Series ReviewDoctor Slump หัวใจหมอไม่มอดไหม้ (2024)ชัดเจนที่จะมาเยียวยารักษาแผลใจให้อยู่กับความทุกข์ให้ได้และผ่านไปได้ด้วยความรักจึงออกมาอบอุ่นสวยงาม แต่ก็มีราคาที่ต้องแลกบ่อยครั้งหนังหรือละครก็มีแก่นสารที่จะมาบอกกับคนดูบางอย่างและบ่อยครั้งเช่นกันที่ไร้สาระบ้างจะเป็นไรไป กระนั้นวลีที่ว่าดูหนังดูละครแล้วย้อนกลับมาดูตนนั้นก็ยังคงได้ผลเสมอเมื่อหนังหรือละครบางเรื่องได้สะท้อนแง่มุมชีวิตให้ได้จับเอามาคิดเพื่อกระตุ้นเตือนบางอย่างกับคนที่ดู หนังหรือละครจึงเป็นเหมือนบันทึกชีวิตของคนบางคนหรือคนบางกลุ่มที่อาจบางทีในเวลาปกติในสังคมที่ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาทำมาหากินเพื่อเลี้ยงชีพหรือดูแลครอบครัวจะไม่สามารถพินิจได้ ทว่าเมื่อจะได้พินิจภัยเงียบบางอย่างก็เข้ามาเยือนโดยไม่รู้ตัวอันเป็นผลมาจากการใช้ชีวิตที่ถูกบีบรัดจนกระทั่งคำว่าสบายยังเป็นสิ่งที่เกินเอื้อม แต่หากแม้นได้ดูได้พินิจสิ่งที่หนังหรือละครที่ได้เคยผ่านตามาในบางเรื่องราวจะสะท้อนวิธีผ่านพ้นปัญหานั้นไปได้จะด้วยตัวเองหรือจะด้วยความช่วยเหลือใดก็ตามแต่ และนั่นอาจเป็นที่มาของละครเกาหลีเรื่องนี้ที่มีวัตถุประสงค์ชัดเจนในเรื่องนี้ที่จะมาเป็นวัคซีนหรือเป็นยารักษาทุกข์ในใจ โดยมีจุดขายที่อาจมีน้อยคนปฏิเสธหากเป็นคนชอบดูละครเกาหลีคือพัคชินฮเยเจ้าของชื่อเล่นน้องผักนั่นเองนัมฮานึล (พัคชินฮเย) คือนักเรียนอันดับหนึ่งของประเทศจากผลคะแนนสอบโดยที่มีความโดดเด่นในด้านการตั้งใจเรียนและท่องตำราจนน่าขันเอ๊ยน่าทึ่ง วันหนึ่งเมื่อสิ้นพ่อไปแล้วและโรงงานที่แม่บริหารอยู่ต่อจากพ่อก็เริ่มสถานการณ์ไม่ดีญาติฝ่ายพ่อก็ค่อนข้างจุ้นจ้านแม่ของนัมฮานึลจึงขายโรงงานแล้วพากันย้ายมากรุงโซล แน่นอนนัมฮานึลต้องย้ายโรงเรียนใหม่และที่นี่เองที่เธอต้องมาเจอกับยอจองอู (พัคฮยองซิก) อีกหนึ่งนักเรียนอันดับหนึ่งของประเทศร่วมกับเธอที่ยอจองอูดูเหมือนจะเรียนแบบสบายๆกว่า ทว่าเสือสองตัวอาจอยู่ร่วมโรงเรียนเดียวกันไม่ได้การแข่งขันกันเพื่อเป็นอันดับหนึ่งแบบพิลึกๆจึงเริ่มต้นขึ้นโดยมีจุดหมายที่มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งมหาวิทยาลัยฮันกุกในคณะแพทย์ ตัดมาที่ปัจจุบันขณะที่ยองจองอูเป็นแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งที่ประสบความสำเร็จชื่อเสียงโด่งดังแต่นัมฮานึลยังเป็นวิสัญญีแพทย์ที่ต้องทำงานหนักโดนจิกหัวใช้เพื่อไต่ไปเป็นอาจารย์หมอจนกระทั่งเป็นโรคซึมเศร้า ส่วนยอจองอูก็เจออุบัติเหตุชีวิตจนตกต่ำสุดขีดแล้วอดีตคู่แข่งคู่ปรับหรือจะอะไรก็ตามแต่ก็ต้องมาพบกันอีกครั้งมีบทละครที่แน่นหนามีวัตถุประสงค์ชัดทำให้มีเป้าหมายที่จะพัฒนาไปด้วยการเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิง ถ้าว่ากันที่บทละครโดยรวมจากการดูแบบออกอากาศสดไม่ได้ยิงยาวรวดเดียวนี่คือบทละครที่ค่อนข้างแน่นหนามีวัตถุประสงค์ที่ชัด หรืออาจเรียกได้ว่ามีแก่นสารที่ต้องการบอกชัดเจนแน่วแน่ผ่านการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างมีชั้นเชิงด้วยการตัดสลับอดีตกับปัจจุบันเพื่อนำไปสู่พัฒนาการของหัวใจ ซึ่งก็คือการวางคนสองคนไว้ตรงข้ามกันเพื่อที่จะมาอยู่ข้างเดียวกันเพราะได้ผ่านอะไรมาร่วมกันเพื่อให้ได้ย้อนรำลึกถึงอดีตเพื่อส่งผลต่อปัจจุบัน และการตัดสลับไปมานี่เองที่เป็นชิ้นส่วนเป็นจิ๊กซอว์ที่เชื่อมโยงต่อกันที่เรียกว่าแน่นหนาเป็นโครงข่ายที่เนียนตาสวยงามเพราะการผ่านเรื่องยากๆในชีวิตอาจไม่ได้ต้องการความซับซ้อนทางสมองแต่อาจต้องการความง่ายของหัวใจที่จะปล่อยไปกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ทำให้เรื่องมีพัฒนาการทางหัวใจที่ชัดเจนไม่มีบิดเบี้ยวไปทางไหนและเดินหน้าไปอย่างนั้นอย่างเคร่งครัด จนถึงบทสรุปสุดท้ายที่แม้จะเป็นไปตามครรลองของมันไม่มีพลิกผันแต่ก็เป็นสิ่งที่ควรจะเป็นเพราะชัดเจนแบบนั้นมาตั้งแต่ต้นด้วยวัตถุประสงค์ที่แข็งแรงเกินไปทำให้จุดเปลี่ยนน้อยเลยกลายเป็นราบเรียบและนั่นคือราคาที่ต้องจ่าย แต่การที่มีวัตถุประสงค์ที่แข็งแรงเกินไปก็ทำให้ไม่สามารถแตกประเด็นย่อยให้แหลมคมได้มากกว่าที่ชื่อเรื่องเป็นคือการทรุดตัวของหมอ (Doctor Slump) ซึ่งนั่นคือเป้าหลักที่ชัดเจนในการชี้ให้เห็นถึงการพยายามอย่างหนักในสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝันอาชีพในฝันของคนอีกมากมายที่คิดว่าดี แต่หมอก็ยังมีความเป็นมนุษย์ที่มีหัวใจเป็นก้อนเนื้อเลือดหมอก็สีแดงจึงมีสุขมีทุกข์ปะปนแต่อาจจะมีทุกข์มากกว่ากับการทำงานที่คร่ำเคร่งในหลายทาง ซึ่งถ้ารับมือไม่ได้หรือเกินขีดจำกัดหัวใจก็พร้อมจะล่มสลายเช่นเดียวกับที่เห็นเมื่อการพยายามเป็นหมอไม่ได้เริ่มแค่วันสองวันแต่มันต้องเพาะบ่มความหนักหนามาเนิ่นนาน แน่นอนเรื่องชัดเจนตรงนี้และมีพัฒนาการไปสู่การเยียวยาด้วยความรักและความเข้าใจที่สามารถมีให้กันได้ในยามทุกข์ยากเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจนอกจากหมอด้วยกัน แต่ราคาที่ต้องจ่ายคือเป้าประสงค์เพียงอย่างเดียวต้องแลกมาด้วยความราบเรียบวนไปวนมากับการพยายามเยียวยากันและกันในช่วงกลาง ชัดเจนที่จะมาเพื่อเยียวยาและเป็นวัคซีนให้หัวใจจึงออกมาเป็นความสวยงามเพราะมนุษย์จะต้องยอมรับที่จะอยู่กับทุกข์ให้ได้ นอกจากชัดเจนที่จะมาเพื่อเยียวยาหัวใจที่ไม่มีทางพ้นจากความทุกข์ได้ทั้งหมดแต่จะสามารถอยู่ร่วมและรับมือกับความทุกข์ใจที่เข้ามาได้อย่างไรนั่นคือการเสนอตัวเป็นวัคซีน เพราะต่อให้มองโลกในแง่ดีปานไหนก็ไม่มีทางจะไม่มีความทุกข์ใจไปได้ตลอดซึ่งอาจจริงที่ว่าการมองโลกในแง่ดีอาจทำให้มุมมองบางอย่างสวยงาม แต่บางครั้งการมองโลกในแง่ลบบ้างอาจทำให้เห็นความเป็นจริงเห็นโลกที่เป็นจริงเพื่อรู้สาเหตุและยอมรับ อาจเพราะในชีวิตมนุษย์คงไม่รู้ว่าตัวเอง ณ ที่เป็นอยู่กำลังเผชิญกับอะไรหรือความสามัญในชีวิตได้ทำให้บางเรื่องกลายเป็นเรื่องชาชิน แต่หารู้ไม่ว่ามันได้ก่อตัวสะสมเหมือนมะเร็งร้ายที่เกาะกินสภาพจิตใจจนเว้าแหว่งไปหากว่าเลือกจะทนในสิ่งที่ไม่ควรจะทน บางครั้งการมองโลกด้วยความเป็นจริงบ้างแล้วปล่อยวางชีวิตที่เส็งเคร็งกับเรื่องที่ต้องแบกรับเพื่อที่จะมีความสุขบ้างก็อาจเป็นเรื่องที่คู่ควร เพราะการยอมรับในบางเรื่องที่เป็นเหตุแห่งทุกข์อาจจะทำให้มนุษย์สามารถตอบโต้ในแบบของตัวเองและรับมือกับความทุกข์ได้เดินหน้าไปด้วยเสน่ห์และความจิ้นของสองนักแสดงหลักทำให้ต่อให้เรียบเรื่อยไปบ้างก็ยังมีแรงดึงดูด ถ้าว่ากันที่ภาพรวมเรื่องนี้มีพลังเมื่อตอนต้นและอ่อนลงช่วงกลางแต่มีสูงขึ้นตามสมควรเมื่อตอนท้ายแต่ก็มีสองตอนสุดทายที่ลดพลังลง กระนั้นในช่วงเวลาที่พลังของเรื่องลดลงสิ่งที่ค้ำชูพลังและแรงดึงดูดของเรื่องไว้ได้คือเคมีและเสน่ห์ของสองนักแสดงนำพัคชินฮเยกับพัคฮยองซิก นั่นเพราะบทละครมีเป้าประสงค์ชัดที่จะเยียวยาหัวใจของคนสองคนที่เป็นนักเรียบแถวหน้าของประเทศที่ควรเป็นบุคลากรชั้นนำของประเทศแต่ดันมีชีวิตติดหล่มตกต่ำพร้อมๆกัน เรื่องจึงเน้นความจิ้นของคู่นี้เต็มที่จนออกนอกหน้าเกินไปด้วยซ้ำเพราะตั้งใจมาขายเสน่ห์และความจิ้นเต็มที่เพื่อที่จะพัฒนาไปในหัวใจ ซึ่งก็ได้ผลเพราะสิ่งที่เป็นคือการได้ดูสองคนนี้เยียวยาหัวใจกันก็ทำให้รู้สึกดีมีความอบอุ่นอยู่ในหัวใจโดยที่มีส่วนเสริมชั้นเยี่ยมของเหล่านักแสดงสมทบทั้งพัคยูน,กงซองฮา,จางฮยจิน,ยูนซังฮยอนและฮยอนบงซิกที่ได้เพิ่มความอบอุ่นในแง่มุมที่หลากหลายทั้งเพื่อนและครอบครัวได้อย่างลงตัวและสวยงามอาจไม่ใช่งานที่เข้มข้นจนเร้าใจเพราะอะไรที่ควรสะใจก็ไม่ได้รางวัลอาจเพราะต้องการมองโลกในมุมสวยงามแต่ก็เป็นงานที่ดูเพลิน แต่ถ้าว่ากันที่ความเห็นส่วนตัวที่ดูแบบออกอากาศสดเป็นรายสัปดาห์แม้ว่าสัปดาห์สุดท้ายเพิ่งจะได้ดูเพราะไม่มีเวลาคืออาจไม่เหมาะกับการดูรวดเดียว เพราะนี่คือละครที่เน้นความสวยงามในการยอมรับที่จะอยู่กับปัญหาและสามารถรับมือกับความทุกข์ใจที่เข้ามาได้อย่างไรที่ชัดเจนที่จะโลกสวย นั่นหมายความว่าดราม่าต่างๆที่เข้ามาจะไม่เร่งเร้ารุนแรงและแม้แต่เรื่องที่สำคัญก็มีบทสรุปที่โลกสวยไม่เน้นความสะใจแต่วางตัวเองที่การมองคนอื่นในมุมที่ดีหรือมองหาความดีในมนุษย์มากกว่าจะมองหาข้อเสีย แต่นั่นคือการไม่ให้รางวัลกับคนดูทำให้เหมือนคนชั่วที่กระทำการใดๆกลายเป็นลอยนวลและมีจุดจบที่ไม่สาสม แล้วการที่เป้าหมายชัดและแข็งแรงก็ทำให้ช่วงกลางและสองตอนสุดท้ายมีหลายอย่างที่ถ้ารวบออกได้สักสี่ตอนเรื่องจะสนุกกว่าที่เป็น แต่แม้จะดูยืดๆย้วยๆไปบ้างก็ยังเป็นงานที่ดูเพลินถ้ามองว่าการได้ดูความฟินความจิ้นของนักแสดงนำสองคนก็คือความคุ้มค่าแล้วดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram jtbcdrama ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/6v7VnBjRgPwJ https://entertainment.trueid.net/detail/eNOmVexmYGA1 https://entertainment.trueid.net/detail/NMLvzYN9zo5K https://entertainment.trueid.net/detail/DdeKZKP40lAxเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !