เมื่อลมหนาวมาเยือน ท้องฟ้าสีครามสดใส ทุ่งหญ้านาข้าวเขียวขจีสิ่งที่สร้างความสุขให้ได้ชุ่มชื่นหัวใจคือการออกไปเดินทางท่องเที่ยวแม้เพียงหนึ่งวันก็สร้างความสุขและเติมพลังใจให้เราได้มากมายจะไปคนเดียว ไปเป็นคู่หรือไปเป็นครอบครัวก็ล้วนแต่สร้างความสุขให้เราทั้งนั้น“รถไฟ” หลายๆคนไม่ได้สัมผัส ไม่ได้นั่งมานาน บางคนก็ยังไม่เคยนั่งสักครั้งช่วงนี้ (พ.ย.64 – ม.ค.65) การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดบริการพิเศษ ขบวนรถไฟนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่หลายๆคนเรียกว่า “ขบวนรถไฟลอยน้ำ”วันนี้เรามีโอกาสได้ใช้บริการเลยมารีวิวให้ทุกคนชมดูเพื่อเป็นข้อมูลหรืออาจได้ประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย เริ่ม!!!รีวิวทริป “รถไฟลอยน้ำ” นั่งรถไฟเที่ยว กรุงเทพ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์กดตั๋ว : เราใช้ช่องทางออนไลน์ที่ www.dticket.railway.co.th สะดวกดี เลือกที่นั่งได้ **เรามีรูป Tips การเลือกที่นั่งให้ได้ดูวิวสวยๆแปะไว้ด้วย** เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน ตอนแรกก็ลองเข้าไปกดเล่นๆ เฮ้ย!มีที่ว่างอ่ะ เลยจัดการจองตามสเตป ได้โค้ดมาก็ไปชำระเงินและรับตั๋วที่สถานีรถไฟแถวบ้านเรา (เรานั่งรถพัดลมสนนราคาคนละ 330.-)เริ่มเดินทาง : เราเลือกขึ้นที่ สถานีรถไฟดอนเมือง ตามเวลาในตั๋วรถออก 06.50 น. (ถ้าขึ้นที่หัวลำโพง รถออก 06.00 น. รถมาช้านิดหน่อย ไม่ซีเรียส จะไปเที่ยวนิเครียดทำไม รถเข้าเทียบชานชาลา ขบวนอย่างยาว 10 กว่าโบกี้ มีเจ้าหน้าที่ประกาศเรียกชัดเจนว่าขึ้นตู้ไหน มีทั้งแอร์และพัดลม ระดับเรา นั่งพัดลม ชมวิว โผล่หัวได้ น่าจะเหมาะ รับแดดยามเช้าอ่อนๆ สบาย...ขึ้นไปบนรถไฟมีผู้โดยสารเยอะเลยที่ขึ้นมาจากต้นทางสถานีกรุงเทพ(หัวลำโพง) มีทุกเพศทุกวัย หนุ่มสาว สูงวัย เด็กน้อย มากันครบ เจี๊ยวจ๊าวดี แต่ขบวนนี้ตั๋วเป็นแบบระบุที่นั่ง ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีที่นั่ง รถออกจากดอนเมือง มุ่งหน้าปลายทาง โคกสลุง กินลมชมวิวไปเรื่อยๆ เลือกเสพกันตามสไตล์ จะพกหนังสือมาอ่าน จะจัดเพลย์ลิสต์มาฟังนั่งดูวิวก็ได้หมด ระหว่างจุดแวะสถานีต่างๆก็จะมีพ่อค้าแม่ค้าที่ทางการรถไฟคัดกรองแล้วขึ้นมาจำหน่ายอาหารเล็กน้อยจุดที่ 1 : จุดนี้ไฮไลท์เลย คือก่อนถึงปลายทางโคกสลุง จะต้องผ่านสถานีป่าสักชลสิทธิ์ก่อน ซึ่ง “รถไฟลอยน้ำ” จะเกิดขึ้นที่นี่ (ใกล้ถึงจะมีเจ้าหน้าที่ประกาศ) ซึ่งรถไฟจะวิ่งผ่านรางบนตอม่อที่อยู่ในเขื่อน สองข้างรางจะเป็นผืนน้ำกว้างไกลรถไฟจะหยุดตรงโค้ง ให้เราลงถ่ายภาพ แล้วจึงเคลื่อนตัวไปต่อที่สถานีโคกสลุงจุดที่ 2 : สถานีโคกสลุง รถไฟจะมาที่สถานีนี้เพื่อเปลี่ยนหัวรถจักร (ไปอยู่อีกด้านของขบวน) จึงมีเวลาให้เราพักดื่มน้ำ ซื้อขนม ของกินเล็กน้อย จากตลาดเล็กๆๆของชาวบ้านโคกสลุง พอเปลี่ยนหัวรถจักรเสร็จ จึงไปส่งเราที่สถานีป่าสักชลสิทธิ์อีกที เพื่อให้ท่องเที่ยวบริเวณเขื่อน จุดนี้มีเวลาให้เรา 3-4 ชั่วโมงในการพักผ่อนจุดที่ 3 : เที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีอะไรบ้าง ก็นั่งรถหนอนชมสันเขื่อนเพื่อไปไหว้พระ (คนละ30.-) นั่งเล่นซื้อของ OTOP บ้าง ล็อตเตอรี่บ้าง มีร้านอาหารบริการพอสมควร เมนูเด่นๆก็พวกปลาเผา ส้มตำ ขนมของฝากก็พวกเมล็ดทานตะวัน แต่ส่วนตัวว่าสถานที่อาจจะดูทรุดโทรมไปพอสมควร สาเหตุน่าจะมาจากปิดบริการไปนาน เพราะฉะนั้นอย่าคาดหวังเรื่องความสวยงามเรียบร้อยของอาคาร เราว่าไปดูน้ำดูเขื่อน นั่งรถกินลมก็คุ้มแล้ว นอกจากเที่ยวที่เขื่อนแล้ว ยังมีบริการรถตู้ออกไปท่องเที่ยว ทานอาหาร ชมทุ่งทานตะวัน รอบๆนอกเขื่อนด้วย (คนละ 60.-) บนรถไฟจะมีเจ้าหน้าที่แนะนำก่อนลงจากรถว่าไปไหนอย่างไรได้บ้าง แต่ที่เขื่อนเราไม่ได้เคลื่อนไหวมาก ร้อนนน แดดดโหดมากเดินทางกลับ : รถออกจากสถานี 15.30 น. เป๊ะๆ มาช้าไม่รอ หาทางกลับเองนะ ฝั่งที่เราเลือกนั่ง ขากลับก็จะได้เห็นโค้งน้ำกับขบวนรถไฟสวยๆอีกรอบ แถมแดดไม่ส่องด้วย ก็นั่งชมวิวยามบ่าย อีก2-3 ชั่วโมงก็มาถึงสถานีดอนเมืองโดยสวัสดิภาพจบการรีวิว!!!หมายเหตุ- ระหว่างทางมีวิวสวยๆแปลกตาคนเมืองให้เลือกเสพนั่งดูไปเพลินๆก็เจริญใจดี ทริปนี้เราเน้นชมวิวจริงๆเพลินมาก- สุภาพสตรีหรือใครที่ไว้ผมยาว **ควรจะรวบมัดให้เรียบร้อย** ไม่งั้นมันจะปลิวไปโดนผู้โดยสารท่านอื่นตลอดเวลา เพราะลมพัดตลอด- ที่เขื่อนลมแรงมาก จะถ่ายภาพตอนรถไฟวิ่ง ระวัง โทรศัพท์หรือกล้องให้ดี เดี๋ยวหล่นน้ำ- เจ้าหน้าที่บนขบวนรถบริการดีสุภาพเรียบร้อยยิ้มแย้มแจ่มใสครับทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย#รถไฟลอยน้ำ #รีวิว #นั่งรถไฟเที่ยว #รถไฟไทย#รฟท #SRT #การรถไฟแห่งประเทศไทย#เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์#PONYStreetWear#แบกเป้เที่ยว #วันเดียวทริป #OneDayTrip-รูปภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน-อัปเดตบทความท่องเที่ยวตามสถานที่อันหลากหลาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !