สำหรับเราแล้ว หนังและซีรีส์ของไต้หวัน เราก็ไม่ค่อยได้ดูมากเท่าไหร่นัก เรื่องนี้ก็เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้ดูว่ามันจะออกมาดีหรือไม่ ซึ่งเปิดมาก็ถือว่าเรื่องนี้ถือว่าพัฒนาหนังหรือซีรีส์ไต้หวันไปสู่อีกก้าวได้เลย สำหรับเรื่องนี้อย่าง "The Victims' Game" ก็เป็นซีรีส์ crime thriller drama หรือเป็นแนวสืบสวนระทึกขวัญดราม่าจากประเทศไต้หวัน ที่เป็น original content ของ netflix ที่ปล่อยลงสตรีมมิ่งเมื่อ 30 เมษายนที่ผ่านมาซีรีส์ว่าด้วยเรื่องราวของ “ฟางอี้เริ่น” ชายหนุ่มที่เป็นนักนิติวิทยาศาสตร์ ทำงานอยู่ในสถานีตำรวจ ที่ต้องมาสืบสวนคดีฆาตกรรมที่เหยื่อถูกละลายด้วยกรดจนเสียชีวิต ซึ่งคดีนี้ก็นำไปสู่เบาะแสที่ทำให้เขาพบกับหลักฐานบางอย่างที่ชี้นำไปถึงลูกสาววัย 17 ปี ของเขาที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานและหายตัวไปหลังหย่าร้างกับภรรยาต้องยอมรับว่าซีรีส์ทำออกมาได้ดีมาก ๆ ทั้งเนื้อหา ประเด็นที่นำเสนอออกมา เรื่องราวตัวละคร รายละเอียด ๆ ต่าง ๆ ก็เก็บได้ครบ ซึ่งข้อเสียนั้น อาจจะรู้สึกว่าช่วงแรกค่อนข้างปูเรื่องนานไปหน่อย แต่พอมาถึงช่วงกลางเรื่องก็เริ่มสามารถจูนติดและลื่นไหลยาวไปจนจบเลย เอาจริง ๆ ด้วยความที่เป็นซีรีส์ไต้หวันและเป็นภาษาจีน ชื่อตัวละครก็ค่อนข้างจำยากเล็กน้อย ซึ่งภายในซีรีส์ก็มีตัวละครเยอะพอสมควร แต่นั้นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับการดูมากนัก สำหรับเรื่องนี้ก็ค่อนข้างเป็นซีรีส์สืบสวนที่ได้รสชาติที่แตกต่างจากเรื่องอื่น ซึ่งปกติแล้วตัวเรื่องมักจะไปโฟกัสที่ผู้ร้าย แต่สำหรับเรื่องนี้มันค่อนข้างโฟกัสไปที่เหยื่อมากกว่า ซึ่งถือว่าดีมาก ๆ สำหรับพาร์ทสืบสวนก็ถือว่าออกมาระทึกและน่าติดตามในแต่ตอนที่ค่อย ๆ เผยเงื่อนงำต่าง ๆ ที่ทำให้คนดูได้ติดตามเรื่องราวไปเรื่อย ๆ ส่วนพาร์ทดราม่าก็หนักหน่วงเช่นกัน ซึ่งสำหรับเราก็ค่อนข้างชอบอารมณ์ของเรื่องที่ภาพของมันจะไปทางหม่นหมองตัวละครในเรื่องถูกแบ่งน้ำหนักออกมาได้อย่างดีมาก ๆ ทั้งตัวหลักและตัวรอง ซึ่งตัวละครรองต่างก็มีเรื่องราวของมันเอง และค่อนข้างเติมเต็มเนื้อหาของตัวเรื่องหลักได้ดี ยอมรับว่าตัวละครรองบางคน แค่ปูเรื่องราวมานิดเดียว เราก็สามารถอินไปกับเรื่องราวได้แล้ว อย่างเช่นตัวละครของชายตาบอดที่ต้องเผชิญกับน้องชายที่โกหกเขามาอยู่ตลอด ตัวละครชายแก่ที่เคยฆ่าคนมาก่อนและเขาเองก็รู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา และชายหนุ่มเป็นมะเร็งและโดนไล่ออกจากบริษัทและหันมาแฉบริษัทในด้านที่ไม่ดี เป็นต้น ซึ่ง back story ของแต่ละคนมันน่าสนใจและดีมาก ๆเรื่องราวของทุก ๆ ตัวละครรองนี่สำหรับเราคือชอบหมดเลย ซึ่งทุกอย่างมันไปโยงไปที่ปัญหาที่ตัวละครได้พบเจอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว การทำงาน การกระทำของตนเอง หรือความยุติธรรมที่ไม่ได้รับ ซึ่งสุดท้ายแล้ว อะไรพวกนี้มันก็คือปัญหาสังคมที่คนๆหนึ่ง (และหลายๆคน) ต้องเผชิญกับมันอยู่ จนกลายเป็นความเจ็บปวด ความเครียดและความทุกข์ใจ จนทำให้คน ๆ หนึ่งสามารถคิดสั้น (จนไม่อยากมีชีวิตอยู่) ได้ทันทีสิ่งที่ดีมาก ๆ คือในเรื่องมันหยิบยกในเรื่องของประเด็นการฆ่าตัวตาย ความเป็นความตายและชีวิต ซึ่งก็นำเสนอออกมาได้ดีมาก ๆ ชอบไดอะล็อคในเรื่องที่ถูกพูดไว้ว่า "สำหรับบางคน ความตายมีความหมายกว่าการมีชีวิตอยู่" ซึ่งการตายก็เป็นเหมือนเป็นทางเลือกของเขาเองที่จะทำให้ผู้คนหันมาสนใจจริงๆว่าเขาเผชิญกับปัญหาอะไร สุดท้ายแล้ว ความตายก็อาจจะเป็นอิสระที่แท้จริง ภายในเรื่องมันค่อนข้างตระหนักถึงเรื่องนี้และสะท้อนสังคมเป็นอย่างมาก ซึ่งตัวเรื่องมันไม่ได้ตัดสินว่าใครหรืออะไรมันถูกหรือมันผิด อย่างที่มีตัวละครนึงได้พูดไว้ในเรื่องว่า "ชีวิตเป็นของเรา เรามีสิทธิ์ที่จะทำอะไรกับชีวิตก็ได้" เอาจริง ๆ เรื่องนี้ก็เหมือนเป็นภาพสะท้อนของสังคมไทยเป็นอย่างมาก (แต่นอกจอก็คงรุนแรงและน่ากลัวกว่า) ถ้านึกกันแบบเร็วๆเราก็นึกถึงเรื่องของป้ากินยาเบื่อหนูหน้ากระทรวงการคลัง ซึ่งถ้ามองย้อนดูในมุมมองของป้าแล้วก็อาจจะไม่ได้ถูกนัก แต่ก็ไม่ได้ผิดเช่นกัน ซึ่งเราเองก็คงจะรู้สึกได้ว่าชีวิตของป้าเองอาจจะพบเจอกับความกดดัน ความเครียด และปัญหาต่างๆเข้ามารุ้มเร้าจนมันทำให้คนต้องคิดสั้นแบบนั้นได้จริงๆ ซึ่งมันก็เน้นย้ำและตรงกับประเด็นในเรื่องที่ว่า "การตายจะทำให้ผู้คนหันมาสนใจจริงๆว่าเขาเผชิญกับปัญหาอะไรอยู่" อย่างมาก ส่วนที่เราชอบที่ว่าจนต้องพ่ายแพ้ ก็คงต้องให้เป็นพาร์ทครอบครัวที่เป็นความสัมพันธ์ของพ่อ-ลูกของตัวละครหลัก ซึ่งเป็นเส้นเรื่องหลัก ที่ถูกปูมาแบบเล็ก ๆ น้อยในช่วงแรกไปพร้อมกับเส้นเรื่องสืบสวน และเริ่มมาหนักหน่วงในช่วงท้าย ๆ และบรรจบกับพาร์ทสืบสวนได้ลงตัว ซึ่งเส้นเรื่องนี้มันก็ยังเป็นสิ่งที่สะท้อนสังคมในเรื่องประเด็นของครอบครัว การไม่เอาใจใส่ดูแล จนทำให้คน ๆ หนึ่งต้องเติบโตมาในสังคมรอบข้างที่เลวร้าย การชักจูงไปในทางที่ไม่ดี ซึ่งสิ่งที่มันเน้นย้ำมาก ๆ คือ "สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับหน้าที่ของพ่อแม่คือควรที่จะเข้าใจลูกว่าต้องการอะไร" ยิ่งตอนท้ายประเด็นนี้ก็ขยี้เราแบบเอาเป็นเอาตายมาก ๆ (ซึ่งเราก็เกือบจะเสียน้ำตาให้แล้วเช่นกัน) ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามันสามารถปูเรื่องออกมาได้ดีต่อประเด็น และสามารถทำให้เราอินไปเรื่องราวไปได้ไม่ยากเลย และปิดท้ายบทสรุปได้ลงตัวประทับใจอีกประเด็นเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเรื่องที่อยากพูดถึง แม้ว่าอาจจะไม่ได้มีบทบาทมากนัก ก็เป็นเรื่องของจรรยาบรรณสื่อมวลชน ซึ่งสำหรับตัวละครนักข่าวสาว “ชูไห่ยิน” ก็เป็นเหมือนกับภาพของสื่อมวลชนหรือนักข่าวในปัจจุบันที่ต้องทำงานหาแหล่งข่าวอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเพื่อเงินเพื่อการงานที่มั่นคงก็ตาม ซึ่งสำหรับเราชอบในการเปลี่ยนแปลงของตัวละครที่ว่า พอถึงจุด ๆ นึงเธอจะรู้สึกว่าได้ว่ามันยังมีอะไรที่สำคัญกว่าข่าว นั่นก็คือชีวิตของผู้คน และข่าวบางข่าวก็ส่งผลต่อชีวิตคน ๆ หนึ่งได้เหมือนกัน ภาพของตัวละครนี้จึงเป็นเหมือนกับนักข่าวในอุดมคติที่สังคมและหลายๆคนอย่างให้เป็น เพราะเป็นตัวละครที่ยึดมั่นในจรรยาบรรณของสื่อมวลชนพอสมควร เป็นอีกตัวละครที่เรารักมาก ๆ ซึ่งชอบคาแรกเตอร์ของนักข่างที่มุ่งมั่น มีความอยากรู้อยากเห็น แต่ก็เป็นคนที่ห่วงใยครอบครัว และเป็นคนที่เผชิญกับความเป็นความตายในอดีตจนทำให้การที่เธอมาทำข่าวเกี่ยวกับคดีนี้ มันก็ค่อย ๆ เปลี่ยนความคิดและชีวิตของเธอด้วยเช่นกันสำหรับเรื่องนี้มันทั้งเศร้าและหดหู่ อนึ่งเหมือนดู 13 Reason Why (แค่มีบางส่วนที่คล้ายนิดหน่อย) แต่สำหรับเรื่องนี้ เราเองที่เป็นคนดูแทบจะพร้อมทิ้งดิ่งไปกับตัวละครทุก ๆ คนที่ต้องเผชิญกับสภาพปัญหา มันมีทั้งภาพของความรุนแรง อย่างเช่นการฆ่าตัวตายที่ชวนหดหู่พอสมควรสำหรับนักแสดงแต่ละคนก็ต้องชื่นชมเลยว่าสามารถแสดงคาแรกเตอร์ออกมาได้ดีมาก ๆ ทั้งตัวละครรองและตัวละครหลักคือโดดเด่นทั้งหมดเลย หลักก็ค่อนข้างชอบการแสดงของ Tiffany Hsu ที่สามารถสวมบทบาทของสื่อมวลชนได้ดี รวมทั้งการแสดงในบทดราม่า ก็ชวนประทับใจ และ Joseph Chang ที่รับบทเป็น ฟางอี้เริ่น ก็สามารถถ่ายทอดบทบาทของนักนิติวิทยาศาสตร์ที่มีบุคลิกที่แปลกแยกจากสังคมได้อย่างดีมาก ๆ ซึ่งเอาจริงก็ค่อนข้างเป็นคาแรกเตอร์โดดเด่นและยากที่จะถ่ายทอดออกมาได้ ซึ่งเขาเองก็ทำออกมาได้ดี และทำให้เราเสียน้ำตาไปกับตัวละครแบบนี้ได้สิ่งที่ดีอีกอย่างในเรื่องก็คือมันใส่ใจรายละเอียดมาก ทั้งข้อมูลต่าง ๆ ในการสืบสวน พวกข้อมูลทางนิติวิทยาศาสตร์ และเรื่องนี้ก็มีให้เห็นศพกันแน่นอน ต้องชื่นชมทีมอาร์ตได ที่ทำสภาพศพออกมาได้สมจริง ที่ถูกนำมาให้เห็นแบบเต็ม ๆ (อย่าซีนที่ต้องเห็นศพเน่า ๆ เละ ๆ หรือซีนผ่าพิสูจน์ ศพนี่เหมือนจริงมาก ๆ เลย) งานโปรดักชั่นและงานภาพก็ออกมาดีทั้งการดีไซน์ภาพในแต่ละฉาก และโทนภาพในแต่ละซีนที่ให้อารมณ์ที่เศร้าและหม่นหมองThe Victims' Game ก็เป็นซีรีส์สืบสวนจากไต้หวันของ Netflix ที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ และเป็นได้ไปมากกว่าซีรีส์สืบสวน มีดีทั้งเนื้อหาและประเด็นในเรื่องราวและตัวละครต่าง ๆ และพาร์ทสืบสวนและดราม่าก็ออกมาได้ดี ทั้งเศร้า หดหู่ รุนแรง และสะท้อนภาพของสังคมต่อผู้คนในปัจจุบันได้ดีทั้งในเรื่องของปัญหาชีวิตต่อสังคม และเรื่องครอบครัว// เชียร์ให้ดูกันมากๆ อีกหนึ่งของดีจาก Netflix ซึ่งก็กลายเป็นอีกซีรีส์ที่เรารักมาก ๆ อีกเรื่องในปีนี้ไปแล้ว ซีรีส์ก็ลลงใน Netflix ทุกตอนแล้ว มีทั้งหมด 8 ตอน ตอนละประมาณ 50-60 นาที ก็ลองไปดูกันได้ แนะนำว่าใครที่ซึมเศร้าได้ง่ายหรือเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้วก็ขอเตือนไว้ก่อนว่าควรทำใจไว้ก่อนดู เพราะในเรื่องมีอารมณ์ที่ดราม่า อ่อนไหวและชวนหดหู่ อีกทั้งมีภาพของความรุนแรงและมีฉากของการฆ่าตัวตายด้วยเช่นกันThe Victims' Game (2020)Director : David Chuang, Kuan-Chung ChenScore : 9/10 (A+)#TheVictimsGame #Netflixและสามารถติดตามรีวิวภาพยนตร์และซีรีส์อื่นๆตามเพจนี้ครับ : https://www.facebook.com/allinmovieth/เครดิตรูปภาพจาก IMDB และ Netflix