วินาทีนี้หากพูดถึงฝุ่น PM 2.5 คงไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่เคยได้ยินฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอนที่ทำให้การดำรงชีวิตยากลำบากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าCredit By sarakadee.comผู้เขียนได้รวบรวมเรื่องราวตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างละเอียดครอบคลุมในหลายแง่มุม ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่กล่าวโทษธรรมชาติในการผลิตฝุ่นละอองเหล่านี้ออกมา อันที่จริงแล้วฝุ่นละอองเหล่านี้ล้วนแต่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ที่สนใจแต่การหาผลประโยชน์ โดยไม่คำนึงถึงความเลวร้ายของสภาพแวดล้อมที่จะตามมา ในขณะที่ชาวบ้านต้องทำมาหากินเพื่อความเป็นอยู่ของอีกหลายปากท้องในครอบครัว มนุษย์เห็นแก่ตัวเหล่านี้จึงมองเห็นช่องว่างในการเอาเปรียบธรรมชาติโดยใช้ชาวบ้านเป็นเครื่องมือ เมื่อมีเงินเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปัญหาถูกขับเคลื่อนไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ปัญหาจึงแตกแขนงและฝังรากลึกลงไปจนเรียกว่าแทบจะเกินเยียวยาCredit By ArtTower@pixabay.comเหล่าคนที่ตื่นตัวเริ่มมีการรณรงค์หาหนทางปกป้องตนเองจากฝุ่นมรณะแต่ทว่าทุกคนล้วนสนใจป้องกันที่ปลายเหตุของปัญหาเปรียบเสมือนวัวหายแล้วจึงล้อมคอกมีคนเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ตระหนักถึงต้นตออันแท้จริงว่าฝุ่นมรณะเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไรวิธีการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศของเหล่านานาประเทศทั่วโลก ที่ผู้เขียนหยิบยกมาเป็นตัวอย่าง เช่น สหรัฐอเมริกากระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ rideshare กันอย่างจริงจัง เยอรมนีออกแบบทางจักรยานและถนนที่เอื้อต่อรถประจำทางมากกว่ารถยนต์ส่วนบุคคล หรือสเปนจำกัดจำนวนรถยนต์ที่วิ่งเข้าไปในเขตควบคุมคุณภาพอากาศ ฯลฯ ได้แต่หวังว่าตัวอย่างเหล่านี้ประเทศไทยจะนำมาปรับใช้เพื่อลดค่าฝุ่น PM 2.5 ให้อยู่ในระดับที่เป็นมิตรต่อสุขภาพประชาชนCredit By Saiho@pixabay.comเรื่องเด่นประจำฉบับที่ 420 ไม่ได้มีเพียงการลงลึกเจาะถึงต้นตอของปัญหาฝุ่น PM 2.5 เพียงเท่านั้น ยังพูดถึงโรคอุบัติใหม่จากไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 และความหายนะที่มาพร้อมกับความสว่างไสวในยามค่ำคืน เมื่ออ่านแล้วจะรู้ว่าเนื้อหาที่อัดแน่นและเข้มข้นภายในนิตยสารฉบับนี้เทียบไม่ได้กับเงิน 120 บาทที่เสียไป