สวัสดีครับ ช่วงนี้เพื่อน ๆ หลายคนคงกำลัง Work from home กัน หรือน้อง ๆ ก็ปิดเทอมกันอยู่ใช่ไหมครับ การอยู่แต่ในบ้านนาน ๆ เนี้ยบางทีเราก็เบื่อจนต้องหาอะไรดูแก้เหงากัน ผู้เขียนก็ไม่ต่างกันครับ จึงเป็นที่มาของการดูภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีธีมของเรื่องเป็นการย้อนเวลา ซึ่งในบทความนี้เราจะมารีวิว '2538 อัลเทอร์มาจีบ' ตามสไตล์ของผมกันครับเรื่องย่อ'ก้อง' เด็กหนุ่มที่เกิดมาในยุคปัจจุบัน ภายในครอบครัวที่มีปัญหามือที่ 3 ของพ่อ ('ตั้ม') และแม่ ('แหม่ม') โดยก้องบังเอิญค้นเพจเจอร์เก่าของพ่อในห้องเก็บของเจอ ว่าผู้หญิงที่เป็นประเด็นอีกคนหนึ่ง คือ 'ส้ม' หญิงสาวที่มาชอบพอตั้มตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ด้วยความเป็นเด็กทำให้ก้องทะเลาะกับพ่อ และตั้งใจจะโทรกลับไปหา 'ส้ม' ตามเบอร์ที่ส่งมาในเพจเจอร์ แต่โทรศัพท์ของเขาดันเกิดเหตุขัดข้อง ก้องจึงตัดสินใช้โทรศัพท์สาธารณะที่ตั้งอยู่หน้าบ้าน ทันใดนั้นฟ้าก็ผ่าเข้าที่ตู้โทรศัพท์อย่างจังจนพาก้องย้อนเวลากลับสู่ พ.ศ. 2538 และแล้วเรื่องราวยุ่ง ๆ ของตั้ม แหม่ม และส้ม ก็เกิดขึ้นให้ก้องได้ทราบความจริง จนนำไปสู่การแก้ไขเรื่องราวต่าง ๆ โดยเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ในลิงก์นี้ ชมภาพยนตร์ : 2538 อัลเทอร์มาจีบ หรือสามารถรับชม Netflix ผ่านกล่อง Trueid TV ได้แล้วนะครับนักแสดงนำแดนอรุณ รามณรงค์ รับบท ก้องพิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ รับบท ส้ม ชนินทร จิตปรีดา รับบท ตั้ม (วัยหนุ่ม) ชลกาญจน์ พวงน้อย รับบท แหม่ม (วัยสาว)อชิตะ ปราโมช ณ อยุธยา รับบท ตั้ม (ปัจจุบัน)วิชุดา พินดั้ม รับบท แหม่ม (ปัจจุบัน) จุดเด่นของเรื่องหลังจากการรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมสามารถแตกประเด็นจุดเด่นออกมาได้ 3 หัวข้อ โดยไม่เป็นการเปิดเผยเนื้อหาภายในเรื่องครับ1. บรรยากาศในปี พ.ศ. 2538 ที่สามารถเก็บรายละเอียดได้ดี มีสิ่งต่าง ๆ ที่อาจจะพบเห็นไม่ได้ในยุคปัจจุบัน แต่เป็นสิ่งที่นิยมกันในสมัยนั้นมากมายในเรื่อง เช่น เพจเจอร์ ที่ต้องกดเบอร์เพื่อโทรไปพูดข้อความให้พนักงานฟัง หรือตู้โทรศัพท์สาธารณะ เป็นต้น สิ่งเหล่าชวนให้คิดถึงความทรงจำในอดีตควบคู่ไปพร้อมกับการดูภาพยนตร์เรื่องนี้เลยครับ2. เพลงเก่า ๆ ที่เราลืมไปแล้ว ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้มีการสอดแทรกเพลงมากมายถึง 11 เพลง โดยบางเพลงเป็นเพลงเก่าที่เราเคยฟังเมื่อสมัยเป็นเด็ก หรือวัยรุ่น ทำให้เพลิดเพลินระหว่างการรับชมมากเลยครับ3. ปมของเรื่อง ถึงจะไม่แปลกใหม่ แต่การนำเสนอในมุมมองที่เด็กคนหนึ่งมองผู้ใหญ่ จึงทำให้การกระทำต่าง ๆ ของตัวละครแต่ละตัวสมเหตุสมผล และเชื่อมโยงระหว่างเวลาทั้งปัจจุบัน และอนาคตได้เป็นอย่างดีครับ รีวิวสไตล์ผมเองเป็นภาพยนตร์ไทยอีกหนึ่งเรื่อง ที่ถ้าหากคุณผู้อ่านมีเวลาว่าง และไม่รู้จะดูเรื่องอะไร ควรจะลองชมกันครับ โดยส่วนตัวคิดว่าอาจจะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่มีเนื้อหากินใจ หรือปมลึกลับซับซ้อนมากมายนัก แต่นำเสนอออกมาได้เบาสมอง พร้อมทั้งสอดแทรกความตลกขบขันตลอดทั้งเรื่อง ทำให้เรื่องนี้เหมาะสำหรับดูกันเป็นครอบครัว หรือไม่ก็ดูยามที่ไม่ต้องการใช้ความคิดมากนักครับคะแนน 7/10ขอบคุณภาพหน้าปกจาก MrMonoFilm ออกแบบโดย CANVA ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4