หลายคนคงเคยได้ยินการลดน้ำหนักแบบ " Water Fasting" กันมาบ้าง แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักการทำ Water Fasting วันนี้เรามาทำความรู้จักกันค่ะ^_^WATER FASTING คืออะไร? ฉบับสรุป!! "Water Fasting" เป็นการอดอาหารที่สามารถดื่มได้แค่น้ำเป็นเวลา 24-72 ชั่วโมง เพื่อช่วยขจัดสารพิษในร่างกาย ชะลอวัย ฟื้นฟูร่างกาย ลดโรคเรื้อรัง และลดน้ำหนักค่ะ โดยจะดื่มน้ำปริมาณที่มากกว่าที่เคยดื่มเป็นวันละ2-3ลิตร หรือมากกว่านั้นแล้วแต่ร่างกายของแต่ละคน ซึ่งน้ำที่ดื่มได้ส่วนใหญ่จะมีแคลอรี่เป็น 0 อาทิ น้ำเปล่า ชาเขียว กาแฟดำ(บีบน้ำมะนาวใส่เล็กน้อย) น้ำใส่น้ำมะนาว น้ำเกลือแร่ เป็นต้น ซึ่งความหย่อนยานของการดื่มสิ่งใดๆนั้นขึ้นอยู่กับความเคร่งครัดของแต่ละคนค่ะ แต่แนะนำว่าให้ดื่มน้ำที่มีเกลือแร่และวิตามินโดยหลีกเลี่ยงน้ำตาลร่วมด้วย เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดสารอาหารจนเกินไป #ส่วนใครที่สนใจอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถพิมพ์ค้นหาใน Google หรือ Youtube ได้เลยค่ะ ต้องบอกก่อนเลยนะคะว่าก่อนหน้านี้นักเขียนเคยออกกำลังกายเป็นประจำเกือบทุกวัน จนกระทั่งเข้า (มหาลัยได้ออกกำลังกายแค่ประมาณอาทิตย์ละครั้ง สองครั้งเท่านั้น เป็นแบบนี้อยู่ประมาณ 3 เดือน จนถึงช่วงปิดเทอม นักเขียนได้กลับมาอยู่บ้าน จึงเริ่มออกกำลังอีกครั้งค่ะ และอีกอย่างก่อนหน้านี้นักเขียนได้ทำ IF เป็นประจำ โดยเฉพาะตอนอยู่มหาลัย(อาจจะไม่ได้นับจำนวนชั่วโมงเป็นประจำแต่ก็สัมผัสได้ค่ะ ว่าช่วงเวลาที่รับประทานอาหารนี่น้อยจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า โดยเฉพาะช่วงสอบ กินเหมือนทำIF 4/20 (คงขยันอ่านหนังสือแหละ แหะๆ:>) เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากลองทำ "Water Fasting" แนะนำว่าให้เริ่มจากการทำ IF ก่อนเลยค่ะ ค่อยๆลดจำนวนชั่วโมงที่ทำ จนรู้สึกถึงความสามารถในการอดได้นานกว่าเดิมแล้วจึงลงมือท้าทายความสามารถต่อด้วยการทำ Water Fasting!มาเริ่มเลอ!! Before- น้ำหนัก 52 kg - สัดส่วนดังภาพDay 1ค่ะวันนี้เป็นวันแรกของการทำ "Water Fasting"นะคะ สิ่งที่นักเขียนดื่มวันนี้ก็คือน้ำเปล่าและน้ำเกลือแร่ดังรูปเลยค่ะ(น้ำเกลือแร่นี้ได้มาตอนพี่สาวป่วยเป็นของเยี่ยมไข้ แต่พี่สาวดื่มไม่ได้เลยให้เรามาค่ะ ก็เลยได้นำมาดื่มตอนนี้พอดี อิอิ :D)ถ้าใครจะดื่มตามขอบอกก่อนนะคะว่าน้ำเกลือแร่ขวดนี้ให้พลังงาน 50 kcal • สำหรับรสชาติของน้ำแร่กลิ่นนี้ นักเขียนคิดว่ามันค่อยข้างหวาน ไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ค่ะ ตอนดื่มต้องผสมน้ำเปล่าเพิ่มเพื่อลดความหวานค่ะความรู้สึก : ชิลล์มากค่ะ ถึงจะมีเสียงท้องร้องบ่อย ฮ่าฮ่าฮ่า แต่ไม่ได้รู้สึกหิวแบบหิวหนักมากค่ะ ต่างจากที่เคยทำครั้งแรก(เอ่อ ก่อนหน้านี้นักเขียนเคยทำ Water Fasting มาครั้งนึงแล้วนะคะ แต่ตอนนั้นไม่ได้ทำการชั่งน้ำหนัก จึงลองทำใหม่ดูอีกครั้งค่ะ) ตอนทำครั้งแรกจำได้เลยว่าวันแรกเนี่ยหิวมากกก หิวตะโกน ผ่านมาได้ด้วยความอดทนล้วนๆ:]อาการทั่วไป : การขับถ่ายเป็นปกติ(ผลจากอาหารที่กินไปเมื่อวาน) ตอนเย็นรู้สึกว่าหัวใจมีการเต้นแรงขึ้นDay 2 ขอเล่าถึงเมื่อคืนก่อนนะคะ เมื่อคืนนอนหลับได้ปกติ(นอนดึกค่ะประมาณเที่ยงคืน ตื่นมาตอน 7.30 น. หนึ่งรอบ และกลับไปนอนต่อตื่นอีกทีเกือบเที่ยงเลยล่ะค่ะ แหะๆ)ตอนตื่นขึ้นมารอบสองก็รู้สึกอ่อนเพลียหน่อยๆ(ไม่รู้อ่อนเพลีย นัวเนีย หรือขี้เกียจ น่าจะรวมๆกันอยู่อย่างละนิดละมั้งคะ ฮ่าฮ่าฮ่า)แต่ครั้งนี้ก็ต่างจากครั้งแรก รอบที่แล้ววันที่สองตื่นมารู้สึกเหน็บชาปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า อาจจะเป็นเพราะได้รับวิตามินและเกลือแร่ไม่เพียงพอค่ะ สิ่งที่นักเขียนดื่มในวันนี้นะคะ คือน้ำเปล่า น้ำเกลือแร่กลิ่นส้ม(สีนี้อร่อยกว่าสีที่แล้วเยอะเลยแหละ :') ) และกาแฟดำบีบน้ำมะนาวใส่เล็กน้อยค่ะความรู้สึก : อันนี้ขอเล่าถึงความรู้สึกระหว่างวันนะคะ วันนี้ท้องร้องน้อยกว่าเมื่อวานค่ะ ความหิวเริ่มมาในช่วงบ่ายๆ(อาจเกิดจากวันนี้ดันเลื่อนผ่านคลิปอาหารเกือบทั้งวันแล้วมั้งค่ะ เลยเกิดความอยากขึ้นทวีคูณ ความหิวเลยเพิ่มขึ้นตาม T_T ฉะนั้นใครที่คิดจะทำ Water Fasting ต้องหลีกเลี่ยงคลิปอาหารนะคะ) ช่วงค่ำก็เลยจัดกาแฟดำใส่น้ำมะนาวไปเลยหนึ่งแก้ว ทำให้รู้สึกอิ่มขึ้น ช่วยได้เยอะเลยค่ะ อาการทั่วไป : การขับถ่ายมีเป็นบางช่วงแบบออกมาแค่เล็กน้อย(นักเขียนคิดว่าด้วยอิทธิพลของน้ำเกลือแร่ เลยทำให้สิ่งที่ยังเหลือตกค้างที่ยังออกไม่หมดเมื่อวานออกมาได้ในวันนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า) ส่วนหัวใจก็รู้สึกว่าเต้นเร็วสั่นๆเป็นบางที บอกได้ไม่แน่ชัดเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้เต้นแบบปกติตลอดทั้งวันแน่นอน!Day 3ความรู้สึก : วันนี้นักเขียนตื่นประมาณ8โมงเช้าค่ะ ถือว่าตื่นไม่สายเหมือนเมื่อวาน แต่ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเหนื่อยล้าจึงต้องไปดื่มน้ำก่อน1แก้ว หลังจากนั้นอีกสักพักรู้สึกชาๆค่ะ เลยดื่มน้ำเกลือแร่กลิ่นส้มเข้าไป เห็นได้ชัดเลยว่าน้ำเกลือแร่นั้นช่วยได้เยอะเลยจริงๆ แต่รวมๆวันนี้รู้สึกอ่อนเพลียกว่าเมื่อวานมากค่ะ เพราะเมื่อนักเขียนฟุบตัวลงนอนแล้วลุกขึ้นยืนตาจะมัวๆมองเห็นอะไรไม่ชัดโดยทันที ต้องยืนนิ่งๆสักพักค่ะจึงจะมองเห็นชัดขึ้น การเคลื่อนที่ก็รู้สึกว่าช้าลง ส่วนเรื่องของปากท้องก็ยังคงร้องเป็นบางช่วงค่ะ อาการทั่วไป : การขับถ่ายออกมาน้อยๆ(น่าจะเป็นของเสียที่ยังตกค้างแล้วได้น้ำเกลือแร่มันช่วยดันให้มันออก)เหมือนเมื่อวานอีกแล้วค่ะ แต่วันนี้ดีที่ขับถ่ายตรงเวลาเดิมมากขึ้น ส่วนเรื่องหัวใจไม่ค่อยรู้สึก แต่เหมือนจะมีเป็นอาการแน่นอกเล็กน้อยตอนตื่นนอนค่ะและสิ่งที่นักเขียนดื่มในวันนี้ก็เหมารวมน้ำทั้งหมดกันไปเลยสิคะ ถึงเวลาออก Fast แล้ว Yay! ก่อนออกจากโปรแกรม Water Fasting นักเขียนดื่มน้ำเกลือแร่กลิ่นส้มแล้วขับรถออกไปชั่งน้ำหนักที่ร้านสะดวกซื้อ(ก็ที่บ้านมันไม่มีเครื่องชั่งน้ำหนักอะ*~*) ผลปรากฎว่า... After- น้ำหนัก 50.9 kg- สัดส่วนตามรูปดังต่อไปนี้ใช่ค่าา น้ำหนักลดไป 1.1 kg(กินแค่น้ำมาตั้ง3วัน ไม่ลดก็แปลกละ แหะๆxox) มาวัดสัดส่วนกันบ้างดีกว่า สัดส่วนที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดก็คือช่วงหน้าท้อง สังเกตได้ว่าหน้าท้องช่วงล่างลดลงแบบเห็นได้ชัดจริงๆ แต่ว่านักเขียนไม่ได้วัดหน้าท้องช่วงล่างไว้น่ะสิคะ วัดเฉพาะช่วงเอวเอสซึ่งก็ลดลงตั้ง 0.5 นิ้วแหนะ ต้นแขนก็ดูเหมือนจะเท่าเดิมเลยใช่ไหมคะ เพราะลดลงแค่ 0.2 นิ้ว(แทบจะไม่เห็นความต่าง ฮ่าฮ่าฮ่า) ส่วนต้นขาลดลงตั้ง 1 นิ้ว (ก็ไม่เห็นความต่างเหมือนกัน-_- แต่ขาใหญ่แหละดูออก ) แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าการทำ "Water Fasting" ลดน้ำหนักได้จริงๆค่ะ แต่ถ้าจะทำให้ปลอดภัยจริงๆก็ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะคะ(ถ้าใครอยากลองทำเองที่บ้าน อย่าลืมบริโภคเกลือแร่และวิตามินให้เพียงพอด้วยเด้อ) สรุปนะคะ เราทำ"Water Fasting"ไปทั้งหมด 69 ชั่วโมง สิ่งที่ได้ก็คือ ความหิว! หยอกๆ สิ่งที่ได้ก็คือ น้ำหนักและสัดส่วนลดลง รู้สึกว่าร่างกายสดชื่น และเบาลง(ประมาณว่ารู้สึกดีกับร่างกาย เหมือนร่างกายจะฟื้นฟูตัวเอง^_^) ผิวหน้าไม่ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่ได้แย่ลง ส่วนของผิวบริเวณอื่นก็ไม่ได้แห้ง กลับนุ่มเต่งตึง(เพราะทาโลชั่นแหละ อะหยอกๆ เพราะดื่มน้ำเยอะนั่นแหละค่า) รวมๆก็ถือว่าดีเลยแหละ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแลกมาด้วยความทรหดอดทน(ก็เลยรู้สึกภูมิใจเป็นพิเศษด้วย ถึงแม้จะทำไม่ได้ถึง 72 ชั่วโมงก็ตาม แนะนำว่าทำเท่าที่ไหวก่อนเด้อ อย่าฝืนจนเกิดอันตราย หยุดแล้วค่อยกลับมาเริ่มใหม่อาจไปถึงเส้นชัยได้เร็วกว่า) #บทเสริม หลังจากจบการทำ "Water Fating" ควรเริ่มจากการรับประทานอาหารที่เบาๆ ย่อยและดูดซึมง่ายก่อนนะคะ เพราะถ้าเราเริ่มรับประทานของหนักๆอย่างเช่น ข้าวขาหมู อาจทำให้ท้องอืด อาหารไม่ย่อยได้ค่ะ และนี่เป็นตัวอย่างอาหารที่นักเขียนเริ่มรับประทานหลังจากจบ "Water Fasting"ค่ะ(นักเขียนเน้นอาหารเร่งน้ำย่อยเลยค่ะ เพราะมีของอร่อยรออยู่ อิอิ ^=^)ตบท้ายด้วยข้าวขาหมู น้ำย่อยเราพร้อมหรือยังนะ พร้อมแล้วแหละ! เคยอ่านมาค่ะว่าไม่ควรรับประทานของหนักในวันแรก เพราะจะทำให้ท้องอืด อาหารไม่ย่อยได้ แต่นักเขียนยังไม่เชื่อ100% จึงลองพิสูจน์เพื่อบอกต่อทุกๆคนค่ะ(อยากกินก็บอก ไม่ต้องมาอ้าง! แหะๆ) ผลสรุปว่าไม่ถึงขั้นท้องอืดนะคะ แต่อิ่มเร็วขึ้นกินได้นิดเดียวก็อิ่มแน่นแล้ว อาจเกิดจากกระเพาะของเราหดตัวลง แต่ก็ใช่ว่ากระเพาะ ลำไส้ของทุกคนจะเหมือนกันนะคะ ถ้าให้ปลอดภัยไว้ก่อน อย่าเพิ่งทานดีกว่าค่าา#ปล.ถ้ามีโอกาสจะมาอัพเดตร่างกาย อาหารการกินหลังจากนี้ให้นะคะเครดิตรูปภาพทั้งหมด : รูปภาพทั้งหมดโดยผู้เขียนภาพหน้าปก จาก ผู้เขียน โดย Canva เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !