สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมารีวิวการไปเที่ยว มาเก๊า ฮ่องกง 3วัน2คืนแบบสั้นๆ แต่เราไปกับทัวร์นะคะ แล้วนี่ก็เป็นการไปกับทัวร์ครั้งแรกของเราด้วย ซึ่งราคาทัวร์ของเราอยู่ที่ 11,999 บาท ยังไม่รวมค่าทิปไกด์อีก 2,000 นอนโรงแรมระดับ 3 ดาว มีอาหารให้ 3 มื้อ น้ำให้คนละ 1 ขวดต่อวัน แล้วก็รวมค่าเดินทางแล้วนะคะ เราเลือกไปวันที่ตรงกับวันหยุด ซึ่งก็คือวันที่ 21-23 ตุลาคมที่ผ่านมา ถ้าเป็นวันอื่นราคาก็อยู่ที่ประมาณ 9,999 บาทเท่านั้น วันที่ 1นัดรวมตัวที่สนามบินตอนบ่ายโมง พอไปถึงก็แจ้งชื่อไกด์ของเรา ทางพนักงานก็จะเรียกเก็บค่าทิปไกด์ 2000 บาท เราจะได้สติกเกอร์ติดชื่อที่กระเป๋าที่เราต้องการจะโหลด จากนั้นก็ไปต่อแถวเช็คอินค่ะ (เราเดินทางโดยสายการบิน Thai lion air เอากระเป๋าเครื่องได้ 1 ใบน้ำหนัก 7 kg. และโหลดกระเป๋าได้ 15 kg.) เราบินไปลงสนามบินมาเก๊า ถึงที่นู้นรวมผ่านด่าน ตม ก็ประมาณ 3 ทุ่ม แต่โรงแรมคืออยู่ตรงข้ามสนามบินเลย เดินข้ามถนนก็ถึงแล้ว เพราะเวลาที่นั่นเร็วกว่าไทย 1 ชม คืนนั้นเลยกลายเป็นเที่ยวฟรีเดย์ไป ไกด์ก็แนะนำให้ไปทานข้าวที่ The londonner สามารถไปได้โดยรถบัสสายไหนๆ หรือถ้า Taxi ก็จะเริ่มต้นราคาที่ 19 MOP นั่งได้ 4 คน ซึ่งเราก็ตัดสินใจไป Taxi ค่ะ หารกับคนอื่น ไปถึงนู้นก็ตกคนละ 5 เหรียญ ซึ่งไม่แพงมากเท่าไร ที่หน้าโรงแรมเราจะเห็นหอนาฬิกา Big ben ขนาดใหญ่ที่จำลองมาจากเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งสวยมากๆ ฝั่งตรงข้ามจะมองเห็นหอไอเฟลจำลอง ซึ่งเป็นฝั่งโรงแรม The Parisian แล้วเราก็ขึ้นไปทานอาหารเย็นที่ The londonner food couse แล้วก็ไปเดินเล่นที่ The Parisian Macao โรงแรมสุดหรูที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะฝรั่งเศษ เราถ่ายรูป เดินเล่นก่อนจะกลับโรงแรม ขากลับนั่ง Taxi กลับโรงแรมเหมือนกันแต่ค่า Taxi ประมาณคนละ 11 เหรียญ (MOP) ซึ่งแพงกว่าขาไป จากนั้นก็รีบเข้านอนวันที่ 2วันนี้เราจะนั่งรถบัสข้ามไปเที่ยวฝั่งฮ่องกงเพื่อไปไหว้พระ ซึ่งไกด์นัดเราตอน 8.30 แต่ต้องลงมาทานอาหารเช้าก่อน ซึ่งห้องอาหารของโรงแรมเปิดตอน 7.30 เรานั่งรถบัสข้ามสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก (Hong Kong – Zhuhai – Macao Bridge) ประมาณ 1.30 ชมก็ถึงฮ่องกง แต่ติด ตม. ฮ่องกงนานมากๆ เกือบ 11 โมงครึ่ง จากนั้นถึงเดินทางไปวัดแรกซึ่งคือวัดหวังต้าเซียน (Wong Tai Sin Temple) วัดนี้จะเด่นเรื่องขอพรด้านสุขภาพ แล้วก็ขอเนื้อคู่จากเทพสุริยันจันทราด้วยการผูกด้ายแดงจากนั้นก็เราก็ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่วัดเจ้าแม่กวนอิมฮ่องฮำ(Kun Im Temple Hung Hom) ขึ้นชื่อเรื่องขอยืมเงินเจ้าแม่กวนอิม หากใครได้ตามที่ขอ ต้องกลับมาอีกครั้งเพื่อมากราบไหว้ขอบคุณ และเตรียมชุดไหว้ กระดาษเงิน กระดาษทอง ที่เปรียบเหมือนเงินที่เรานำมาคืนนั่นเองวันนั้นไกด์จอดรถให้ทานอาหารกลางวันที่ Tsim Sha Tsui Central ซึ่งจริงๆแล้วควรได้ไปเดินช็อปปิ้งที่ถนน Tsim Sha Tsui ย่านดัง แต่แพลนเปลี่ยนเพราะมีย่านนั้นมีกิจกรรมปั่นจักรยานและปิดถนน หลังจากกินเสร็จแล้ว ไปช็อปปิ้งที่ร้านจิวเวอรี่ ซึ่งเป็นข้อบังคับที่เราต้องแวะ แต่จะซื้อหรือไม่ก็แล้วแต่เราสำหรับวัดต่อไปที่เราไปกันนะคะก็คือ วัดแชกงหมิว (Che Kung Temple) วัดนี้เราไปไหว้เจ้าพ่อแชกงเพื่อขอพร และหมุนกังหันเปลี่ยนชีวิต โดยให้ใช้มือซ้ายหมุนด้านซ้ายไปขวา แต่ถ้าชีวิตดีอยู่แล้วก็ให้หมุนกังหันกลับจากขวาไปซ้าย จากนั้นตีกลอง3 ครั้งเพื่อให้ฟ้าดินรับรู้ ตอนนี้เริ่มมืดและอากาศเริ่มเย็นแต่เรายังมีอีกวัดที่เราต้องไปสักการะ ซึ่งก็คือ วัดเจ้าแม่กวนอิม ริมทะเล ทินหัว อ่าวรีพัลส์เบย์ (Tin Hau Temple Repulse Bay) ที่นี่มีเทพเจ้าหลายองค์ มากมาย นอกจากเจ้าแม่กวนอิมปางประทานพรแล้ว ยังมีเจ้าแม่ทับทิมที่ช่วยปกป้องภัยอันตรายจากการเดินทาง เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย เทพเจ้าประทานโชคลาภ และความมั่งมีเงินทอง ความร่ำรวย โดยให้ใช้แบงค์100บาทไทย ลูปที่เคราขององค์เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยตั้งแต่ด้านบนลงมาด้านล่าง แล้วมาสิ้นสุดที่ถุงใส่เงินที่บริเวณที่แล้วให้เราเก็บแบงค์นั้นไว้ห้ามใช้ พระสังกัจจายน์โพธิสัตว์ ที่ให้คนที่อยากมีลูกมาพร โดยการลูบที่ท้องของพระสังกัจจายน์ เทพสุริยันจันทรา เทพเจ้าแห่งความรัก ให้เรามาขอพรความรัก ไฮไลท์อีกอย่างคือสะพานต่ออายุ คือสะพานสีแดงตั้งอยู่บนริมหาด คนจีนเชื่อว่าหากเดินข้ามสะพานนี้ เราจะมีอายุยืนขึ้นอีก 3 วัน ( 3 วัน บนสวรรค์ = 3 ปี บนโลกมนุษย์) โดยให้ ก้าวเท้าซ้ายเดินขึ้นสะพาน แล้วเดินข้ามไปยังอีกฝั่ง เมื่อข้ามไปแล้ว ห้ามเดินกลับทางเดิมเด็ดขาด ต้องเดินอ้อมไปอีกทางเพื่อกลับมาทางเดิม นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นเทพเจ้าอีกหลายองค์ให้เราได้ชื่นชม ซึ่งเราก็บรรยายไม่หมด เพราะเยอะมากจริงๆ จากนั้นไกด์พาไปดู Symphony of Lights การแสดงแสงสีเสียงที่มีชื่อเสียงของฮ่องกงที่ Tsim Sha Tsui waterfront แต่ยืนรอจนถึงสองทุ่มครึ่งก็ไม่ได้ดูค่ะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมวันนั้นถึงเลท พวกเราเลยต้องรีบไปที่อื่นต่อค่ำคืนนั้นจบลงที่การช็อปปิ้งและทานข้าวเย็นที่ Silvercord ซึ่งมี Shop มากมายให้เลือกซื้อ แต่เราก็ไม่ได้ซื้ออะไรมากมาย แต่แอบถูกใจร้านเครื่องสำอาง Sasa เพราะรู้สึกว่าน้ำหอมและมาร์กสหน้าถูกมากๆ รวมไปถึงสกินแคร์แบรนด์เกาหลี หลายๆแบรนด์ด้วย คืนนั้นกว่าจะเดินทางกลับถึงมาเก๊าละเข้านอน ก็ดึกมากๆค่ะ คือเป็นการเที่ยวในหนึ่งวันที่กิจกรรมแน่นมาก เหนื่อยล้าสุดๆ แต่ก็คุ้มค่ามากสำหรับเรา วันที่ 3 (วันสุดท้าย)วันนี้ไกด์ให้ตื่นสายได้นิดหน่อย แต่ยังไงห้องอาหารก็เปิดตอน 7 โมงครึ่งเหมือนเดิม แล้วแต่ว่าใครจะอยากตื่นมากินตอนไหน วันนี้เราจะเที่ยวมาเก๊า และกลับไทยกันตอนเย็นสถานที่แรกที่ไปก็คือวัดเจ้าแม่กวนอิม (Kun Iam Temple) วัดที่เก่าแก่ที่สุดในมาเก๊าผู้คนนิยมมาไหว้ขอพรให้มีความสงบสุขและโชคดี รวมถึงการทำพิธีศักดิ์สิทธิ์เสริมสิริมงคลเรื่องเงินทองนั่นเองจากนั้นไปโบสถ์เซนต์พอล (Ruins Of Saint Paul's) เป็นซากโบสถ์ที่ถือว่าเป็นเป็นสัญลักษณ์ของมาเก๊าเลย ใครไม่มาพลาดมาก แต่วันที่ไปคือร้อนมากๆ และนักท่องเที่ยวเยอะมาก และไกด์ก็ขอถ่ายรูปกรุ๊ปทัวร์เก็บไว้เป็นที่ระลึก และจากโบสถ์เราก็จะเดินไป Senado Square ได้เลย ระหว่างทางเป็นไปด้วยร้านของฝาก และทาร์ตไข่ ซึ่งราคา 10 MOP เท่านั้น ถูกกว่าใน The Parisian ซึ่งราคา 12 MOP ต่อชิ้น และเราก็ยังเห็น St. Dominic's Church หรือโบสถ์เซนต์ดอมินิก สีเหลือง เป็นโบสถ์ที่ตั้งอยู่ในกลางเซนาโด้สแควร์ ถูกสร้างขึ้นโดยชาวโปรตุเกสและสเปน ไกด์ก็จะให้เราหยุดถ่ายรูปเช็คอินตรงนี้อีกหน่อย ก่อนจะพาไปทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร ซึ่งเราจำชื่อไม่ได้ มื้อนี้เป็นอาหารฟรีที่มากับทริปหลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ไกด์ก็พาเราไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมปางริมทะเลของมาเก๊า (Kun Iam Statue) เป็นเจ้าแม่กวนอิมปรางยืนที่หันหน้าเข้าฝั่งและหลังให้ทะเล ว่ากันว่าความแตกต่างของพระแม่กวนอิมองค์นี้ คือมีหน้าตาเหมือนพระแม่มารี ถือเป็นจุดศูนย์กลางของมาเก๊าอีกแห่งจากนั้นพวกเราไปวัดอาม่า (A-Ma Temple) ที่นี่มีค่าธูปในการไหว้ 28 Mop แล้วเราก็ทำบุญไปอีก 2 Mop ผู้คนนิยมมากราบไหว้ขอพรเรื่องหน้าที่การงาน การเงิน และความเป็นสิริมงคล และวัดอาม่ายังเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของมาเก๊าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกอีกด้วยและที่สุดท้ายที่ไกด์พาเราไปก่อนจะกลับ ก็คือ The Venetian Macau แลนด์มาร์กอีกแห่งของมาเก๊า ไกด์พาเรามาเป็นที่สุดท้ายเพื่อให้ช็อปปิ้ง และทานอาหารเย็นซึ่งใครจะไม่ทานก็ได้ เราเลือกขึ้นไปหาไรกินที่ Venetian Macao Food Court ชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นที่มีท้องฟ้าจำลอง และล่องเรือกอนโดล่าสไตล์อิตาลี แต่เราไม่ได้ล่อง แค่ไปถ่ายรูปก็คุ้มแล้ว เพราะสวยมากๆ ไกด์ให้เราเดินช็อปปิ้งที่นี่จนถึงประมาน 16.30 ก่อนจะพากลับโรงแรมเพื่อแพ็คของใส่กระเป๋า และนำพวกเราไปสนามบินไฟลท์บินของพวกเราคือตอน 20.40 และบินถึงไทยประมานสี่ทุมครึ่งกว่าๆ ที่ดอนเมือง แต่รอกระเป๋านานมาก แต่ไกด์ก็อยู่ส่งลูกทัวร์ทุกคนจนได้กระเป๋าครบ แล้วแยกจากกัน ซึ่งระหว่างทริปไกด์ก็จะช่วยถ่ายรูปให้ทุกคน และสร้างอัลบั้มไว้ในกรุ๊ปไลน์จบแล้วค่ะสำหรับการรีวิวไปเที่ยวฮ่องกงมาเก๊า 3 วัน 2 คืนกับทัวร์ ซึ่งจริงๆ เหมือน 2 วัน 2 คืนมากกว่า แต่ถึงจะเวลาน้อยก็ได้เที่ยวครบตามแพลน แต่อาจจะเหนื่อยล้านิดหน่อย สำหรับคนที่ชอบเที่ยวชิวๆ ไม่เร่งรีบก็อาจจะไม่เหมาะกับการมาเที่ยวแบบนี้ แต่ข้อดีอีกอย่างของการมากับทัวร์ก็คือเราไม่ต้องกังวลกับเรื่องการเดินทาง ไม่ต้องกลัวหลง ค่าใช้จ่ายตรงนี้รวมไปกับค่าทริปแล้ว และมีอะไรก็บอกและถามไกด์ได้หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นข้อมูลช่วยในการตัดสินใจของคนที่อยากมาเที่ยวฮ่องกง มาเก๊าได้นะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ ;)รูปภาพหน้าปกและรูปถ่ายโดยผู้เขียน (Canvas&Meitu)เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !