หากว่าเพื่อนๆ กำลังสนใจอยากจะยกระดับคุณภาพเสียงเวลาฟังเพลง ดูหนัง หรือแม้กระทั่งเล่นเกม บทความนี้อาจจะหนทางหนึ่งในการยกระดับคุณภาพเสียงให้ดีขึ้น ในระดับคุณภาพโรงภาพยนตร์ หากเพื่อนๆ สนใจแล้ว เราไปเริ่มกันเลย!ใครว่าสุนทรียภาพในการฟังเสียงไม่สำคัญ ก่อนเริ่ม ผมขอเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการฟังเสียงคร่าวๆ ให้เพื่อนๆ ฟังก่อนนะครับ เผื่อที่จะได้พอนึกภาพออกกันครับ ผมนิยมใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเป็นหลักและบางทีก็ใช้โน้ตบุคเวลาออกไปนอกสถานที่ แน่นอนว่าการที่เราจะฟังเพลง ดูหนัง หรือแม้แต่เล่นเกม เราก็มักใช้จะเอาหูฟังหรือลำโพงไปต่อเข้ากับช่อง 3.5 บน Motherboard หรือช่องที่อยู่ด้านข้างของ notebook แต่เพื่อนๆ ลองสังเกตเห็นมั้ยคว่า เสียงที่เราได้รับฟังจากหูฟังของเรามันไม่ค่อยจะไพเราะหรือไม่กระหึ่มสักเท่าไหร่ หรือแม้แต่เวลาเราเล่นเกม CS:GO หรือ FPS ทั้งหลาย เราคาดเดาค่อนข้างยากว่าศัตรูอยู่ในตำแหน่งไหน จนกระทั่งผมได้พบว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการฟังเสียงต่างๆ ที่ออกมาจากคอมพิวเตอร์ของเราก็คือ sound card ครับเดิมเรามักจะมักจะคุ้นเคยกับ sound card แบบที่ติดตั้งมาในเครื่องใช่มั้ยล่ะครับ (เรียกว่า Internal sound card) แต่ sound card แบบนี้จะเป็นที่จะต้องติดตั้งลงไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะของเราเท่านั้น และที่สำคัญคือไม่สามารถติดตั้งเข้าไปใน notebook หรือเครื่องเกม PS4 หรือ Nintendo Switch ก็ตาม จนมาในสักช่วง 10 ปีหลังๆ มานี้ ความนิยมใช้ซาวด์การ์ดที่จากภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์ บางคนเรียกว่า External Sound Card เริ่มนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นที่มาของการรีววในวันนี้ครับ ผมเลยจะขอแนะนำซาว์ดการ์ด Creative Sound Blaster X3 ที่ออกมาล่าสุดในปี 2020 นี้หมายเหตุ: การรีวิวในที่นี้ ผมซื้อมาใช้เองส่วนตัว และอยากจะแชร์ประสบการณ์ที่ตรงไปตรงมาให้ลองพิจารณาดูนะครับ และที่สำคัญไม่ได้สปอนเซอร์จากหน่วยงานใดๆ ครับ ผมจะพามาดูรีวิวรอบๆ ตัวเครื่องกันก่อนนะครับ เริ่มจากด้านบน จะเห็นว่ามี joy สำหรับเพิ่มลดเสียงที่สามารถใช้งานได้ง่าย และมีอีก 3 ปุ่ม ได้แก่Audio Bal (เอาไวัสลับระหว่างไมค์กับเสียงที่มาจากคอมพิวเตอร์)Mode (โหมดต่างๆ เช่น ฟังเล่น ดูหนัง เล่นเกม สามารถกดสลับไปมาได้)SXFI (ใช้ฟังเสียงในการเล่นเกมเป็นหลัก โดยเฉพาะ เสียงฝีเท้าของศัตรู)ช่องต่อด้านหน้า จะมี 2 ช่อง แบบ 3.5 mm คือช่องต่อไมค์ (ซ้าย)ช่องต่อหูฟัง (ขวา)แต่สำหรับใครที่ต้องการบันทึกเสียง ไม่ว่าจะเป็นการ cast เกมส์หรือทำ podcast ตัว Sound Blaster X3 (ต่อไปนี้ผมจะเรียกสั้นๆ ว่า X3) ตัวนี้สามารถต่อไมค์ได้ 2 ตัว ทางช่องด้านซ้ายสามารถต่อไมค์ 3.5 ได้ 1 ตัวและอีก 1 ตัว เราสามารถใช้ small talk ที่มาจากมือถือของเรา เช่น iPhone หรือมือถือตระกูล Android ที่มีไมค์ในตัวก็สามารถเอามาบันทึกเสียงเช่นกัน และที่สำคัญผมได้ทดลองแล้ว ปรากฏว่าเสียงดังกว่าใช้ซาว์ดการ์ด on board แบบเดิม ดังกว่ามากครับต่อมา เรามาดู port ด้านหลังกันบ้าง (จากซ้ายไปขวา)ช่องต่อลำโพงสำหรับระบบ 2, 2.1, 5.1, และ 7.1ช่อง Line in สำหรับเอาไปต่ออุปกรณ์เสียงภายนอก เช่น iPad, Microphone, หรืออื่นๆช่อง Optical Output สำหรับต่อเข้ากับระบบเครื่องเสียงภายนอกช่อง USB Type C สำหรับต่อเข้าคอมพิวเตอร์ หรือ PS4และที่สำคัญตัว X3 เป็นการเชื่อมต่อแบบ USB เลยทำให้สามารถ ถอดจากเครื่องหนึ่งเอาไปใช้กับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ เช่น เอาไปใช้งานร่วมกับ Notebook, Mac, PS4, หรือแม้แต่ Nintendo Switch ก็สามารถใช้งานได้เลยฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับการ X3 ตัวนี้มีหลายฟังก์ชั่นมาก แต่ในที่นี้ผมจะขอยกเฉพาะที่เป็นไฮไลท์หลักๆ นะครับ ผมจะเริ่มต้นที่ระบบจำลองเสียง surround แบบผ่าน SBX Profile เราสามารถเลือกให้เหมาะสมตามที่เราต้องการได้ ผมก็แนะนำให้เปิด profile นี้เวลาดูหนัง ผมได้ทดลองแล้ว และผมรู้สึกว่ามันต่างจากการฟังจากซาว์ดการ์ด on board จริงๆ เหมือนราวกับเราได้ upgrade ระบบเครื่องเสียงของเราใหม่ (หมายเหตุ ขึ้นกับคุณภาพหูฟังที่ใช้ด้วยนะครับ)สำหรับคนที่ชอบฟังเพลง ผมก็แนะนำให้เปิด Equalizer แบบ Music ตามที่เป็นพรีเซ็ตมาให้นะครับ และ ตัว X3 นี้ เหมาะกับการฟังเพลงแนวตลาดหรือเพลง pop ที่ให้เสียงที่ดีมากๆ ผมขออธิบายตามย่านเสียงดังนี้นะครับย่านเสียงต่ำ หรือเสียงเบส โดยส่วนตัวแล้ว ผมว่าเสียงมากๆ ครับ เบสลงได้ลึก และมี impact กระแทกอย่างดีมาก เหมาะมากสำหรับการดูภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ใน Netflix โดยเฉพาะเรื่องที่รองรับระบบ Dolby Digitalย่านเสียงกลาง หากใครที่ชอบฟังเพลงแบบไม่ปรุงแต่ง ผมขอแนะนำ Direct Mode เลยครับ เสียงกลางนี่มาเต็มครับย่านเสียงแหลม ผมว่าย่านเสียงแหลมถือว่าเป็นจุดอ่อนที่สุดสำหรับตัว X3 นี้เลยครับ ผมว่า Sound Blaster รุ่น AE5 เป็นต้นไป ทำได้ดีกว่าพอสมควรครับ ดังนั้นหากตั้งใจจะเสียงมาฟังเสียงที่เน้นเฉพาะเสียงร้องเป็นหลัก ผมว่าตระกูล AE น่าจะเหมาะสมกว่าครับและอีกฟังก์ชั่นที่ game casters หรือสำหรับผู้ผลิต podcast น่าจะชอบ คือ เรื่องการบันทึกเสียงคุณภาพสูง เนื่องจากตัว X3 นี้ ผมว่าทำออกมาได้ดีเลยครับ เนื่องจาก X3 ตัวนี้สามารถต่อไมค์ได้ 2 ตัว สำหรับการคุยกันก็สามารถบันทึกเสียงได้ครับ และที่สำคัญเราไม่จำเป็นต้องไปซื้อไมค์ condenser แยกสำหรับแคสเกม เพราะว่า X3 นี้มีระบบ Mic Boost ทำให้ได้เสียงที่ดังขึ้นโดยไม่ต้องซื้อ Phantom Power มาต่อเลยครับบทส่งท้ายแน่นนอนที่สุด ต้องพูดถึงราคาค่าตัวนะครับ ราคาเปิดตัวในประเทศไทยอยู่ที่ 3,650 บ. มีขายในห้างสรรพสินค้า IT ชั้นนำทั่วประเทศครับ เนื่องจากช่วงโควิด-19 นี้ อาจจะทำให้เพื่อนๆ หาซื้อสินค้าตัวนี้ยากสักหน่อยครับ แต่ว่ามีขายในออนไลน์หลายที่นะครับ เผลอๆ อาจจะได้ส่วนลดจากร้านค้าอีกต่างหาก หากเพื่อนๆ สนใจก็สามารถลองหาซื้อดูได้ครับส่วนประเด็นว่าคุ้มหรือไม่ อาจจะต้องถามตัวเองก่อนว่า เราชอบฟังเสียงเพราะๆ จากเพลง หนัง หรือเกมหรือไม่ครับ? ถ้าคำตอบคือ ใช่ ผมก็คิดว่าคุ้มค่านะครับ เนื่องจากเราสามารถนำ X3 ตัวนี้ เอาไปใช้ได้กับหลายหลายอุปกรณ์ และเสียงที่ได้จาก X3 ตัวนี้ ถือว่าดีกว่าเสียงที่มาจากระบบ on board เป็นอย่างมากๆ ผมได้ลองกับตัวเองแล้วถึงจะรู้ว่ามันดีกว่าจริงๆ อย่างเห็นได้ชัดเจนเลย แต่เราอาจจะต้องมี speaker หรือหูฟัง ที่มีคุณภาพประมาณหนึ่งครับ ส่วนตัวผมใช้ speaker ของยี่ห้อ Altec Lansing และหูฟัง ผมใช้ SONY XB950AP ซึ่งเป็นหูฟังระดับกลาง เสียงที่ได้ออกมา ดีกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนกับได้หูฟังใหม่คุณภาพระดับ 5 ดาวเลยครับ แล้วลองนึกดูครับ หากว่าเรามีหูฟังคุณภาพดีอยู่แล้ว มันก็จะยิ่งดียิ่งขึ้นไปอีกจากประสบการณ์การใช้งานส่วนตัวมาร่วมเดือน ผมอาจจะขอสรุปเป็นข้อดีและข้อเสียเบื้องต้นเผื่อว่าเอาตัดสินใจกันนะครับ ผมขอเริ่มต้นด้วยข้อดีก่อนเลยล่ะกันนะครับ ดีที่สุดคือเรื่องเสียง เสียงดีมากและดีกว่า on board เป็นอย่างมาก หรือเรียกได้ว่ามาจากคนละโลกเลยครับ (หากได้หูฟังและ speaker ที่มีคุณภาพ) อีกเรื่องคือ มีความยืดหยุ่นในการใช้งานอย่างมาก สามารถใช้งานได้หลากหลายอุปกรณ์ แต่ข้อเสียคือ ค่าตัวที่ 3590 บ. ก็ถือว่ายังสูงอยู่นะครับ บางคนอาจจะบอกว่า X3 ตัวนี้มีราคาพอๆ กันหรือมากกว่า Motherboard ที่ใช้งานอยู่เลยก็ว่าได้ และคนที่สนใจในเรื่องของการฟังเพลงอย่างจริงจัง ตัว X3 นี้อาจจะไม่เหมาะ อาจจะต้องลองหาตระกูล AE ที่ผมเล่าให้ฟังตอนต้นแทน แต่ตระกูล AE นี้ก็จะเป็น internal sound card แทนและมีราคาสูงกว่า X3 อีกนิดหน่อยด้วยครับ (เพราะว่าตัว AE มีชิปถอดรหัสเสียงที่พรีเมี่ยมกว่าครับ ไว้มีโอกาสผมจะมาเล่าให้ฟังอีกครั้งนะครับ)สุดท้ายนี้ โดยภาพรวม ผมก็รู้สึก happy นะครับ ก็การที่ได้ซื้อ X3 มาใช้งาน และหวังว่าบทความนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังสนใจ upgrade ระบบเสียง ด้วยงบประมาณที่คุ้มค่า ราคาไม่แรงมาก และใช้งานได้หลายๆ อุปกรณ์ หรือผู้อ่านสนใจอยากจะดูรายลเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม ผมแนะนำ YouTube วิดีโอของผมเองที่ลิงค์นี้ครับ https://www.youtube.com/watch?v=YVGB1EEqg5Q อย่าลืมไปดูกันนะครับ สวัสดีครับ