สวัสดีครับเพื่อน ๆ วันนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำซีรี่ส์เกาหลีแนวพีเรียดอิงประวัติศาสตร์ที่เพื่อน ๆ บางคนอาจพลาดไปกับเรื่อง six flying dragon หรือชื่อภาษาไทย “6 มังกร กำเนิดโชซอน” เข้าฉายเมื่อปี 2016 ทางช่อง SBS เป็นซีรี่ส์พีเรียดอิงประวัติศาสตร์ มีทั้งช่วงชิงอำนาจ ชิงไหวชิงพริบ กลวิธีต่าง ๆ ที่ทำให้เราถึงกับ ว้าว!! มีวลีเด็ดถึงใจ ถ้าใครชอบแนวนี้บอกเลยว่าควรค่าแก่การดูอย่างมาก โดยเรื่องราวเล่าผ่านตัวละคร 6 ตัวที่แสดงเอกลักษณ์ได้อย่างชัดเจนและลงตัวผู้เขียนขอไม่พูดเรื่องย่อนะครับ เพราะเพื่อน ๆ สามารถหาได้ทั่วไป แต่วันนี้จะมาพูดถึงตัวละคร 6 ตัวที่สอดแทรกความหมายได้อย่างลงตัวและดีเยี่ยม ต้องขอชมผู้เขียนเรื่องนี้เลยว่าถ่ายทอดความหมายออกมาได้ประทับใจผมอย่างมาก (อาจมีสปอยบ้างต้องขออภัยด้วยนะครับ)1.อีบังวอน (นำแสดงโดยยูอาอิน) เป็นตัวละครที่เริ่มต้นด้วยความเชื่อมั่นในตัวบิดา ว่าเขาคือชายที่แข็งแกร่งที่สุดหรือจะเรียกอีกอย่างก็ไอดอลนั่นเอง แต่มาพบว่าความเชื่อนั้นไม่จริงเลย ทำให้ความเชื่อมั่นในหัวใจของเด็กน้อยได้พังทลาย เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เด็กน้อยที่ไร้เดียงสา หวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะมีอำนาจ ผู้เขียนชอบตัวละครนี้มาก เพราะได้เห็นการเติบโตของตัวละครที่ทำให้รู้ว่าตัวละครนี้มีเหตุผลของการมาถึงจุดนี้ อีบังวอนอยากทำให้ความฝันของคนรักและคนที่เชื่อว่าเขาจะทำให้ประชาชนมีรอยยิ้มได้ อีบังวอนหวังว่ามือคู่นี้จะเป็นมือที่สร้างความสุข แต่แล้วมือของเขาไม่ใส่สะอาดอีกแล้วแต่กลับเปื้อนเลือด ทำให้เป็นจุดพลิกพลันของการต่อสู้กับบิดา อาจารย์และการถอยห่างของคนรักหรือคนที่เชื่อใจเขา ในเนื้อเรื่องเปรียบเทียบความรู้สึกของบุนอีและมูฮยุลเหมือน "สายลมที่ไม่คยต่อต้านและก็ไม่ได้โอบกอดเขาเช่นกัน" เศร้าจัง คนที่รักเราแต่ไม่ชอบตัวตนที่เรากลายเป็น เลยไม่สามารถเดินร่วมทางกันได้ เป็นตัวละครที่จะบอกว่าเศร้าน่ะของการอยากทำให้คนรอบข้างยิ้มได้ แต่สุดท้ายคำว่า อำนาจ กลับกลืนกินเขาทำให้รอบกายเขาอ้างว้างเหลือเกิน2. จองโดจอนหรือซัมบง (นำแสดงโดยคิมมยองมิน) เป็นตัวละครที่บอกเลยว่าจุดยื่นของเขาต่อโลกนี้ไม่มีผู้ใดสั่นคลอนได้ เขามีปนิธานแน่วแน่มาตลอดว่าจะสร้างโลกของเขาออกมาแบบไหน เขาเป็นตัวแทนของการบัณฑิตที่ฝันถึงกษัตริย์ที่ปราศจากมือเปื้อนเลือด จึงทำให้เกิดความไม่พอใจต่ออีบังวอนผู้ที่อยากเป็นคนทำความฝันของอาจารย์เป็นจริงด้วยมือของเขา แต่มือเขากลับไม่สะอาดเสียแล้ว ทำให้การต่อสู้ระหว่างศิษย์และอาจารย์ถึงขั้นแตกหัก คนที่มีจุดยื่นแน่วแน่กับคนที่อยากเป็นคนทำให้ฝันอาจารย์เป็นจริง ผู้เขียนรู้สึกหน่วง ๆ กับความรู้แบบนี้ของสายสัมพันธ์ของทั้งคู่ คนที่ผ่านอะไรด้วยกันตั้งแต่ต้น ปลายทางที่เรามองมาด้วยกันแต่เราไม่สามารถไปถึงปลายทางด้วยกันได้ เพราะปลายทางเดินได้แค่คนเดียว ผู้เขียนมีบทสนทนาถึงความฝันของซัมบงทำนองว่า "อยากทิ้งผลงานของตนเองไว้มากกว่าทิ้งชื่อของตัวเองไว้ในประวิติศาสตร์" แล้วความฝันของเขาก็เป็นจริง3. พระเจ้าแทโจหรืออีซองกเย (นำแสดงโดยชอนโฮจิน) เป็นบิดาของอีบังวอนเป็นนักรบมาตลอดทั้งชีวิต ไม่เคยฝันถึงอำนาจแม้แต่น้อยเป็นคนใจถึงใจตามแบบนักรบ แต่แล้วจุดเปลี่ยนก็มาถึงทำให้เขาผู้ที่ไม่เคยนึกภาพตัวเองเป็นกษัตริย์มาก่อน เมื่อเขาเข้ามาในห่วงของอำนาจ ทำให้เขามิอาจถอนตัวได้เสียแล้ว มีแต่ต้องก้าวไปข้างหน้าโดยยุทธศาสตร์ของซัมบง เพราะตัวเขาเป็นนักรบมาก่อนมิใช่นักปกครอง ผู้เขียนรู้สึกว่าตัวละครเป็นบุคคลที่มีหัวใจที่อยากทำให้ประชานชนกินอิ่มนอนหลับได้อย่างหายห่วง แต่ขาดซึ้งประสบการณ์ของการปกครอง4. บุนอี (นำแสดงโดยชินเซคยอง) เป็นตัวละครที่เป็นคนรักด้วยใจจริงต่ออีบังวอน มีใจผูกพันธ์ด้วยกันมายาวนาน บุนอีเป็นสาวชาวบ้านธรรมดาที่ฝันถึงโลกที่ปราศจากการการกดขี่ของผู้มีอำนาจ บุนอีเป็นตัวแทนของผู้นำของประชาชนที่ต่อสู้เพื่อคนของตัวเอง เขาเป็นตัวแทนของประชนโดยแท้ แต่แล้วคนที่เขารักและนับถือกลับต้องต่อสู้กัน แต่เขาต้องเลือกคนของตัวเองที่ฝากชีวิตไว้เป็นจำนวนมาก ผู้เขียนขอหยิบหยกการสนทนาของอีบังวอนกับบุนอี ทำนองว่า “เมื่อพระองค์คิดถึงหม่อมฉัน จงทำให้ประชาชนยิ้มได้ เมื่อประชาชนยิ้มได้มากเท่าไหร่ เท่ากับพระองค์คิดถึงหม่อมฉันมากเท่านั้น” ด้วยปณิธานที่เธอตั้งไว้ทำให้ไม่อาจทำตามความรู้สึก เศร้านะกับความรักที่มิอาจทำได้ตามใจมิอาจนำหัวใจนำทาง 5.มูฮยูล (นำแสดงโดยยุนคยูนซัง) เป็นตัวละครที่ซื่อ ๆ มีความฝันอยากเป็นนักดาบอันหนึ่ง แต่ด้วยที่เขาเป็นคนซื่อ ๆ จึงทำให้คนดูต้องมีรอยยิ้มเสมอเวลาเห็นเขา แต่แล้ววันหนึ่งมูฮยูลมารู้จักกับอีบังวอน พร้อมกับความฝันที่สอง คือ การรักษาร้อยยิ้มของประชาชน ที่มาจากมือของบังวอน มูฮยูลต้องการปกป้องรอยยิ้มเขาจึงปกป้องบังวอนด้วยความเชื่อของเขา จนกระทั้งความเชื่อของเขานั้นจากรอยยิ้มกลายเป็นความเจ็บปวด ทำให้เขาต้องถอยห่างจากความฝันที่สอง ตัวละครนี้ให้ความรู้สึกว่า “คนที่เรารักแต่ไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่เราทำได้”6.ตังเซหรือบังจี (นำแสดงโดยบยอนโยฮัน) เป็นพี่ชายของบุนอี ชายหนุ่มที่มีชีวิตรักแสนเศร้าปราศจากความฝันอันใด ไม่เชื่อถึงโลกที่ซังบงกำลังสร้าง ตังเซนักดาบที่ใช้ดาบในการปกป้องความฝันของน้องสาวและคนที่รัก ถึงเขาจะปราศจากความเชื่อ แต่น้องและคนรักมีความเชื่อเต็มเปี่ยมถึงโลกที่พวกเขาฝันถึง ตังเซจังอยากปกป้องความฝันเล่านั้น ตัวละครตังเซทำให้ผู้เขียนรู้สึกถึง “คนที่ไร้ความฝันแต่อยู่ด้วยความรักและการปกป้องผู้อื่น” แต่ความฝันที่จะปกป้องคนอื่นนั้นจะสำเร็จหรือไม่?บทความประทับใจจากซีรี่ส์คำพูดกิลเทมีที่กำลังจะถูกจับ กิลแทมีจึงพูดว่า “ข้าทำอะไรผิดนักหรือ ข้ากดขี่คนอ่อนแอจริง จะให้ข้าข่มแหงผู้มีอำนาจงั้นหรือ แต่ไหนแต่ไร จะพันปีก่อนหรือพันปีต่อมา ความจริงหนึ่งเดียวในโลกใบนี้ คือการที่ผู้มีอำนาจทำลายอ่อนแอ ผู้มีอำนาจต้องปล้นคนอ่อนแอ เป็นความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยน รีบมาจบเรื่องนี้เสียดีกว่า” พอได้ดูแล้วก็ทำให้ผู้เขียนพูดไม่ออกเหมือนกันนะบุนอีพูดกับตังเซผู้เป็นพี่ชายว่า "สำหรับประชาชนอย่างเรา การมีชีวิตรอดหมายถึงชัยชนะ" ก็จริงอย่างบุนอีกล่าวอีบังวอนสนทนากับซัมบัง หลังจากที่บังวอนหาเรื่องให้ซัมบงถูกส่งตัวไปหมิงซัมบง : องค์ชายกระหายอำนาจอีบังวอน :สิ่งที่ท่านทำคือการปกครอง แต่สิ่งที่ข้ากระทำคือกระหายอำนาจเช่นนั้นรึ...ข้าทำตามศิลปะการทูต คนที่ทำให้มีการบาดหมางกันกับหมิงคือท่าน ท่านบอกว่าจะก่อประเทศที่ซึ่งสงครามและภัยแล้ง แต่ท่านกลับซุ่มฝึกซ้อมกองทัพอยู่ร่ำไป และมันเป็นการยุแยงหมิงซัมบง : ความสัมพันธ์ของเราและหมิงจะถูกตัดสินในอีกอย่างน้อยร้อยปี การทูตเป็นเรื่องของดาบและทรัพย์สิน บางคราก็ต้องใช้ดาบ บางคราก็ต้องใช้ทรัพย์สิน การทูตคือทำให้มันไปต่อได้อย่างราบรื่น องค์ชายกำลังทำลายความราบรื่นตรงนั้น นี่ไม่ใช่แผนเพื่อไม่ให้ถูกยึดกองทัพไปเหรอ? ท่านคิดว่าท่านใช่การทูตเพื่อปกปิดความโลภส่านตัวหรือเปล่า?อีบังวอน : แล้วท่านไม่มีเลยหรือไง ความโลภน่ะ ใครก็ต่างมีความต้องการส่วนตัว และเป้าหมายใหญ่ที่มาจากความต้องการนั้น สุดท้ายความปรารถของผู้ชนะก็จะกลายเป็นเหตุผลอันชอบธรรมในการได้ปกครองประเทศซัมบง : ถ้าเช่นนั้นหนนี้กระหม่อมก็แพ้องค์ชายแล้ว แต่กระหม่อมยังไม่ได้เดินหมากเลยนิยามการเมืองของซัมบัง "การเมืองไม่ได้เป็นเรื่องดีหรือเลว แต่เป็นเรื่องของการให้เหตุผลว่าฝ่าอุดมคติไหนจะได้มีสิทธิ์ในการใช้ความคิดเห็นของตัวเองในการบริหารประเทศ ฝั่งไหนที่มีเหตุผลเข้าท่ากว่ากับการปูพิ้นฐานให้กับยุคต่อ ๆ ไป ซึ่งวิวัฒนาการของบ้านเมืองก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา"นอกจากการต่อสู้ทางการเมืองแล้ว การแตกหักของครอบครัว อาจารย์และจากคนกลางที่คนที่เรารักต้องแตกคอกันของ (อีจีรัน) ผู้เขียนอยากให้ผู้อ่านเห็นความน่ากลัวของสองพยางค์นี้คือคำว่า “อำนาจ” ทำให้เกิดการสูญเสียไม่ทางตรงก็ทางอ้อม เสียแม้กระทั้งคนรัก ครอบครัวและร้อยยิ้ม เสียตัวตนที่เคยเป็นซึ้งซีรี่ส์เปรียบเทียบของการเสียตัวตนของอีบังวอนได้อยากดี คือฉากที่อีโด ลูกของบังวอนเจอกับบุนอี ทำให้บุนอีคิดถึงชายที่บอกว่าจะไม่โดนกลืนด้วยกระแสแห่งอำนาจเด็ดขาด อีบังวอนคนนั้นหายไปแล้ว บุนอีจึงขอกอดอีบังวอนคนเก่า คนที่มุ่งมั่นจะทำเพื่อประชาชน โดยผ่านตัวละครวัยเด็กที่เคยแสดงเป็นบังวอน ซึ่งตอนนี้เป็นอีโดผู้เป็นลูก เป็นการตีบทสรุปของอำนาจได้อย่างลงตัว ทั้งเศร้าปนน้ำตาของการเดินทางที่แสนยาวนาน บทสรุปของการเดินทางนี้ของ "6 มังกรกำเนิดโชซอน" จะเป็นอย่างไร ใครแตกหักกับใคร ปลายทางของอำนาจใครจะได้ครอบครอง ใครที่เป็นสาวกของซีรี่ส์แนวอิงประวัติศารตร์การเมือง ห้ามพลาดนะครับ เครดิตภาพหน้าปก : จาก kseriesเครดิตภาพประกอบ : รูปที่ 1 /รูปที่ 2 /รูปที่ 3 /รูปที่ 4 /รูปที่ 5 /รูปที่ 6 /รูปที่ 7 /รูปที่ 8 /รูปที่ 9