Movie ReviewSingle in Seoul (2023)หนังรักที่มีดีทีความพอดีและน่ารัก มาพร้อมเคมีที่ลงตัวของ "อีดงอุค" และ " อิมซูจอง" ทำให้มีเสน่ห์ที่ดูแล้วอาจตกหลุมรักถ้าเอ่ยถึงเรื่องความรักหรือการตกหลุมรักก็นับว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจยากหากจะทำความเข้าใจอาจเพราะความรักสามารถแปรผันได้จากอารมณ์และความรู้สึกของคนที่เป็นเหยื่อของมัน กระนั้นเรื่องความรักและการตกหลุมรักนับเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่สุดในสากลโลกเพราะเชื่อเถอะว่าในชีวิตหนึ่งของมนุษย์ไม่มีทางที่จะไม่โดนความรักเล่นงานไม่ว่าใครก็ตาม จะเป็นชนชั้นสูงศักดิ์หรือคนต่ำต้อยที่สุดในวงจรห่วงโซ่ของกลไกสังคมทุกคนล้วนต้องเผชิญกับความรักและการตกหลุมรักเรื่องความรักและการตกหลุมรักจึงเป็นเรื่องหลักที่สามารถเอามาเล่าในทุกรูปแบบ เช่นกันโลกนี้มีหนังรักมากมายที่เล่าเรื่องความรักและการตกหลุมรักแต่จะมีสักกี่เรื่องที่เล่าเรื่องความรักได้ธรรมดาสามัญไม่มีบีบคั้นปล่อยให้ความรักทำหน้าที่ของมันเงียบๆ จนเมื่อรู้ตัวอีกทีหัวใจบางดวงได้ถูกความรักเกาะกุมไปเรียบร้อยซึ่งเรื่องแบบนี้มันคือเรื่องที่สามารถเกิดกับใครก็ได้และประชากรส่วนใหญ่ในโลกอาจเป็นคนธรรมดาเป็นชนชั้นกลางที่สามารถพบเจอได้ทั่วไป การทำให้หนังรักโดนใจอาจต้องเล่าเรื่องที่ธรรมดาสามัญเรียบง่ายแต่โดนใจไม่รู้ตัวแบบเรื่องนี้จูฮยอนจิน (อิมซูจอง) คือบรรณาธิการสำนักพิมพ์ที่มีโครงการหนังสือชุดชีวิตโสตในเมืองใหญ่แต่มีปัญหานักเขียนที่เขียนเรื่องชีวิตโสดในกรุงโซลแต่ดันไม่โสดอีกต่อไปเข้าให้ เมื่อหานักเขียนที่จะมาเขียนเรื่องชีวิตโสดหรือการใช้ชีวิตคนเดียวในกรุงโซลไม่ได้ประธานสำนักพิมพ์จึงแนะนำอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงจากการแชร์การใช้ชีวิตโสดในกรุงโซลในโซเชียลมีเดียมาให้ และโปรไฟล์ก็ไม่ใช่เล่นเมื่อเขาเป็นครูสอนพิเศษวิชาวรรณกรรมจูฮยอนจินจึงได้พบกับพัคยองโฮ (อีดงอุค) และเขาคือรุ่นพี่ของจูฮยอนจิน ในขณะที่พัคยองโฮมีความสุขกับชีวิตโสดและการอยู่คนเดียวแต่จูฮยอนจินกลับเป็นตรงข้ามเพราะเธอเฝ้ามองหาผู้ชายในฝันแต่ก็ฝันสลายเรื่อยมา แล้วเมื่อการได้ทำงานร่วมกันระหว่างนักเขียนกับบรรณาธิการก็ปรากฎความจริงออกมาว่าที่พัคยองโฮต้องใช้ชีวิตโสดอย่างมีสุขเป็นเพราะความเจ็บปวดจากรักแรกกับจูอ๊ก (อีซม) และเมื่อหนังสือกำลังจะได้ตีพิมพ์รักแรกที่ว่ามานั้นก็ตามมาหลอกหลอนพัคยองโฮจนเขาคิดได้ว่าเวลาที่ผ่านมากับจูฮยอนจินได้ทำให้มีบางอย่างก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา มีดีที่ความพอดีไม่ขาดไม่เกินทำให้ไม่ล้นไม่เลี่ยน เพราะนี่คือหนังรอมคอมและนี่คือหนังรักในแบบเกาหลีที่ถ้านึกไม่ออกลองย้อนกลับไปนึกถึงหนังรักเกาหลีเก่าๆที่เข้ามาในบ้านเรายุคแรกๆ นั่นคือการเล่าเรื่องจะเรียบดราม่าแฝงไม่บีบคั้นแรงเร้าบทมีภาพยนตร์ที่ดีมากำกับเลยมีจุดประสงค์และเป้าหมายชัดที่จะเป็นซึ่งอาจต่างจากหนังเกาหลีใหม่ๆที่บางครั้งดราม่าที่แฝงไว้จะโดดออกมาจนดูล้น หรือบางครั้งก็พยายามขายความฟินความจิ้นด้วยภาพหรือเพลงและบรรยากาศที่เร้าอารมณ์จนออกมาดูเลี่ยนบ้างด้วยความหวานออกมาจัดเกินไป แต่หนังเรื่องนี้มีจุดหมายเดียวคือคนที่คิดว่าตัวเองมีความสุขในความโสดแต่แท้จริงแล้วไม่หรือเพียงเพื่อรอพบคนที่ใช่เท่านั้น บทหนังจึงชัดเจนที่จะเล่นง่ายๆคือคนหนึ่งคนที่มีแผลใจจากรักแรกแล้วประชดความรักด้วยความพยายามไม่มีรักแล้วก็มาพบรักกับความใสซื่อ และสิ่งที่เป็นคือบทหนังไม่พยายามแตกประเด็นไม่เน้นดราม่าแฝงไว้ข้างหลังหนังจึงออกมาพอดีไม่มีขาดเพราะอะไรที่ควรมีในหนังแนวนี้ก็มีจนดูแล้วยิ้มได้ทั้งเรื่อง ส่วนสิ่งที่ดีที่สุดคือไม่มีเกินเพราะไม่พะวงดราม่าและไม่หวานจนเลี่ยนแต่ปล่อยให้ความรู้สึกของตัวละครพาความรู้สึกของคนดูไปอย่างมีจุดหมายเล่าเรื่องความรักและการตกหลุมรักได้ธรรมดาสามัญทำให้รู้สึกถึงการก่อตัวขึ้นข้างในมากกว่าจงใจเร่งเร้า เพราะเป้าหมายของเรื่องชัดการเล่าเรื่องเลยโฟกัสได้ถูกที่กับเรื่องความรักที่เป็นเรื่องธรรมดาของโลก เพราะความรักต่อให้คุณไม่แสวงหาหรือพยายามปฏิเสธมันมันก็จะเข้ามาหาอยู่ดีและหนังเรื่องนี้ฉายภาพความรักที่ก่อตัวข้างในโดยไม่รู้ตัว นั่นคือความรักที่ก่อตัวผ่านความรู้สึกที่มาจากการใช้ชีวิตบางช่วงร่วมกันและในที่นี้คือการทำงานร่วมกันทำให้เรียนรู้ในบางแง่มุมซึ่งกันและกัน เพราะชีวิตจริงบางครั้งก็เป็นแบบนี้คือใช้ชีวิตไปเรื่อยๆธรรมดาๆเป็นปกติสุขของตัวเองแต่แล้วเมื่อมีอะไรบางอย่างขาดหายไปก็กลายเป็นรู้สึกผิดปกติ หนังเลือกที่จะไม่ใช่จุดเปลี่ยนใดๆมาทำให้เห็นภาพความรักของพระนางแต่เลือกให้ไปเรื่อยๆแล้วค่อยๆเห็นอาการที่เปลี่ยนไปสายตาที่เปลี่ยนไปที่จับต้องได้ถึงความโหยหา เพราะนี่ไม่ใช่รักครั้งแรกไม่ใช่รักใสๆในวัยรุ่นแต่เป็นความรักที่ก่อเกิดจากข้างในโดยที่ไม่รู้ตัวของคนที่มีวุฒิภาวะแต่อยู่ดีๆความรักก็เข้ามาเกาะกุม ซึ่งนั่นอาจทำให้หนังไม่ใช่งานที่เร่งเร้ารุนแรงไม่บีบคั้นทางอารมณ์แม้ว่ารักแรกจะเป็นปัจจัยของรักครั้งใหม่แต่เลือกเล่าในทางสวยงามมากกว่า สุดท้ายก็กลายเป็นว่าความรักคือสิ่งที่มนุษย์ขาดไม่ได้เพราะในที่สุดก็จะเจอกับรักดีๆในชีวิตด้วยเคมีที่ลงตัวของนักแสดงทำให้ดูมีเสน่ห์และน่ารักทั้งตัวเรื่องและตัวละคร สิ่งที่ผู้เขียนชอบมากทุกครั้งในหนังแบบนี้ที่พระเอกหล่อปานเทพบุตรแต่นางเอกดูกระเซอะกระเซิงชีวิตยุ่งเหยิงแบบนี้คือการทำให้คนสวยดูเปิดเปิงจนเพิ้ง ซึ่งเรื่องนี้ด้วยความที่จะเล่นเรื่องความรักที่ก่อตัวโดยไม่รู้ตัวเสน่ห์จึงต้องออกมาจากข้างในแล้วที่เจ๋งคือการจับเอาอิมซูจองมาเพิ้งได้อย่างน่ารัก กระนั้นเมื่อความเพิ้งมาเพื่อให้พระเอกเบ้าหน้าเทพเจ้ากรีกตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัวยังไงก็ต้องฉายเสน่ห์ออกมาและเสน่ห์ที่ว่าก็คือความน่ารักแบบเพิ้งๆนั่นเองที่ต้องชมการออกแบบตัวละครที่อาจไม่ใหม่แต่ก็จับจุดเด่นของนักแสดงมาใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนอีดงอุคนั้นที่กลายเป็นเหยื่อของความรักมีมิติทั้งน่าสงสารและน่ารักไปในตัวที่สำคัญการได้เข้าคู่กับนางเอกที่ดูเพิ้งกระเซอะกระเซิงกลับไม่ดูขัดตา ซึ่งเมื่อได้ดูจะเห็นความเข้ากันดีอย่างน่าทึ่งและแนะนำให้สังเกตสายตาที่อีดงอุคมองอิมซูจองให้ดีเพราะอีดงอุคสามารถใส่ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปแบบไม่รู้ตัวได้อย่างมีเสน่ห์ สิ่งที่ตามมาคือตัวเรื่องที่อาจไม่ใช่งานที่เร่งเร้าเอาเสียงหัวเราะหนักๆแบบงานรอมคอมทั่วไปแต่รู้สึกถึงเสน่ห์ของตัวเรื่อง นั่นเพราะนักแสดงฉายเสน่ห์ส่วนตัวลงไปในตัวละครทำให้ตัวละครมีเสน่ห์ทำให้กลายเป็นความน่ารักในทุกทางอาจไม่ใช่งานหวานซึ้งตรึงใจแต่เป็นหนังรักที่เห็นภาพความรักที่เป็นจริงในชีวิตจนดูแล้วอาจตกหลุมรัก อย่าหาความหวานหรือความซาบซึ้งใดๆจากหนังเรื่องนี้เพราะมันไม่มีแม้จะเรียกได้ว่าเป็นหนังโรแมนติกคอมมิดี้ก็ตาม เพราะหนังเลือกเล่าได้อย่างมีวุฒิภาวะประคองตัวไปตามครรลองไม่ให้มีอะไรขาดและไม่ให้มีอะไรล้นตามแนวหนัง เพราะเอาจริงถ้าว่ากันที่ความรักที่เล่าก็แทบจะมีทุกมิติแต่เลือกเล่าได้อย่างสามัญปานเป็นเรื่องจริงในชีวิตจริงไม่มีการกระทำใดที่เร่งเร้าความโรแมนติก แล้วหนังเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะไม่ใส่เหตุการณ์บีบคั้นทางอารมณ์มาเลยแต่เหมือนคนใช้ชีวิตประจำวันไปทุกวันฉับพลันเมื่อรู้ตัวก็ตกหลุมรักบางคนไปแล้ว ซึ่งสิ่งที่น่าเสียดายคือการไม่ได้ใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งเรื่องของการอยู่คนเดียวก็สุขบนความโสดกับการแสวงหาความรักที่ถ้าลงลึกได้กว่านี้จุดบรรจบจะมีอะไรสะกิดใจได้มากกว่า แต่เมื่อสุดท้ายแล้วเป็นแบบนี้ก็คือหนังที่ดูเพลินดูได้เรื่อยๆยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปตลอดทางอาจไม่ได้ง้างปากหัวเราะแต่ดูแล้วมีความสุข ส่วนหนึ่งอาจเพราะผู้เขียนชินแล้วกับการดูหนังแบบนี้หนังที่เล่าภาพความจริงในชีวิตให้ออกมาดูจริงและเรื่องนี้เลือกเล่าเรื่องจริงเกี่ยวกับความรักและการตกหลุมรักที่อาจไม่หวานซึ้งตรึงใจแต่เสน่ห์ก็แรงพอให้ตกหลุมรักดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5,6 / ภาพที่ 7 จาก Instagram lotteent.movie ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/13VmAQdVj7PZ https://entertainment.trueid.net/detail/8nAWlRJK3Ved https://entertainment.trueid.net/detail/AV8PG6lN54xV https://entertainment.trueid.net/detail/x27Gw8aqx7p2เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !