(ภาพหนังสือถ่ายโดยผู้เขียน Photo By Sepnine)ทำไม?! ถึงบอกว่าเป็นหนังสือที่เขียนยากที่สุดในโลก!! วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักหนังสือเล่มนี้กันค่ะ หนังสือเรื่อง "ชุดประดาน้ำและผีเสื้อ" หรือชื่อในภาษาฝรั่งเศสคือ LE SCAPHANDRE ET LE PAPILLON ของฌ็อง-โดมินิก โบบี้ เป็นวรรณกรรมฝรั่งเศสที่แปลไทยโดยวัลยา วิวัฒน์ศร จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ผีเสื้อฝรั่งเศส เล่มนี้ตีพิมพ์ครั้งที่ 6 ปีพ.ศ. 2555 พร้อมทั้งปรับปรุงเปลี่ยนรูปเล่มใหม่ จะเห็นว่าพื้นหลังปกเป็นสีน้ำเงิน ตัดกับตรงกลางเป็นสีชมพู ซึ่งเราชอบโทนนี้นะเหมือนแสดงความรู้สึกสะท้อนออกมาเป็นชื่อเรื่อง โดยชุดประดาน้ำ สะท้อนผ่านสีน้ำเงิน ให้อารมณ์หม่น ๆ ส่วนผีเสื้อสะท้อนผ่านสีชมพู สื่อถึงความสดใส แสดงให้เห็นว่าสองสิ่งนี้กำลังการเดินทางไปด้วยกัน ก่อนอื่นขอกล่าวถึงประวัติของนักเขียนกันก่อน ฌ็อง-โดมินิก โบบี้ เกิดเมื่อปีค.ศ.1952 โดยเข้าสู่วงการหนังสือพิมพ์ตั้งแต่อายุ 22 ปี และทำงานอยู่ในแวดวงนี้ตลอดมา จากนั้นเขาก็ได้ดำรงตำแหน่งเป็นบรรณาธิการบริหารนิตยสาร ELLE จนกระทั่งวันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ.1995 เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นคือ อาการเส้นเลือดในสมองแตก ทำให้เขาต้องกลายเป็นอัมพาตทั้งตัว อวัยวะที่เคลื่อนไหวได้ คือตาซ้ายข้างเดียว และสามารถขยับศีรษะได้เล็กน้อย ส่วนระบบสมองยังทำงานปกติ โบบี้เป็นอัมพาตนานถึง 15 เดือนก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ระหว่างนี้เขาจึงได้เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอัตชีวประวัติของเขาช่วงที่รักษาตัว และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เขาพบเจอมารวมทั้งหมด 29 ตอน โดยถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีศิลปะ และงดงาม (ภาพหนังสือถ่ายโดยผู้เขียน Photo By Sepnine)...เป็นอัมพาตทั้งตัวแต่เขียนหนังสือ!! แล้วเขียนยังไงล่ะ?! บางคนอาจจะคิดสงสัยในใจ วิธีการเขียนของโบบี้ก็คือ การเลิกเปลือกตาเลือกตัวอักษรตามรหัสการสื่อสาร หรือการกะพริบตานั่นเองค่ะ แล้วเท่านั้นยังไม่พอเพราะเขาสามารถกะพริบตาได้เพียงข้างซ้ายข้างเดียวเท่านั้น แค่ฟังก็ดูยากแล้วใช่มั้ยคะ แต่เป็นความจริงค่ะเพราะในหนังสือตอน "แม่ทูนหัว" ซึ่งเป็นตอนหนึ่งในเล่มอธิบายเกี่ยวกับการเขียนหนังสือของเขาไว้ว่า "...นักสัทบำบัด ชื่อว่าซ็องดรีน เธอคือคนที่เป็นผู้เริ่มให้โบบี้ใช้รหัสติดต่อสื่อสาร ถ้าปราศจากรหัสนี้ก็เท่ากับว่าเขาถูกตัดขาดจากโลกโดยสิ้นเชิง แม้ว่าเพื่อนของเขาส่วนใหญ่ได้เรียนรู้รหัสนี้ แต่ที่โรงพยาบาลมีแต่เธอกับนักจิตวิทยาอีกคนที่ใช้เป็น..." ต่อไปเรามาพูดถึงรหัสที่โบบี้ใช้สื่อสารกันค่ะ เรียกว่ายากอยู่ทีเดียว (แต่เขากลับบอกว่าเป็นรหัสง่าย ๆ) อาจเพราะเป็นภาษาฝรั่งเศสด้วยจึงทำให้เราไม่ค่อยเข้าใจการใช้สักเท่าไร ตามหนังสือเรียกระบบการสื่อสารนี้ว่าว่า ชุด ESA ได้แก่ ESARINTULOMDPCFBVHGJQZYXKW เป็นการเรียงอักษรชุดที่หนึ่งเรียงตามความถี่ของการใช้ภาษาฝรั่งเศส โดยกว่าจะได้เป็นงานเขียนออกมาจะมีคนท่องตัวอักษรทีละตัว จนกระทั่งโบบี้เลิกเปลือกตาเขาก็จะหยุดและเขียนตัวอักษรนั้นลงบนกระดาษ และทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนครบตามที่เขาต้องการสื่อสารนั่นเอง(ภาพหนังสือถ่ายโดยผู้เขียน Photo By Sepnine) เรื่องของความสามารถในการประพันธ์จะไม่พูดถึงไม่ได้เช่นกัน เพราะกลวิธีการใช้ภาษาของเขาแพรวพราว และไพเราะมาก ตัวอย่างเช่น "บรรดาสระและพยัญชนะบรรเลงลีลาให้ผมชมตามจังหวะเพลงพื้นบ้านแคว้นโปรว็องช์ ของชาร์ลส์ เตรอนต์ เนื้อร้องว่า จากเวนิสเมืองวิลิศ ฉันมีแต่สิ่งฝังจิตอันอ่อนหวาน ตัวอักษรพากันเกี่ยวก้อยเริงระบำข้ามห้อง หมุนตัวรอบ ๆ เตียง เลี้ยวเลื้อยตามผนังไป จนถึงประตูแล้วเริ่มร่ายรำใหม่" (ตัวอักษร, น.35) ข้อความข้างต้นเรียกได้ว่าเป็นการเลือกใช้คำได้อย่างสละสลวย และทำให้ผู้อ่านเกิดภาพจินตนาการตามได้อย่างงดงาม คือจะบอกว่าเวลาเราอ่านแล้วไม่รู้สึกถึงความท้อแท้หรือความหดหู่ในชีวิตของเขาเลย แต่เรื่องราวกลับสื่อสารออกมาได้อย่างสนุก และสวยงามมาก ๆ หนังสือเล่มนี้จึงถือว่าเป็น "หนังสือแหล่งแรงบันดาลใจ" ที่ควรค่าแก่การอ่านเล่มหนึ่ง เพราะโบบี้สร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างงดงามทั้งภาษา และการสื่อความหมาย ขนาดเขาไม่สามารถทำอะไรได้มาก หรือเรียกได้ว่าควรยอมแพ้ไปดีกว่า แต่ไม่เลยเขากลับมุ่งมั่นตั้งใจเขียนหนังสือเล่มนี้จนจบอย่างสวยงาม เขาไม่ได้มองว่าการเป็นอัมพาตทั้งตัวคืออุปสรรค นั่นจึงเป็นกำลังใจที่ดียิ่งให้กับผู้ป่วยอัมพาต พร้อมทั้งป็นเครื่องเตือนใจให้กับพยาบาล ซึ่งบางครั้งหลงลืมไปว่าคนป่วยที่ขยับเขยื้อนไม่ได้ หรือพูดไม่ได้นั้นก็ยังมีความเป็นคนอยู่ นอกจากนี้ก็ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลาย ๆ คนที่อยากทำอะไรสักอย่างแล้วคิดว่าคุณทำไม่ได้ คุณไม่สามารถ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลนู้นนี่นั่นอะไรก็ตาม ถ้าคุณได้อ่านงานของโบบี้แล้วละก็ คุณอาจจะเห็นว่าเหตุผลของคุณช่างไร้สาระสิ้นดี(ภาพหนังสือถ่ายโดยผู้เขียน Photo By Sepnine) อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยว่ามีส่วนสำคัญ ก็คือคนรอบตัวของโบบี้ ไม่ว่าจะเป็นโกล๊ด ม็องดิบิล บรรณาธิการต้นฉบับที่ทำงานร่วมกับโบบี้นานสองเดือนเต็ม หรือซ็องดรีน นักสัทบำบัดที่สื่อสารรหัสกับโบบี้ รวมไปถึงครอบครัว ได้แก่ ภรรยา ลูก และเพื่อน ๆ ของเขา กำลังใจของคนรอบตัวจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญที่หล่อหลอมเป็นพลังให้เขารู้สึกสนุกกับการที่จะมีชีวิต พร้อมกับมีความสุขในการทำสิ่งที่เขารักต่อไป ส่วนท้ายเล่มจะกล่าวถึงหมายเหตุสำนักพิมพ์ที่เราอ่านแล้วชอบมาก ๆ คือ ...เพราะงานชิ้นนี้บ่งบอกสิ่งสำคัญแก่ผู้มีชีวิต และต้องมีชีวิตต่อไปในโลก จะด้วยความรื่นรมย์ พึงพอใจหรือไม่ก็ตาม ว่า 'เมื่อโชคดีได้มีชีวิตเป็นมนุษย์ ควรหาโอกาสทำสิ่งที่ดีที่สุดฝากไว้แก่โลก แม้สักเพียงชิ้นหนึ่ง' อ้อ...เราเกือบลืมกล่าวถึงชื่อเรื่องที่เราคิดว่ามันงดงาม และเปรียบเทียบได้อย่างคมคาย ที่มาของชื่อเรื่องหมายถึง ชุดประดาน้ำที่รัดรึงตึงไว้ทั้งร่างกาย เปรียบเทียบถึงการเป็นอัมพาตของโบบี้ที่ไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้ แต่เขาก็ยังอยากเป็นผีเสื้อที่มีความคิดร่อนเร่พเนจรไปที่ต่าง ๆ มากมาย เพื่อนำมาถ่ายทอดเป็นบันทึกการเดินทางโดยไม่เคลื่อนไหวของเขานั่นเอง...เอกสารอ้างอิง ฌ็อง โดมินิก โบบี้. (2555). ชุดประดาน้ำและผีเสื้อ [LE SCAPHANDRE ET LE PAPILLON] (วัลยา วิวัฒน์ศร, แปล). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ผีเสื้อ.