ในชีวิตของคุณตั้งแต่จำความได้จนดำเนินมาถึงตอนนี้ เคยได้ลองตั้งสมมติฐานแปลก ๆ หรือเพี้ยน ๆ แล้วลงมือทำกันบ้างมั้ยคะ สำหรับผู้เขียนที่ตอนนี้อายุยี่สิบต้น ๆ นั้นไม่เคยค่ะ เพราะชีวิตส่วนใหญ่ของผู้เขียนมักจะอยู่ในกรอบของความสุขเดิม การกระทำเดิม ๆ ไม่ค่อยลองทำในสิ่งใหม่ ๆ เพราะในใจมีความกลัวอยู่มาก แต่หนังสือเล่มนี้จะเปลี่ยนความกลัวให้เป็นความกล้าค่ะ กล้าคิด กล้าลงมือทำ กล้าที่จะลิ้มลองความล้มเหลวเพื่อที่จะได้รับบทเรียนอันมีค่าที่ชีวิตมอบให้หนังสือน่าจะรู้อย่างนี้ตอนอายุ 20 ราคา 185 บาทภาพถ่ายโดยผู้เขียนหนังสือหมวดจิตวิทยาเล่มนี้ถูกเขียนขึ้นโดย Tina Seelig ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (มหาวิทยาลัยชื่อดังในอเมริกา) ที่สอนวิชานวัตกรรม โดยเนื้อหาในหนังสือจะเป็นการเล่าเรื่องของอาจารย์ในมุมที่เกี่ยวกับการทดลองตั้งสมมติฐานใหม่ ๆ การให้โจทย์ปัญหาต่าง ๆ แก่นักศึกษาเพื่อการลงมือปฏิบัติและสรุปผลลัพธ์ โดยแบ่งเป็นเนื้อหาทั้งหมด 10 บท ดังนี้ค่ะ1.ซื้อหนึ่ง แถมสอง (มองปัญหาให้เป็นโอกาส) 2.ละครสัตว์แบบกลับตาลปัตร (ตีลังกามองโลก)3.ซูชิหน้าแมลงสาบ (เปลี่ยนเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้)4.โปรดหยิบกระเป๋าสตางค์ของคุณขึ้นมา (อย่ารอให้ใครมาอนุญาตให้คุณสำเร็จ)5.ซอสปรุงรสสูตรลับของซิลิคอนวัลเลย์ (เหตุผลดี ๆ ที่ควรล้มเหลว)6.ไม่เอาหรอก.. วิศวะน่ะมันเป็นเรื่องของผู้หญิง (ความสามารถ ความรัก ความต้องการของตลาด)7.เปลี่ยนน้ำมะนาวให้กลายเป็นเฮลิคอปเตอร์ (วิธีสร้างโชคดีให้ตัวเอง)8.วาดเป้ารอบ ๆ ลูกธนู (เคล็ดลับที่พาคุณข้ามหลุมพรางที่คนส่วนใหญ่พลาดตกลงไป)9.นี่จะออกข้อสอบไหม (ถ้าอยากก้าวไปให้ไกล อย่าทำแค่พอผ่าน)10.สิ่งแปลกปลอมในการทดลอง (สิ่งที่ฉันน่าจะรู้ตั้งแต่อายุ 20)ภาพถ่ายโดยผู้เขียนในบทแรกที่ผู้เขียนเปิดอ่านนั้น เป็นการทดลองที่น่าสนใจมากทีเดียวค่ะ เห็นวิธีคิดที่สร้างสรรค์และชาญฉลาด จึงอยากยกมาแบ่งปันให้ผู้อ่านในที่นี้ได้รับรู้ถึงเนื้อหาแบบคร่าว ๆ โดยการทดลองแรกคุณครูจะให้นักศึกษาแบ่งกันออกเป็น 14 กลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มจะได้รับซองที่บรรจุเงิน 5 ดอลลาร์ (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 160 บาท) ซึ่งนักศึกษาต้องกลับไปวางแผนและช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะนำเงินทุน 5 ดอลลาร์นี้ไปต่อยอดให้ทำเงินกลับมาได้มากที่สุดโดยใช้เวลาลงมือทำแค่ 2 ชั่วโมง และหลังจบการทดลองทุกกลุ่มต้องมานำเสนอสิ่งที่ทำให้คุณครูและเพื่อน ๆ ฟังในชั้นเรียนเป็นเวลา 3 นาที ฟังดูยากใช่มั้ยคะสำหรับเงินทุนและเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีวิธีการหาเงินที่ต่างกันออกไป มีทั้งขายน้ำมะนาว รับจ้างต่อคิวร้านอาหาร เปิดบริการล้างรถ หรือแม้แต่ซื้อลอตเตอรี แต่กลุ่มที่ทำเงินได้มากที่สุดเป็นจำนวน 650 ดอลลาร์นั้น ทำสิ่งที่ฉีกไปจากกลุ่มอื่นเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่ได้มองว่าสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในการทดลองนี้คือเงินทุน 5 ดอลลาร์หรือเวลา 2 ชั่วโมง แต่เป็นเวลา 3 นาทีที่ต้องนำเสนองานในชั้นเรียนต่างหาก เมื่อคิดได้เช่นนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจขายโฆษณาความยาว 3 นาทีในราคา 650 ดอลลาร์ให้กับบริษัทแห่งหนึ่งที่ต้องการรับสมัครนักศึกษา แล้วนำมาฉายให้เพื่อนร่วมชั้นดู แทนที่จะนำเสนอสิ่งที่พวกเขาช่วยกันทำในสัปดาห์ที่ผ่านมาทุกท่านเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้มั้ยคะ นี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ยืนยันได้ว่าโอกาสมีอยู่อย่างเหลือล้นแต่คนฉลาดเท่านั้นที่จะมองเห็น หากคุณอยากหาเงินให้ได้มาก ๆ จนหัดสังเกตและหาวิธีแก้ปัญหาให้กับผู้คน ยิ่งสิ่งที่คุณทำสามารถแก้ปัญหาให้กับผู้คนได้เป็นจำนวนมากเท่าไหร่ ค่าตอบแทนก็จะมีจำนวนที่มากขึ้นเท่านั้นภาพถ่ายโดยผู้เขียนในตอนที่ต้องเผชิญกับปัญหาลองมองโลกในมุมที่ต่างออกไป ลองทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ดูบ้าง แล้วคุณจะรู้ว่าตัวเองมีขีดความสามารถมากขนาดไหน กล้าที่จะลอง กล้าที่จะล้มเหลว เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันอันจะนำคุณไปสู่ความสำเร็จได้ในอนาคตเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเรียบง่าย และไม่มีภาพประกอบหรือหัวข้อย่อยในการคั่นเนื้อหาในแต่ละบทเลย ทำให้การอ่านดูค่อนข้างน่าเบื่อ ผู้เขียนใช้เวลาอ่านหลายวันกว่าจะจบเล่ม แต่ก็ได้เห็นการลงมือทำสมมติฐานใหม่ ๆ ที่ได้ผลลัพธ์ต่างออกไปจากประสบการณ์ในชีวิตอันแสนเรียบง่ายของเรา แต่หนังสือเล่มนี้คงไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการวิธีลงมือทำเป็นขั้นตอน 1 2 3 เหมือนหนังสือ How to ทั่วไป แต่ถ้าใครอยากเปิดโลกในมุมใหม่ ๆ ความรู้ที่แปลกออกไป เล่มนี้เหมาะค่ะ