Series Full ReviewYou Are My Spring : เธอคือรักที่ผลิบาน (2021)ความแจ่มใสที่เริ่มจากความมืดหม่น กับปัจจุบันที่สะท้อนอดีต งดงามตามเนื้อผ้า แต่ว่ายังมีบางอย่างที่ดูเป็นส่วนเกินบางทีก็คำถามว่าละครเกาหลีมีดียังไงดูไปบ่นไปจึงดูได้เรื่อยๆจบเรื่องหนึ่งก็หาดูอีกเรื่องหนึ่ง กระทั่งปัจจุบันผู้เขียนก็ยังดูหนังดูซีร์ส์ต่างประเทศอยู่ตลอดแต่สิ่งที่ไม่เคยเว้นวรรคเลยไม่ว่าช่วงนั้นจะดูหนังเยอะหรือดูซีรีส์เยอะนั่นคือการดูซีรีส์เกาหลี ซึ่งเอาเป็นว่านอกเหนือจากด้านบทละครคุณภาพการสร้างหรือมาตรฐานการแสดงแล้วสิ่งที่ทำให้งานซีรีส์เกาหลียังคงออกมาอย่างน่าดูอยู่เรื่อยๆคือความหลากหลายในแนวทางเนื้อหา ซึ่งแม้ว่ามองดูดีๆซีรีส์เกาหลีก็ยังคงมีพล็อตเรื่องที่ซ้ำอยู่ก็มากน้ำเน่าอยู่ก็เยอะบางครั้งก็ไม่ได้เล่าอะไรที่แปลกใหม่ แต่เมื่องานออกมากลายเป็นว่าสามารถสร้างออกมาให้ของเก่าดูเป็นของใหม่นั่นคือการเขียนบทของทางเกาหลีสามารถทำให้เรื่องที่ซ้ำให้ออกมาเป็นความสดใหม่ได้อย่างน่าประหลาด แต่ถามว่าซีรีส์เกาหลีมีที่แย่บ้างหรือไม่ก็คงมีเพราะการดูซีรีส์ขนาดยาวนั้นหากผ่านไปได้หนึ่งในสี่แล้วไม่มีอะไรให้ดึงดูดใจก็ไม่ไปต่อเช่นกันนั่นหมายความว่าเรื่องใดที่ผู้เขียนดูจบครบทุกตอนซึ่งก็ใช่ว่าจำนวนตอนน้อยๆก็คืองานนั้นๆต้องมีดี อาจมีบ้างที่ไม่ได้ถึงขนาดยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบแต่บางทีก็มีดีที่ประเด็นมีความนัยให้เก็บเกี่ยวจนบางครั้งงานซีรีส์ที่ดูอาจไม่เหมือนกับคนอื่นดูมีบ้างที่ดูตามกระแสและก็มีไม่น้อยที่ดูตามความอยาก ทำให้คนที่เรื่องมากอย่างผู้เขียนสามารถหาอะไรมาดูได้เรื่อยๆหนักเบาสลับสับเปลี่ยนกันไป เช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่พิสูจน์ได้อีกครั้งว่าเกาหลีสามารถหยิบจับเอาเรื่องที่คุ้นเคยมาเล่าให้มีความต่างและยังสามารถสะท้อนมิติในเรื่องที่จะเล่าที่ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สามารถเล่าได้อย่างลงตัวดีทั้งที่เริ่มต้นที่ความหม่นมืดแต่ค่อยพัฒนาไปหาความสว่างสดใสผ่านการเล่าเรื่องความรักที่สามารถเยียวยาได้ทุกสิ่ง กระนั้นบางอย่างที่ใส่มาก็ยังเหมือนเป็นส่วนเกินทำให้เรื่องเหมือนแยกออกจากกันและยังไม่เรียบร้อยเท่าที่ควร You Are My Springเรื่องย่อเรื่องเริ่มจากอดีตที่มืดมนของเด็กหญิงคนหนึ่งที่ผูกติดกับนิทานก่อนนอนที่เธอมักจะไปรับมาจากโบสถ์ที่ครอบครัวมีปัญหามีพ่อขี้เมาและทำร้ายแม่ของเธอเสมอมา ทำให้จินตนาการและความฝันเป็นเรื่องง่ายๆนั่นคืออยากเป็นลูกสาวของคุณลุงข้างบ้านที่อบอุ่นและแสนดีและที่โบสถ์ก็ไม่ต่างจากที่พักใจของเด็กน้อยในวันนั้นและที่นั่นเธอก็ได้เจอกับเด็กชายปริศนา จนกระทั่งแม่ของเธอหมดความอดทนจึงหอบเอาเธอกับน้องชายหนีมาจนในปัจจุบันคังดาจอง (ซอฮยอนจิน) เด็กหญิงคนนั้นในวันนั้นที่วันนี้กลายเป็นหญิงสาวที่ดูเป็นปกติมีหน้าที่การงานที่ดีแต่เรื่องก็บอกว่าเธอล้มเหลวในความสัมพันธ์ที่คบหากับผู้ชายที่ไม่ต่างจากพวกขยะ ซึ่งคังดาจองอาศัยอยู่บนชั้นสามของตึกที่ชั้นสองมีคลีนิคจิตเวชของจูยองโด (คิมดงอุค) จิตแพทย์หนุ่มผู้เก่งในการอ่านคนและคังดาจองก็ได้พบกับจูยองโดผ่านเพื่อนของเธอที่เป็นเพื่อนของเขาแต่การพบกันของเธอและเขากลายเป็นหายนะในจุดเริ่มต้นจนทำให้คนสองคนคล้ายกับมองโลกคนละทาง ในขณะเดียวกันคังดาจองก็มีหนุ่มหล่อที่ดูเพียบพร้อมมาตามจีบคือชเวจองมิน (พัคยุน) ทำให้คังดาจองก็ไม่ต่างจากการอยู่ตรงกลางของผู้ชายสองคนที่แสดงออกทางความรู้สึกต่อเธอต่างกัน จนวันหนึ่งความจริงอีกด้านก็ปรากฎเมื่อชเวจองมินกลายเป็นเด็กชายปริศนาคนนั้นเมื่ออดีตและมีท่าทีคุกคามจูยองโดที่เหมือนจะอ่านอะไรบางอย่างออกด้วยความเป็นจิตแพทย์ แต่เมื่อความจริงที่ว่าชเวจองมินกลายเป็นฆาตกรที่หลบหนีการจับกุมของตำรวจปรากฎชเวจองมินก็ฆ่าตัวตายอย่างเป็นปริศนา เมื่อคังดาจองรู้ความจริงอดีตก็ตามมาหลอกหลอนเธอในวันนี้อีกครั้งจูยองโดจึงพยายามเข้ามาใกล้ชิดเพื่อช่วยเหลือเธอในวันที่สภาพจิตใจตกหลุมลึก ฉลาดในการช่างสรรหาแต่เหมือนว่าคิดมากเลยทำให้มีอะไรหลุดออกไปสองสามอย่างหากจะว่ากันตามจริงเรื่องนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องเดิมที่คุ้นชินในละครเกาหลี เรื่องของคนที่หลีกหนีอดีตที่เป็นแผลเพื่อเร้นกายใช้ชีวิตโดยที่พยายามกลบฝังแต่อดีตก็คืออดีตที่ไม่ว่าจะพยายามหนีมันก็จะตามมาจนเจอกับการเริ่มต้นจากความเจ็บปวดก่อนที่จะลงเอยด้วยความสวยงาม แต่ในความเก่าและซ้ำของทางที่ไปยังมีความต่างที่ทำให้ในความเก่าดูเป็นความใหม่ซึ่งกลายเป็นความฉลาดเล่นประเด็น นั่นคือการเสนอแง่มุมการเยียวยาจิตใจกันแบบตรงๆไม่ใช่แฝงไว้ข้างหลังเพราะบทเลือกเล่าถึงภาวะจิตใจที่ตกหลุมลึกของตัวละครหนึ่งแล้วต้องมาเจอกับตัวละครอีกคนหนึ่งที่เป็นจิตแพทย์ผู้เจนจัดในการอธิบายปัญหาทางใจให้ออกมาในแง่มุมที่เข้าใจง่ายทั้งนางเอกและคนดูและเป็นเชิงบวก โดยมีตัวแปรคือตัวละครอีกคนที่เป็นคนที่หน้าเหมือนกับเป็นเข็มที่คอยทิ่มแทงใจทำให้เกิดปัญหาให้พระเอกต้องคอยมาให้คำปรึกษาเพื่อเผยทางสว่างให้กับหัวใจนางเอกทำให้ความสัมพันธ์มีพัฒนาการมีจุดเปลี่ยนเพราะมองเห็นจุดเริ่มต้นที่ติดลบแล้วมาถึงการยื่นมือเข้ามารักษาแผลใจ ก่อนที่ความผูกพันใกล้ชิดกันจะทำให้กลายเป็นความชอบ จนถึงรักซึ่งจุดนี้คือส่วนที่ดีที่สุด และเป็นพลังหลักให้เรื่องที่เล่าแบบค่อยๆเดินไปชี้ชวนชมนกชมไม้ข้างทางแบบนี้ดูมีความน่าติดตามเพราะเอาแบบไม่เกรงใจเรื่องยังมีจุดใหญ่ที่สะกิดมโนสำนึกในใจว่าจะใส่มาทำไม เช่นเรื่องของตัวละครอดีตภรรยาที่เริ่มต้นด้วยความคลางแคลงจนกลายเป็นน่ารำคาญยิ่งการอธิบายออกมาแบบนั้นกลายเป็นทำลายน้ำหนักความเป็นมนุษย์ลงแทบสิ้นเพราะชีวิตมนุษย์จริงๆมีวิธีการอีกมากมายที่ช่วยได้โดยที่ไม่ต้องแต่งงานกันหลอกๆ กับอีกเรื่องที่กลายเป็นโดดออกไปก็คือประเด็นการฆาตกรรมที่ความจริงถ้าจะเล่นน้อยไม่ต้องพยายามซับซ้อนก็อาจมีส่วนร่วมกับเรื่อง แต่พอเล่าซับซ้อนเลยกลายเป็นมันโดดออกมาจากตัวเรื่องก็เดาว่าเพื่อความเร้าใจชวนติดตามและเมื่อเป็นปัจจัยที่ไปกระทบต่อนางเอกแต่พอเลยเถิดก็เลยกลายเป็นส่วนเกินแถมยังทิ้งอะไรหลายอย่างไปแบบไม่แยแส ยังไม่รวมถึงเรื่องของแมวดำที่ปูมาอย่างน่าสนใจแต่พอไปเรื่อยๆก็หายไป ซึ่งมองเห็นได้ว่าคือความฉลาดเล่นประเด็นที่เล่าเพราะเล่าเรื่องอดีตที่สร้างแผลที่มองไม่เห็นเพื่อเยียวยาด้วยปัจจุบัน และชี้ให้เห็นถึงชีวิตของคนสามคนที่ต่างคนต่างมีอดีตที่เจ็บปวด แต่ระยะทางของการใช้ชีวิตหรือคนที่คอยประคองและสภาพแวดล้อมที่เติบโตมาคือตัวกำหนดทัศนคติที่ทำให้คนสามคนต่างกันไปแต่เมื่อคิดมากเลยทำให้เชื่อมกันไม่สนิททำให้มีราคาที่ต้องจ่ายในสามตอนแรกที่ดูสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก ทำให้กลายเป็นท้าทายความอดทนของคนดูจนเมื่อพ้นช่วงนี้ไปก็เริ่มไหลลื่น กระนั้นยังมีที่กลายเป็นตัวเสริมชั้นยอดให้เรื่องของการเยียวยาและเรื่องความสัมพันธ์ทำให้เรื่องที่มีความละมุนดูแล้วดีต่อใจในสุดท้ายพร้อมการเยียวยาหัวใจเรื่องนี้คืองานที่ดีแต่ยังไม่ใช่ที่สุดพลังและเสน่ห์ของนักแสดงช่วยได้เต็มที่ทำให้เรื่องที่ดูราบเรียบดูน่าติดตามขึ้นด้วยจุดประสงค์ของเรื่องนี้คือการเยียวยาแผลใจที่เป็นแผลที่มองไม่เห็นจึงเปิดตัวอย่างแรงและหม่นในตอนแรกที่เล่าเรื่องอดีต แต่เมื่อมาถึงช่วงที่เล่าในปัจจุบันที่ต้องจัดการกับอดีตที่มีผลกระทบกลายเป็นการเล่าเรื่องเรียบเรื่อยชมความงดงามตามสองข้างทางที่มีเพียงสายลมเอื่อยฉิวมาเคล้าคลอ ไม่มีเรื่องหนักหน่วงแรกกระทบแรงๆมาชนเลยหรือถ้าจะมีบ้างก็เป็นเรื่องที่เล่าในอีกทางที่ดูไม่ค่อยเข้ากันของตัวเรื่องอย่างที่ว่ามา และในส่วนตัวเรื่องหลักที่ดูละมุนหัวใจจนลอยฟ่องฟูปฏิเสธไม่ได้ว่าเสน่ห์ของนักแสดงที่มารับบทพระนางคือการทำหน้าที่ได้อย่างได้ใจผู้ชม เพราะอย่างคิมดงอุคที่ได้ใจคนดูเต็มที่กับบทชายแสนดีที่มีรอยด่างเล็กน้อยเรื่องชีวิตแต่งงาน (ที่ไม่รู้ว่าจะใส่มาทำไม) เขาคือคนที่จัดการกับปมชีวิตที่ดูเหมือนดีที่สุดเพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญแต่ส่วนลึกแล้วยังมีความรู้สึกผิดให้สัมผัสได้ในการแสดง และเช่นกันเขาก็ต้องการคนที่เข้าใจและปลอบโยน คิมดงอุคให้การแสดงที่แม้กระทั่งผู้ชายยังรู้สึกว่ามีเสน่ห์แต่คนที่ต้องกล่าวถึงเป็นพิเศษคือซอฮยอนจินที่บังเอิญที่ผู้เขียนพึ่งดูงานแสดงของเธอจบลงไปก่อนหน้าเรื่องนี้คือ Black Dog (เรื่องที่แล้วหมาดำ เรื่องนี้ก็แมวดำ) ที่เอาตามตรงก็คือการเดินเรื่องแทบจะไม่ต่างกันนั่นคือเล่าไปเรื่อยๆไม่เร่งเร้ารุนแรง แต่ความต่างคือมิติตัวละครที่แม้จะมีปมในใจเหมือนกันแต่บุคลิกที่แสดงออกของตัวละครต่างกันคนละขั้ว เรื่องนั้นคือแสดงแบบมีเสน่ห์ในความไม่มีเสน่ห์คือการปิดเสน่ห์ส่วนตัวแล้วให้ออกมาแค่เสน่ห์ของตัวละครเพราะบทนั้นเป็นครูที่ต้องดูเรียบร้อยไม่แสดงออกมาด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวให้ดูเกินกว่าบุคลิกทางอาชีพ แต่เรื่องนี้คือการปล่อยเสน่ห์ส่วนตัวออกมาเป็นเสน่ห์ของตัวละครทำให้ตัวละครที่เป็นคนที่พยายามกลบฝังอดีตแต่แผลยังไม่หาย แต่ก็พยายามมองโลกในแง่ดีใช้ชีวิตอยู่ในกรอบที่ตัวเองอยากเป็นเข้าใจชีวิตในบางเรื่องและอ่อนหัดในบางเรื่องแต่พอเสน่ห์ส่วนตัวออกมาด้วยเลยทำให้ตัวละครออกมาน่ามองและด้วยความที่เธอเองรับบทตัวละครที่เป็นเหมือนคนที่ต้องได้รับคำปรึกษา ปัญหาที่อยู่ในใจที่ต้องการคำอธิบายผ่านคำพูดง่ายๆแค่เป็นน้ำชโลมใจทำให้ดูเข้ากันดีกับคิมดงอุค การรับส่งกันดูสดใสน่ามองทำให้ในความไม่เร่งฝีเท้าของเรื่องนี้มีส่วนนี้เป็นส่วนที่ดีที่สุดที่ช่วยประคองหัวใจคนดูไปได้โดยสวัสดิภาพ เพราะเอาตามจริงคือในส่วนของพัคยูนที่เป็นตัวละครที่จงใจมาน่าสงสัยลึกลับและเป็นกุญแจแต่บทละครเล่าเรื่องของเขาแบบคิดเยอะไปทำให้เรื่องของเขาเมื่อตอนที่เป็นเอียน เชสดูหลุดออกไปต่างจากเมื่อจุดเริ่มต้นที่เป็นเรื่องของชเวจองมินที่ดูดีมีพลังกว่า ส่วนตัวละครอื่นก็มีที่ดีและน่ารำคาญต่างกันไปทำให้เรื่องนี้กลายเป็นพระเอกกับนางเอกพาเรื่องไปสุดทางได้ด้วยเสน่ห์และเลิฟไลน์ที่ผสมกับอารมณ์ต้องการใครสักคนที่เข้าใจและเป็นที่พักพิงโดยแท้หากว่านี่คือเรื่องของความรักที่ต่างคนต่างก็เป็นฤดูใบไม้ผลิให้แก่กันและกันของคนสองคน แต่เล่าผ่านคนสามคนที่เรื่องเริ่มต้นจากความหม่นมืดจึงไม่ต่างจากเปรียบชีวิตคนสามคนที่ฤดูกาล เมื่อฤดูหนาวที่โหดร้ายต้นไม้ใบหญ้าไม่อาจงอกงามได้ความหนาวเหน็บเกาะกินกัดกร่อนชีวิตและจิตใจ หัวใจของมนุษย์ต้องแกร่งเพียงไหนที่จะทานทนต่อฤดูหนาวในชีวิตที่หฤโหดได้เพื่อเดินผ่านมันไปจนพบความอบอุ่นสดใสสว่างของฤดูใบไม้ผลิ เส้นทางเดินของชีวิตหรือสภาพแวดล้อมในชีวิตที่ต้องเจอจึงเป็นปัจจัยสำคัญดังที่บทละครพยายามบอกว่าคนสามคนสามความต่างสามบาดแผลที่เจ็บหนักบาดลึกเหมือนกันแต่ปัจจุบันที่เป็นอยู่ของคนสามคนได้ถูกสะท้อนออกมาให้เห็นว่า การมีคนที่เป็นเข็มทิศชีวิตให้เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตให้การมีคนช่วยประคับประคองชีวิตผ่านทัศนคติที่มองปัญหาเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาทางออกมิใช่จ่อมจมกดตัวเองลงไปให้ต่ำกว่าปัญหานั้นและนำพามาซึ่งทัศนคติที่ต่างกันเมื่อเจอคนดี คนที่ทัศนคติดีก็มองเห็นความความดีนั้นแต่ทัศนคติที่ต่างไปที่กดตัวเองให้ต่ำลงเมื่อเจอคนดีก็จะมองความดีนั้นต่างออกไปและมองในแง่ร้าย ซึ่งเปรียบได้ระหว่างคังดาจองกับเอียน เชสที่ต่างก็เจอกับจูยองโดแต่เก็บเกี่ยวเอาพลังงานความดีได้ต่างกัน นั่นหมายความว่าการใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ต่างกันส่งผลให้กับทัศนคติที่จะมองคนต่างกัน กับเรื่องราวที่เล่าได้คมคายอธิบายปัญหาชีวิตที่เป็นเรื่องพื้นฐานให้ออกมาเข้าใจง่ายคนดูจึงรู้สึกไม่ต่างจากนั่งรับฟังคำปรึกษาปัญหาชีวิต เพราะเรื่องที่เล่ามาที่เห็นเป็นความหลากหลายก็มีทางออกที่เป็นสองทางเสมอแต่บทก็มอบทางออกมาดูสวยงามให้เห็น ซึ่งในแง่ของเนื้อหาความคมคายและความหมายผู้เขียนประทับใจแน่นอนแต่กับงานด้านบทที่ยังไม่เรียบร้อยมีอะไรที่เป็นแผลที่ไม่ใช่แผลภายในแต่มองเห็นกันจะๆจึงทำให้เรื่องนี้อาจไม่ใช่ความบันเทิงสำหรับทุกคนดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก,ภาพที่ 2,3 / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 4,5,6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก program.tving.com หมายเหตุ ผู้เขียน "ดูไปบ่นไป" คือบุคคลเดียวกับ Facebook Fanpage ดูไปบ่นไป อ่านบทความซีรีส์ที่มีเนื้อหาคล้ายกันโดย "ดูไปบ่นไป" ได้ที่นี่รีวิวจัดเต็ม Hometown Cha Cha Cha (2021) เรียบง่าย งดงาม อบอุ่น มองเห็นด้วยตา สัมผัสได้ด้วยใจรีวิวจัดเต็ม It's Okay To Not Be Okay : เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน (2020) "เพราะร่างกายซื่อตรง แต่หัวใจขี้โกหก"รีวิวจัดเต็ม Black Dog: Being A Teacher (2019) "ถ้ามองด้วยใจเกลียดชัง หญ้าทุกใบก็คือวัชพืช แต่หากมองด้วยความเมตตา คนทุกคนก็คือดอกไม้"ความเห็นหลังชม A Piece of Your Mind เสี้ยวหัวใจยังไงก็เป็นเธอ (2020) "ประดิดประดอยความรู้สึกที่ซึมลึกสัมผัสได้ กับชิ้นส่วนของหัวใจและเวลาเพียงเสี้ยววินาที"รีวิวจัดเต็ม The Wind Blows : เมื่อลมพัดผ่าน (2019) "เมื่อความรักไม่สัมพันธ์กับความทรงจำ"รีวิวจัดเต็ม Chocolate : ช็อกโกแลตสื่อสายใย (2019) "การจากลา จุดจบหรือจุดเริ่มต้น ในงานน้ำเน่าปนน้ำดีที่ทรงคุณค่า"รีวิวจัดเต็ม Do Do Sol Sol La La Sol โน้ตรักทำนองหวาน (2020) หัวใจที่ถูกเยียวยาด้วยความจริงใจและพลังบวก "ดี...แต่แค่เกือบสุด"คอมมูนิตี้โลกคนรักหนัง ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน