ในเรื่องราวของความรักครับ บางครั้งมันก็ไม่ได้มีแค่เรื่องราวของคนสองคนที่รักกัน มันยังมีเรื่องราวของคนสองคนต้องเลิกกันด้วย แต่ก็ยังต้องคงไว้ซึ่งความเป็นครอบครัวครับ สวัสดีครับทุกคนตัวผมครับมีโอกาสได้ไปดูสุดยอดหนังแห่งปีอีกหนึ่งเรื่องมา อย่าง Marriage Story นั่นเองครับ ที่ผมพูดอย่างนั้นเนี่ยก็เพราะว่าหนังเรื่องนี้ครับ ได้อยู่ใน List หนังที่ชอบของปีที่ผ่านมาไปอีกหนึ่งเรื่องแล้ว โดยหนังเรื่องนี้ครับกำกับและเขียนบทโดย Noah Baumbach และแสดงนำโดย Adam Driver ครับ เเละ Scarlett Johansson Black widow แห่ง Marvel นั่นเองครับ ทั้งคู่ครับจะต้องมาเล่นเป็นคู่สามีภรรยาที่กำลังจะต้องหย่าร้างกัน แต่ด้วยความที่มีลูก 1 คนต้องดูแลครับทำให้ทั้งสองครับต้องยังคงซึ่งความเป็นครอบครัวนั่นเอง แม้กำลังจะอยู่ในช่วงหย่ากันก็ตามครับ หนังจะพาเราไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวนี้ตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาตัดสินใจหย่ากัน สิ่งแรกที่อยากจะพูดถึงเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ก็คือบทของหนังที่ดำเนินไปอย่างช้า ๆ เรื่อย ๆ แต่คุณครับจะได้สัมผัสกับความรู้สึกในทุก ๆ ฉาก ในนั้นมีความรู้สึกที่หลากหลายมาก ๆ จนเราถึงขั้นอาจจะหายใจไม่ทั่วท้องเลยล่ะครับ ส่วนต่อมาก็คือ บทพูดของหนังครับ มันอาจจะแปลกไปจากหลาย ๆ เรื่องที่เคยดู ส่วนตัวต้องขอบอกก่อนว่าเป็นคนที่ชอบหนังที่มีไดอะล็อกที่เข้มข้น แต่เรื่องนี้ครับทุกอย่างนั้นดูสมจริงมาก ๆ มันเหมือนกับคำพูดที่ไม่ได้อยู่ในหนังครับ มันเหมือนคำพูดในชีวิตจริง มันเหมือนสิ่งที่คนคน ๆ นึง รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ แล้วเขาจะพูดออกมาครับ และด้วยบทกับไดอะล็อกที่สุดยอดแบบนี้นะครับ มันจะไม่มีค่าอะไรเลย ถ้านักแสดงไม่สามารถสื่อมันออกมาได้อย่างเหมาะสมแล้วก็พอดีนั่นเองครับ ซึ่งทั้ง 2 คนครับ เขาทำได้อย่างไรที่ติ ทั้ง Scarlett Ingrid Johansson ครับ ที่แม้ว่าเราจะคุ้นชินกับบทบาท Action ของเธอแต่จริง ๆ แล้ว เธอก็เป็นนักแสดงสายดราม่าตัวยงอีกคนหนึ่งเช่นเดียวกันครับ และเรื่องนี้ครับก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เธอทำได้อย่างยอดเยี่ยม ใครที่เป็นแฟนคลับของเธอไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง แต่การที่ได้เห็นรายชื่อ Adam Driver ถูกเสนอชื่อเข้าชิงในสาขานักแสดงนำชายก็เป็นสิ่งที่ผมนั้นเดาได้ทันทีเลยครับ ตั้งแต่ที่ดูหนังเรื่องนี้จบ ถ้าคุณยังจำภาพเขาจาก Kylo Ren จาก Star Wars และคิดว่าไอ้หมอนี่จะเล่นหนังเรื่องอื่นได้ไหม อยากให้คุณลองดูเรื่องนี้จริง ๆ ครับ ตลอดทั้งเรื่อง การแสดงของเขามันช่างสมจริงแล้วก็ทรงพลังมาก ๆ ครับ ไม่ว่าคุณจะดูหนังเรื่องนี้สนุกหรือไม่ก็ตาม สิ่งหนึ่งที่คุณจะปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ชายคนนี้ครับเขาแสดงได้ดีมากจริง ๆ ใครที่ชื่นชอบนะครับที่จะดำดิ่งไปกับความรู้สึกของตัวละครภายในเรื่อง เรื่องนี้เหมาะกับคุณครับ ผมนี่ถึงขั้นอยากจะดูหนังเรื่องอื่น ๆ ของเขาเลยทีเดียวครับหลังจากดูหนังเรื่องนี้ แต่ชมกันมาเยอะขนาดนี้เนี่ยก็มีข้อระวังนะครับสำหรับการดูหนังเรื่องนี้ก็คือ ถ้าคุณไม่ได้ชอบหนังที่เน้นบทพูดครับ ดูเรื่อย ๆ ไม่ได้มีจุดพีค คุณอาจจะไม่ชอบหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ครับ ดังนั้นสำรวจตัวเองก่อนนะครับว่าเราเหมาะสมกับหนังเรื่องนี้อย่างที่ผมบอกหรือไม่ ถ้าไม่ก็ข้ามไปก็ได้ครับ แต่ถ้าเกิดว่าคุณอยากจะลองเปิดใจกับหนังแนวนี้ครับ เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมขอแนะนำเลย ส่วนใครที่ชอบแนว ๆ นี้อยู่แล้วครับก็ห้ามพลาดเลยทีเดียว สรุปครับ หนังเรื่องนี้จะพาคุณไปดูเรื่องราวความรักที่คุณอาจจะไม่เคยดูหรือเห็นในหนังเรื่องอื่น ๆ มาก่อนครับ มันถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างเป็นมนุษย์สุด ๆ แล้วนะครับเพราะคนเราบางครั้งก็เลิกกันครับ ทั้ง ๆ ที่ยังรักกันอยู่ บางครั้งก็ต้องอยู่ด้วยกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รักกันแล้ว มนุษย์เราเนี่ยไม่ได้มีแค่รักกับไม่รักครับ มันมีเหตุผลมากมายที่ทำให้คนคู่นึงเนี่ย เขารักกันหรือว่าเลิกกันนั่นเอง ส่วนตัวเรื่องนี้เนี่ยผมให้เต็ม 10 เลยล่ะครับ ผมอยากจะให้มองว่าปีที่ผ่านมาครับ มันเป็นปีที่ดีมาก ๆ ของคนที่ชอบดูหนังอย่างผมครับ ส่วนตัวก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกันว่า ได้ดูหนังที่ชอบเยอะขนาดนี้ใน 1 ปีเนี่ย มันนานขนาดไหนแล้วนะครับ ดังนั้นผมขอยกให้ปี 2019 ที่ผ่านมาครับเป็นปีที่มีหนังดีเยอะมาก ๆ อีก 1 ปีแล้วกันครับ และผมก็รู้สึกดีใจที่ได้ดูเกือบทุกเรื่องนั่นเองครับ หนังเรื่องนี้จะดีจริงอย่างที่ผมบอกหรือเปล่า จะเจ็บปวดแล้วก็สวยงามในเวลาเดียวกันได้ขนาดนั้นหรือไม่ ไปพิสูจน์ด้วยตาของคุณเองครับ กับ Marriage Story ทาง Netflix ครับขอขอบคุณภาพประกอบทั้งหมดจาก Official Trailer Youtube