม่สม่ำเสมอ จึงตัดสินใจไปที่แผนกผิวหนังโรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์เพื่อปรึกษาคุณหมอเรื่องฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้าเริ่มจากไปทำบัตรโรงพยาบาลซึ่งใช้เวลาไม่นาน จากนั้นก็แจ้งคุณพยาบาลว่าจะมาตรวจที่แผนกผิวหนังเรื่องฝ้า กระ ได้คิวพบคุณหมอตอนช่วงบ่าย คุณหมอตรวจแล้วบอกว่ามีทั้งฝ้า กระ กระเนื้อ ตุ่มไขมัน ส่วนของฝ้า กระ รักษาแล้วจะไม่หายขาด แต่ทำให้จางลงได้ ทำได้ทั้ง ทายา กินยา ฉีดยา หรือเลเซอร์ แล้วแต่คนไข้ว่าสะดวกแบบไหน ส่วนตุ่มไขมัน และกระเนื้อแก้ไขได้ด้วยเลเซอร์พอคิดดูแล้วบอกคุณหมอว่าอยากเริ่มจากทายา กับทานยารักษาฝ้า กระ ก่อน ยังไม่ทำเลเซอร์ หมอก็ตกลงตามนั้น แล้วนัดอีก 2 เดือน หลังจากใช้ยาให้มาพบคุณหมอดูว่าดีขึ้นหรือไม่ และปรับยาให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุดยาทั้งหมดที่ได้มามียาทา และครีมบำรุง1. White 1 (Arbutin) 7% cream ทาวันละ 1 ครั้ง เช้า เฉพาะฝ้า2. White 2 (Vit C+Licorice) cream ทาวันละ 1 ครั้ง เย็น เฉพาะฝ้า3. Skinoren (Azelaic acid) 20% ทาวันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น ทาเฉพาะฝ้า4. Rama Vita 10E 10% cream ทาวันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น ทาบำรุงหน้า คอ5. Bleaching cream 3A 2% cream ทาวันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน ทาเฉพาะฝ้า6. Cream ฺBASE cream ทาวันละ 2 ครั้ง เช้า เย็นยารับประทาน มี 1 อย่างคือ Transamin 2 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น หลังอาหารสำหรับ 2 เดือน ค่าใช้จ่ายเป็นค่ายา 2,743.25 บาท แล้วมีค่าบริการผู้ป่วยนอกอีก 100 บาทส่วนที่ต้องไปหาซื้อเองคือครีมกันแดด ต้องทาทุกวัน และหลีกเลี่ยงแสงแดดให้มากที่สุดครีมที่ผู้เขียนเคยใช้แล้วรู้สึกแสบหน้ามาก ๆ เลยไม่ได้ใช้ต่อคือ Glycolic acid cream 7% ถึงแม้คุณหมอจะลดความเข้มข้นเหลือ 5% ก็ยังแสบหน้าอยู่ก็เลยเลิกใช้จากประสบการณ์การรักษาต้องบอกว่า ฝ้า กระ ที่เคยเข้มก็จางลงมาก แต่ไม่ถึงขั้นหมดจด เกลี้ยงเกลา ขาว ใส แต่ก็จางจนไม่ต้องแต่งหน้าหนา ๆ ให้เปลืองรองพื้นอีกแล้ว ถ้าใครมีปัญหาฝ้า กระ อยากให้ลองไปรักษากับคุณหมอผิวหนังที่โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ ภาพถ่ายโดย @พรรณนาเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !