พลาดไม่ได้สุดๆสำหรับ Clark ซีรีส์เรื่องใหม่ล่าสุดจากทาง Netflix ที่รับประกันความสนุกไปกับเรื่องราวชีวประวัติของ "Clark Olofsson" (คลาร์ก โอลอฟสัน) อาชญากรปล้นธนาคารชื่อกระฉ่อน ที่มาจากเรื่องจริงในยุค 70 ผู้เป็นที่มาของคำว่า "Stockholm syndrome" (สตอกโฮล์ม ซินโดรม) โดยได้นักแสดงนำอย่างหนุ่ม บิลล์ สการ์สการ์ด นักแสดงผู้ผ่านผลงานมาอย่างมากมายและที่โดดเด่นสุดๆคือ บทของเพนนีไวส์ จากเรื่อง IT นั่นเอง นี่เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่น่าจับตามองสุดๆ และไม่ควรพลาดเลยจริงๆเมื่อผมทำดีที่สุดไม่ได้ก็ขอเลวให้ถึงทึ่สุดเลยแล้วกันโดยได้ Jonas Åkerlund ผู้กำกับมากฝีมือชาวสวีเดนมารับหน้าที่เป็นผู้กำกับเรื่องนี้ ซึ่งผลงานที่ผ่านมาของผู้กำกับคนนี้ก็เรียกได้ว่ามีแต่ระดับคุณภาพเยี่ยมทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นหนังเรื่อง Polar หรือ Lords of Chaos นอกจากนี้ยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการกำกับมิวสิควิดีโอเพลงของศิลปินระดับโลกอย่าง Christina Aguilera, Madonna, Britney Spears หรือ The Rolling Stones และอื่นๆอีกมากมาย โดยหนุ่ม บิลล์ สการ์สการ์ด เองก็ได้บอกในบทสัมภาษณ์ของ radiotime เกี่ยวกับผู้กำกับคนนี้ไว้ว่า "ทั้งสไตล์ของ Jonas และเรื่องราวของคลาร์กมันลงตัวมากๆ เขาสามารถเล่าเรื่องราวได้แบบเหนือขั้นสุดๆ และในขณะเดียวกันก็สามารถถ่ายถอดความเป็นคลาร์กออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ"เรื่องย่อว่าด้วยเรื่องในช่วงยุค 1973 ของ "Clark Olofsson" (คลาร์ก โอลอฟสัน) หนุ่มสวีเดนกับการเป็นโจรปล้นธนาคารและการไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมายมากมาย โดยคลาร์กเองก็เข้าออกคุกเป็นว่าเล่นพร้อมกับการถูกจับตามองจากสังคมทุกอย่างก้าว ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็จะต้องถูกพูดถึงเสมอเรียกได้ว่าเป็นอาชญากรที่มีชื่อเสียงสุดๆในช่วงเวลานั้น ในเรื่องนี้ก็จะพาเราไปเรียนรู้และทำความรู้จักกับคลาร์ก โอลอฟสัน ทุกแง่ทุกมุมว่ากว่าเป็นอาชญากรชื่อดังระดับโลก ผู้เป็นที่มาของ "Stockholm syndrome" ได้จะต้องผ่านการเติบโตและผ่านตัดสินอะไรมาบ้าง รับรองว่าสนุกสุดๆแน่นอน การดำเนินเรื่องซีรีส์เรื่องนี้ประกอบไปด้วยทั้งหมด 6 ตอน แบ่งตอนละประมาณ 1 ชั่วโมงโดยประมาณ สำหรับเราเองหลังจากที่ได้ดูตอนแรกก็ค้นพบว่ายากมากๆที่จะหยุด แค่ฉากเปิดตัวเราก็สัมผัสได้เลยว่าเรื่องนี้สนุกแน่นอน ฉากเปิดทำเอาเราประทับใจตั้งแต่เริ่มกับการเริ่มต้นเล่าชีวประวัติของคลาร์ก โดยเริ่มตั้งแต่เป็นทารกอยู่ในท้อง เป็นอะไรที่เรียกเสียงหัวเราะได้ง่ายๆเลย มันเริ่มต้นด้วยความบ้าๆอะไรประมาณนั้น ซึ่งหลังจากนี้ก็จะได้สัมผัสความบ้าดีเดือดของซีรีส์เรื่องนี้ตลอดแทบทุกตอน งานภาพของเรื่องนี้มันมีลูกเล่นอะไรเยอะแยะมาก มีการเล่าในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ภาพแบบ Stop-motion หรือจะเล่าแบบการ์ตูนคอมิก (Comic) รวมไปถึงการใช้การแสดงแบบละครเพลงยุค 80-90 เข้ามาร่วมถ่ายถอดด้วย จะเห็นได้ว่ามีความน่าสนใจมากๆ ที่ชวนดึงให้เราอยากดูตลอดทั้งเรื่อง นี่ยังไม่รวมถึงเพลงประกอบที่นำมาใช้ก็เรียกได้ว่าสุดยอดมากๆแล้ว ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะตัวผู้กำกับเองผ่านการกำกับมิวสิควิดีโอมาค่อนข้างเยอะด้วยหรือไม่ มันจึงส่งผลต่อมายังภาพที่ปรากฎในเรื่องให้ออกมาดีมากๆ นอกจากนี้การนำฟุตเทจข่าวจริงในอดีตมาใช้ประกอบก็ช่วยเสริมให้มีความเป็นจริงเพิ่มเข้ามาด้วย และที่สำคัญคือการลำดับภาพและเสียงออกมาได้อย่างลงตัว เหมือนเขารู้ว่าเราจะอยากดูอะไร แบบไหนต่อไปสำหรับการแสดงในเรื่องนี้ต้องขอชื่นชม บิลล์ สการ์สการ์ด ที่รับบท คลาร์ก ก็สมบูรณ์แบบมาก ถ่ายถอดความเป็นคลาร์กออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและงดงาม จริงๆตัวคาแรคเตอร์คลาร์ก็พื้นฐานของตัวละครที่น่าสนใจและดีมากๆอยู่แล้ว แต่ความยากคือ ตัวคลาร์กเองมีหลายมิติมากๆ มีทั้งความบ้า ความโหด ฉลาด มีไหวพริบ ขี้เล่น เละๆเทะๆ แต่บางครั้งก็มีจุดที่อ่อนไหวได้เช่นเดียวกัน ซึ่งบิลล์ ก็สามารถถ่ายถอดทุกอย่างออกมาได้อย่างครบถ้วนจริงๆ เราคงจะไม่แปลกใจเลยว่าถ้าบิลล์ในลุคของคลาร์กนี้จะกลายไปเป็น Iconic และเป็นภาพจำของบิลล์ไปอีกนานรู้สึกว่าเนื้อหาทำออกมาได้ดีมาก มีการลำดับเนื้อหาได้ดี เรียบเรียงและดึงความน่าสนใจออกมาได้ตลอด รู้เลยว่าทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งในตัวคลาร์ก โอลอฟสัน บิลล์เคยบอกไว้ว่า "ในฐานะผู้ชมคุณไม่ควรเชื่อทุกอย่างที่คลาร์กบอกคุณ" อย่างที่รู้ว่าคลาร์กเป็นคนฉลาดและมีไหวพริบมาก ทั้งยังเจ้าเล่ห์กว่าใครทั้งหมดเสียด้วยซ้ำ หลังจากที่ดูไปเรื่อยๆ ก็มองเห็นการเติบโตของคลาร์กในช่วงเวลาต่างๆ ผ่านการเติบโตที่ไม่ได้ง่ายดายนัก แต่ก็แฝงความบ้าดีเดือดสุดๆเอาไว้ตลอด เรื่องนี้มันสนุกได้ก็เพราะมันเป็นทั้งเรื่องจริงและเรื่องแต่งมาผสมผสานกันด้วย ซึ่งเรื่องนี้ก็ยืนยันด้วยตัวเองกับผู้ชมในทุกๆตอนว่า "เกิดขึ้นจากเรื่องจริงและเรื่องโกหก" ความเป็นจริงของรายละเอียดเล็กๆน้อย ก็ยิ่งเสริมความสนุกและความเรียลให้กับเรื่องเข้าไปอีก แน่นอนว่าคนดูชอบอะไรแบบนี้เสมอหลังจากที่ได้ดูจนจบเราเองก็มองว่าคลาร์ก เป็นตัวละครและเป็นบุคคลที่เกิดมาเพื่อต้องการพื้นที่ทางสังคม มาเพื่อให้คนจดจำจริงๆ เรามองว่าจริงๆคลาร์กจะไม่โดนจับก็ได้ด้วยซ้ำ เพราะเขาฉลาดมากๆ แต่เพราะว่าคลาร์กต้องการเป็นจุดสนใจ เขาคงจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ถูกจับ เหมือนกับตัวร้ายที่ถ้าไม่มีฮีโร่มาคอยต่อสู้กันก็คงไม่รู้ว่าจะอยู่ไปเพื่ออะไร แน่นอนว่าการเลี้ยงดูในวัยเด็กด้วยก็เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้คลาร์กเป็นอย่างนี้ แต่ความเป็นคลาร์กมันอัดแน่นอยู่ในทุกอนูตัวคลาร์กเลย ไม่มีพื้นที่ให้กับความอ่อนแอ หรืออ่อนไหวใดๆทั้งนั้น เขาเป็นตัวร้ายแบบสมบูรณ์แบบ แตกหัก ขาดวิ่น พร้อมกับความเจ้าเล่ห์และฉลาดเป็นกรด ผสมปนเปกันอยู่ในตัวคลาร์กจริงๆ แต่ถ้าหากใครที่เคยดูเรื่องนี้ไปแล้วและอยากชมแนวชีวประวัติของโจรอีก เราขอแนะนำอีกหนึ่งเรื่องคือ Anna Inventing ซีรีส์ที่สร้างจากเรื่องจริงสุดปลอมเปลือกของ “Anna Delvey” มีฉายอยู่บน Netflix เช่นเดียวกันเนื้อหาต่อไปนี้อาจมีการเปิดเผยส่วนสำคัญของเรื่องซีนที่เราค่อนข้างประทับใจมากๆกลับเป็นตอนที่คลาร์กล่องเรือไปเจอพายุโหมกระหน่ำเข้ามา มันเป็นช่วงเวลาที่บ้าๆสุดของคลาร์กเลยก็ว่าได้ พออยู่ทะเลแล้วมักเป็นพื้นที่ของการระบาย การปลดปล่อยอะไรบางอย่างออกมา ซึ่งในซีนนี้มันเละเทะขั้นสุด มันบ้า ทุกอย่างถาโถมเข้ามาไม่หยุด ซึ่งตัวบิลล์เองก็ถ่ายถอดความบ้าออกมาได้ขั้นสุด ทำให้เราประทับใจซีนนี้มากๆ และสำหรับตอนจบก็เป็นอะไรที่สุดโต่งเหมือนกันกับการบอกว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น มันจบแบบเอาเท่ จบแบบคลาร์ก โอลอฟสันจริงๆ สรุปต้องดูให้ได้สำหรับ Clark มีครบทุกรสชาติจริงๆ ทั้งสนุกสนาน ดราม่า และชิงไหวพริบกันสุดๆ อยากชวนทุกคนมารู้จักอาชญากร โจรปล้นธนาคาร ชาวสวีเดนชื่อดังคนนี้กับ คลาร์ก โอลอฟสัน และวีรกรรมสุดแสบที่มากมายจนนับไม่ถ้วน ซีรีส์เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานที่คุณภาพอัดแน่นล้นจอ Netflix จริงๆ ไม่อยากให้พลาด รีบดูกันเลย https://www.youtube.com/watch?v=pDuKaZkWClAขอบคุณวิดีโอ Clark | Official Trailer จาก Netflixขอบคุณภาพปก และภาพประกอบ 1-2 (ภาพถ่ายหน้าจอ) จาก jonasakerlund และภาพประกอบ 1-1, 5 จาก jonasakerlund / ภาพประกอบ 2 จาก Netflix / ภาพประกอบ 3,4 จาก jonasakerlundจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !