Movie Reviewธี่หยด (2566)ส่วนผสมชั้นดีของงานแอ็กชั่นตูมตามกับงานสยองกระตุกขวัญที่อาจไม่เนี้ยบเต็มร้อยแต่สนุกสมราคารายได้ถล่มทลายที่ย้ายมากระหึ่ม NETFLIXนานๆเขียนถึงหนังไทยสักทีที่ถ้าเป็นท่านที่ติดตามดูไปบ่นไปมานานก็จะพอทราบว่าต้องมีดีสักอย่างผู้เขียนจึงหยิบเอามาเขียนทั้งที่ค่อนข้างเลี่ยงที่จะเขียนถึงหนังไทย ยิ่งกับหนังผีด้วยแล้วผู้เขียนมักจะไม่ค่อยดูอาจเพราะเป็นคนไม่เชื่อเรื่องลี้ลับไม่กลัวผีไม่เชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้บางครั้งหนังผีที่ทำได้ไม่ถึงพอก็จะไม่สามารถทำอะไรต่อมความสนุกของผู้เขียนได้ กระนั้นถ้ามีหนังผีที่น่าดูและอาจมีเสียงบอกปากต่อปากมาช่วยว่าหนังผีเรื่องนั้นเรื่องนี้สนุกกระตุกขวัญได้หรืออาจจะมีความหมายโดยนัยที่สัมผัสได้ผู้เขียนก็ไม่เคยปฏิเสธ แต่การเขียนบทความถึงหนังไทยนั้นอาจไม่ค่อยมีบ่อยเพราะสารภาพอีกครั้งว่าผู้เขียนไม่ได้ติดตามวงการบันเทิงไทยอย่างจริงจังมานานคืออาจพอรู้แต่ไม่ลึกซึ้งถ่องแท้ ดังนั้นการเขียนแง่มุมใดก็ตามที่อาจกระทบกับความรู้สึกของผู้อ่านที่ถนัดทางหนังไทยมากกว่าก็อาจเป็นเรื่องที่ต้องเลี่ยงแต่ก็มีบ้างที่อดไม่ได้จริงๆนั่นคือหนังไทยบางเรื่องที่ต้องเขียนถึง เช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่ลูกชายคนโตไปดูในโรงแล้วมาบอกพ่อว่าถ้าลงสตรีมเมื่อไหร่พ่อต้องดูเพราะหนังดูสนุกเกินคาดแล้วจะพลาดได้ไงพ.ศ. 2515 เด็กสาวคนหนึ่งในชนบทในจังหวัดกาญจนบุรีเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาเมื่อได้ยินเสียงชวนขนหัวลุกธี่หยด… ธี่หยด จนเมื่อพี่ชายคนโตของบ้านชาวสวนชื่อยักษ์ (ณเดชน์ คูกิมิยะ) กลับมาบ้านหลังจากไปเป็นทหารเพื่อมาพบว่าแย้ม (รัตนวดี วงศ์ทอง) น้องสาวคนที่สี่ป่วยและมีอาการแปลกๆ โดยที่หยาด (เดนิส เจลีลชา คัปปุน) น้องสาวอีกคนสังเกตว่าไม่ใช่การป่วยปกติเพราะเธอได้ยินเสียงประหลาดตอนกลางคืนที่ว่าธี่..หยด...ธี่หยดแต่คนอื่นไม่ได้ยิน แล้วเมื่อตอนกลางคืนที่แย้มออกเดินจากบ้านยักษ์จึงได้รู้ว่าแย้มถูกผีเข้าสิงเขาจึงต้องสู้กับกับผีด้วยปืนและความกล้าที่มีเพราะยักษ์ไม่กลัวผี ยักษ์จึงต้องหาวิธีที่จะช่วยแย้มที่เป็นน้องสาวแล้วก็พบว่าวิญาณที่สิงในร่างแย้มเป็นวิญญาณชั่วร้ายที่หมายยึดเอาร่างของแย้ม แล้วยักษ์จะทำอย่างไรเมื่อเขาไม่ได้รู้วิธีที่ที่จะเอาชนะผีร้ายได้เขาจึงได้เชิญหมอผีมาแต่แล้วเหตุการณ์ก็บานปลายแล้วยักษ์จะช่วยน้องสาวได้หรือไม่ทำไมผีจึงต้องการร่างของแย้ม แล้วเรื่องราวจะลงเอยอยางไรเป็นที่น่าสงสัยและน่าติดตามอย่างยิ่งมีดีที่ความแข็งแรงของเรื่องเล่าที่อาจไม่เนี้ยบเต็มร้อยแต่มีทิศทางชัดเจน แรกเลยที่จัดว่าเป็นข้อได้เปรียบและอาจเรียกได้ว่าฉลาดใช้คือการมีเรื่องเล่าที่แข็งแรงด้วยความที่เรื่องผีหรือการเล่าเรื่องผีคือสิ่งที่อยู่คู่ความเป็นไทยเสมอแม้จะไม่มีใครพิสูจน์ได้แต่ก็บอกไม่ได้ว่าไม่จริง ดังนั้นการหยิบเอาเรื่องเล่าชวนขนหัวลุกเมื่อได้ฟังที่การฟังจะเกิดจินตนาการแล้วการเอาภาพจินตนาการมาเล่าเป็นเรื่องเป็นราวในเรื่องนี้คือข้อได้เปรียบเพราะเรื่องผีๆแบบนี้ต่อให้คนไม่กลัวผีก็ยังฟังอย่างสนุก กระนั้นถ้าว่ากันที่ความเป็นบทภาพยนตร์ก็ยังไม่เนี้ยบเต็มร้อยมีร่องรอยจุดเชื่อมโยงและแรงจูงใจที่เว้าแหว่งไปไม่น้อย แต่สิ่งเหล่านั้นอาจถูกชดเชยด้วยทิศทางของบทหนังที่ชัดในการสร้างความสงสัยว่าทำไมเพราะอะไรและจุดสุดท้ายจะเป็นแบบไหนที่ยอมรับว่าอึ้งไปเล็กๆเหมือนกัน ด้วยความที่หนังฝังเรื่องที่ซ่อนไว้เบื้องหลังไว้ที่ความจริงยังมีจุดที่คนดูอาจสงสัยแต่ไม่ได้รับคำตอบทั้งที่หนังพยายามเล่าผลเพื่อสงสัยเหตุแล้วพาไปยังบทสรุปที่กั๊กแบบเสียดายของ แต่การเดินเรื่องตรงไปตรงมาก็ทำให้หนังไหลลื่นไปได้อย่างเข้าทีเหมือนกันค่อยๆบดขยี้ก่อนที่จะเป็นหนังผีที่เหมือนหยิบเอาสิ่งที่เคยเห็นมาใช้ทั้งลูกเล่นและอารมณ์รวมถึงบรรยากาศ สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ดูสนุกคือการปูเรื่องที่ค่อยๆบดขยี้เพราะเป็นเรื่องเล่าจากอดีตที่ใน พ.ศ. นั้นคนดูอีกมากมายอาจไม่รู้ว่าบรรยากาศน่าขนลุกแบบนั้นมันมีจริงตามที่รกร้างทางเปลี่ยว นั้นก็คือการเอาบรรยากาศที่แค่เห็นก็เหมือนมีอะไรอยู่ตรงนั้นมาใช้อย่างได้ผลเพราะในชนบทเมื่อก่อนเป็นแบบนั้นจริงผู้เขียนยืนยันได้ สิ่งที่ตามมาคืออารมณ์ร่วมในความสะพรึงเหมือนจะเห็นอะไรบางอย่างก็ตามมาก่อนที่เมื่อถึงเวลาก็มาในลูกไม้เดิมคือ Jump Scare ด้วยภาพและเสียง แต่เมื่อบรรยากาศมันได้แล้วจากการค่อยๆบดขยี้เปิดมาทีละนิดชั้นเชิงแบบเดิมก็ยังได้ผลเพราะอารมณ์มันได้แล้ว ซึ่งความจริงก็เหมือนเคยเห็นมาในหนังผีมากมายที่เคยดูมาทั้งการไล่ผีที่สิงร่างที่มาพร้อมความเจ้าเล่ห์หรือแม้กระทั่งการเชือดเฉือนกันระหว่างคนจิตแข็งไม่กลัวผีกับผีในตอนท้ายก็ไม่ต่างจากหนังฆาตกรต่อเนื่องโรคจิตที่เคยๆ แต่ทุกอย่างได้ผ่านอารมณ์ร่วมที่ได้กับสิ่งที่ว่ามาแม้ว่าความผูกพันกับตัวละครจะน้อยเต็มทีแต่ก็ยังได้ผล อาจเหมือนเคยแต่ก็ดูใหม่ถ้าว่ากันที่นี่คือหนังไทยจากส่วนผสมของแอ็กชั่นตูมตามกับความสยองที่พอดี ด้วยลูกเล่นและชั้นเชิงก็เหมือนวัวเคยขาม้าเคยขี่ดูลูกเล่นแบบนี้ในฉากนั้นก็ต้องคิดถึงหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่กลับเป็นว่าดูสดใหม่เพราะเท่าที่นึกดูไม่เคยเห็นหนังผีไทยที่เป็นแบบนี้จะมีก็บุปผาราตรีที่ความสยองมาพร้อมความหลอนและความฮาแบบอยากปิดตาแต่ก็กลัวไม่ได้เห็น ซึ่งเรื่องนี้คือการลุกขึ้นสู้ของคนไม่กลัวผีที่สาดกระสุนใส่ผีแบบไม่สนสี่สนแปดเรื่องตรรกะและเหตุผลเพราะนี่คือสิ่งที่พอจะทำได้สำหรับพี่ชายคนโต หนังจึงออกมาเป็นส่วนผสมของงานแอ็กชั่นตูมตามเสียงทะลุโสตกับงานสยองขวัญที่ไม่มากไปไม่น้อยไปคือไม่ถึงกับแหวะแต่ก็ไม่เบาบาง แต่ที่น่าเสียดายคือความหลอนที่น้อยไปเพราะตั้งใจมาตุ้งแช่มากกว่าให้รู้สึกเย็นวาบที่ท้ายทอยแบบที่บุปผาราตรีเคยเป็นชนิดขนาดคนไม่กลัวผีอย่างผู้เขียนยังเหมือนมีอะไรแปลกๆ แต่กับเรื่องนี้มีแค่ความสนุกในแนวทางหนังแอ็กชั่นมากกว่าเป็นหนังที่จับอารมณ์หลอนๆแต่ไปที่ความสยองมากกว่าที่จะว่าไปกลายเป็นของใหม่ถ้าว่ากันที่นี่คือหนังไทยการแสดงที่อาจมีขาดมีเกินแต่ก็อยู่ในระดับที่ต้องชื่นชมเพราะจับต้องสิ่งที่ซ่อนหลังความเอะอะมะเทิ่งได้ ถ้าว่ากันที่นักแสดงอาจปฏิเสธไม่ได้ว่าเห็นเจตนาชัดในการขายคุณณเดชน์ คูกิมิยะในบทยักษ์ที่ไม่กลัวผีแถมยังท้าทายผีอย่างที่ไม่เคยมีพระเอกหนังผีจากหนังไทยเรื่องไหนที่เป็นแบบนี้ ซึ่งแม้ว่าผู้เขียนจะไม่ค่อยได้ติดตามแต่ก็ได้เห็นการแสดงของคุณณเดชน์มาบ้างที่ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้คือการแสดงที่ดูดีที่สุดเท่าที่เคยดูเขาแสดงมา ทว่าไอ้ที่ว่าดีที่สุดก็ยังมองเห็นความตั้งใจเกินไปบ้างในบางซีนหรืออาจเรียกได้ว่ายังมีขาดนิดเกินหน่อยแต่ไม่เป็นไรเพราะอย่างน้อยการสื่อสารความหมายที่แฝงไว้หลังความใจร้อนเอะอะมะเทิ่งก็ยังจับต้องได้กับการแสดงของเขา แต่ที่ผู้เขียนมองว่าทำได้ดีไม่แพ้กันแม้จะยังมีขาดบ้างเกินบ้างคือตัวละครสองพี่น้องหยาดกับแย้มของคุณเดนิส เจลิลชา คัปปุนและคุณรัตนวดี วงศ์ทองทีอาจเรียกได้ว่าควบคุมทุกอารมณ์ของคนดูได้อยู่หมัด จึงนับว่าเป็นที่น่าชื่นชมในส่วนของการแสดงถ้าไม่เอาไปเปรียบเทียบกับหนังต่างชาติเพราะอะไรที่ควรจับสัมผัสได้ก็ทำได้อย่างที่ควรอาจเหมือนส่วนผสมของหนังหลายเรื่องแต่ก็ไม่เป็นไรแค่ออกมาสนุกก็ดีถมไปเหมือนเป็นหนังผีที่มีความต่าง เอาจริงถ้าว่ากันที่ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนคือถ้าจะดูแบบจับผิดก็มีที่ให้ติมากมายแต่ถ้าเข้าใจว่าหนังมาเพื่อเป็นความบันเทิงเต็มพิกัดก็อยู่ในระดับที่ชอบ เพราะเมื่ออายุล่วงเลยมาขนาดนี้แล้วผู้เขียนมองหนังที่ได้ดูอย่างเข้าใจและมีจุดประสงค์ในการดูที่ชัดก่อนแล้ว นั่นคือเมื่อจะดูหนังเรื่องนี้ที่เป็นหนังผีก็ต้องการอารมณ์แบบนี้ที่อาจเคยเห็นในหนังผีฝรั่งมาบ้างหนังผีไทยบ้างแต่ไม่เป็นไรเพราะถ้าหนังต้องการมาให้สนุกคนดูดูสนุกก็จัดว่าน่าพอใจแล้ว ซึ่งกับเรื่องนี้อาจเหมือนเป็นความต่างไปเหมือนกับหนังฝรั่งมากกว่าที่ท้าทายความเชื่อและความกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็นเมื่อมนุษย์หาญสู้กับวิญญาณ ความมันส์จึงตามมาที่คงไม่ต้องอ้างอิงถึงหนังเรื่องไหนเพราะคนที่เคยดูจะรู้เองแต่เมื่อหนังมันดูสนุกดูเพลินมีความสยองมาพร้อมความสะใจตูมตามก็คือหนังที่มีเจตนาชัดและสามารถทำให้คนดูสนุกได้อย่างที่ต้องการ จึงกลายเป็นหนังที่ผู้เขียนอยากดูซ้ำกับหนังผีไทยตั้งแต่บุปผาราตรี (ภาคแรก) เป็นต้นมาดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Facebook M Studio ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องนี้https://entertainment.trueid.net/detail/g6QN14JVEmBn