ไม่คิดว่าจะต้องกลับมานั่งอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์อีกครั้งในวัย 30 ปี พร้อมโจทย์ที่ว่า...เราจะทำยังไงให้เด็กรุ่นใหม่หันมาอ่านหนังสือวรรณกรรมเยาวชนอีก?รูปถ่ายโดย : ผู้เขียนพอมานึกถึงเราตอนเด็ก ๆ ก็พบว่า เราอ่านมาจนชิน แล้วเราใช้ชีวิตกับโลกของของวรรณกรรมเยาวชนและจินตนาการมาอย่างสมบุกสมบันเลยแฮร์รี่พอตเตอร์ไม่ใช่หนังสือวรรณกรรมเยาวชนชุดเดียวที่หลิวอ่าน มันเยอะกว่านั้นมากอิงค์ฮาร์ทพิภพนิรันดรอยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้ายไฮดี้และที่หลิวชอบและคลั่งไคล้มากที่สุด หนีไม่พ้นอบารัตและดิเอจโคนิเคิล หลิวชอบสองเรื่องนี้มากจริง ๆหลิวใช้ชีวิตกับการเป็นหนอนหนังสือตั้งแต่อ่านได้เลยมั้ง สิบขวบยันเรียนมหาลัย ที่ก็ยังเรียนสายวรรณกรรม แม้สุดท้ายหลิวจะเกลียดไวยากรณ์มากก็ตาม จนถึงทุกวันนี้หลิวก็ยังอ่านหนังสืออยู่ถึงแม้จะไม่ใช่วรรณกรรมเยาวชนแล้วก็ตามภาพถ่ายโดย : ผู้เขียนพอเข้าสู่ยุคทำงาน..หลิวก็ค่อย ๆ ลดความสนใจเรื่องวรรณกรรมเยาวชนลง หลิวอาจจะลืมแฮร์รี่ พอตเตอร์ ถ้าไม่ได้มาอยู่ในธุรกิจหนังสืออีกพูดตามตรง หลิวไม่ได้เลือกมาทำงานด้านนี้เพราะ Passion ค่ะ หลิวเลยวัยจะทำอะไรแบบนั้นแล้วแต่หลิวมาเพราะอยากรู้มากกว่าว่า สถานการณ์ของ "ธุรกิจหนังสือ" ในยุคนี้เป็นอย่างไร และถ้าหากคุณเป็นนักการตลาดจริง ๆ โจทย์ของคุณ จะไม่ใช่แค่การอยากรู้อะไรสักอย่าง แต่มีอยู่โจทย์เดียวจะทำอย่างไร ให้สินค้าขายได้?แล้วถ้ามันเป็นหนังสือล่ะ?โจทย์นี้ จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ไม่ง่ายอีกพอคุณมาทำเกี่ยวกับหนังสือ คุณจะพบว่า Content มันจะยิ่งมากกว่าคำว่า Content เพราะจริง ๆ แล้วคุณกำลังอยู่กับ Content ที่ดี แต่...ผู้คนส่วนใหญ่ไม่มีเวลามากพอจะหันมามองมัน แล้วเราจะแย่งเวลาอันมีค่าของพวกเขาได้อย่างไรล่ะ?สำหรับผู้ใหญ่ วรรณกรรมเยาวชน ไม่ใช่เครื่องมือที่ช่วยให้พวกเขามีรายได้มากขึ้น อยากมีรายได้มากขึ้น แทนที่จะมานั่งอ่าน แฮร์รี่ เอาเวลาไปทำโอที ยังเห็นผลชัดเจนซะกว่า หรือไม่ก็ไปอบรมอะไรสักอย่างที่เป็น Skills ที่จำเป็นในปัจจุบันแล้วสำหรับเด็กล่ะ พวกเขายังอ่านวรรณกรรมเยาวชนอยู่หรือไม่?ปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กยุคนี้คงมีไม่มากเท่ายุคนั้น ที่รู้จักแฮร์รี่ พอตเตอร์ เผลอ ๆ พวกเขารู้จัก Heart Rocker มากกว่า หรือไม่ก็พวกเขาน่าจะคุ้นชินกับคำว่า อลิซ ในเกม Rov มากกว่า Alice In Wonderland ซึ่งก็ไม่ผิดนะ ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่ปัญหาก็คือ....เกม สมาร์ทโฟน โซเชียลมีเดีย มันไม่ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่เลวร้าย แต่โลกจินตนาการของเด็กมันไม่ควรมีแค่นั้นภาพถ่ายโดย : ผู้เขียนอ่านหนังสือ กับ ดู Youtube หรือสตรีมมันจะต่างกันอย่างไรเหรอ?เราจึงต้องกลับมาที่จุดเริ่มต้นเลยว่า ทำไมเราถึงยังต้องอ่านหนังสือ ในขณะที่ทุกวันนี้ เราเลือกที่จะดูได้ถ้าเป็นหลิว หลิวตอบได้ว่า...เพราะเรื่องราวบางอย่างมันหาได้แค่ในหนังสือแล้วสำหรับเด็กล่ะ....คำตอบของพวกเขาอาจจะเป็น"ความสนุกและจินตนาการ บางครั้ง มันไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่หน้าจอสี่เหลี่ยมจากสมาร์ทโฟนหรือแทบเลตเสมอไป แต่มันมีหลายอย่างกว่านั้น"แล้วใครล่ะ จะทำให้เด็กหันมาเห็นความมหัศจรรย์ของหนังสือ....สุดท้าย...มันก็ทำให้หลิวพบคำถามว่า..บางทีหลิวอาจตั้งคำถามสำหรับโจทย์นี้ผิดไปคำถามเดิม หลิวตั้งว่าจะทำยังไงให้เด็กและเยาวชนหันมาอ่านวรรณกรรมเยาวชนแต่ความจริง คำถามที่หลิวควรตั้งมากกว่าก็คือ"เราจะบอกเด็กได้ยังไง ว่าการเติบโตมากับวรรณกรรมเยาวชน นั้นให้คุณค่าเราแค่ไหน?"เพราะหนังสือ ไม่ได้สร้างผลลัพธ์อย่างรวดเร็วทันตาเห็น แต่มันจะค่อยๆ บ่มเพาะความคิดและมุมมองของเรา ให้เป็นคนรักการเรียนรู้ ชอบคิดและวิเคราะห์ จนนำไปสู่การแก้ปัญหาและเติบโต ถามว่าสมบูรณ์แบบมั้ย? ตอบไม่ได้ เพราะใช่ว่าทุกคนที่อ่านหนังสือจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จภาพถ่ายโดย : ผู้เขียนแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า....ทุกคนที่ประสบความสำเร็จล้วนแต่เป็นนักอ่านก่อนทั้งนั้น ดังนั้นถ้าให้หลิวบอกคนอายุเท่าๆ กัน ใกล้เคียงกัน หลิวก็คงบอกได้ว่า การลงทุนเพื่อให้ลูกหลานของพวกเราเติบโตอย่างก้าวหน้า มันไม่ใช่แค่สถาบันการศึกษาดีดี ส่งไปเรียนพิเศษเยอะๆ การเข้าถึงนวัตกรรมทางการศึกษาก่อนใคร มันอาจไม่ใช่แค่นั้น แต่มันคือการปลูกฝังทักษะทางการเรียนรู้ การอ่านให้กับลูกหลานของเราตั้งแต่ยังเด็ก ในวัยที่พวกเขาเริ่มเปลี่ยนจากการฟังนิทาน ดูนิทาน มาอ่านหรือเลือกสื่อได้เองก่อนที่จะโตเป็นวัยรุ่น จุดนี้สำคัญมากนะคะ เพราะการอ่าน และการปลูกฝังให้เด็กคนหนึ่งรักการเรียนรู้ มันไม่ใช่เรื่องปุบปับ แต่มันต้องสร้างกันระยะยาว ถ้าพ่อแม่ ครูหรือผู้ปกครองมองข้ามความสำคัญของสิ่งเหล่านี้ไป ทักษะนี้ของเด็กคนนั้นก็จะหายไปเลย แล้วในอนาคตเขาจะต้องไปเจอโลกแห่งการแข่งขัน เจอคนที่พร้อมเรียนรู้ตลอดเวลา พวกเขาจะเหนื่อยอีกเป็นเท่าตัว จะเหมือนแข่งวิ่งกับคนที่ฝึกวิ่งมาราธอนมาตลอด ในขณะที่พวกเขาแทบไม่เคยได้วิ่งเลยคนที่รักการอ่าน อาจไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จทุกคน แต่คนที่ประสบความสำเร็จเกือบทั้งหมด ล้วนแต่เคยเป็นนักอ่านมาก่อนภาพถ่ายโดย : ผู้เขียนถ้าเราอยากให้เด็ก ๆ ในสังคมเราเติบโตมาเพื่อเป็นแบบนั้น มันคือหน้าที่ของเรานะ ที่จะยื่นหนังสือให้เด็กบ้างมากกว่าสมาร์ทโฟนเพียงอย่างเดียว