เครดิตภาพ Facebook Officialเมื่ออ่านพล็อตเรื่องก็เจว่าเป็นหนังมาร์เวลอีกแล้ว แล้วภาคนี้ฮีโร่ก็ไม่ใช่ประเภทลุยเดี่ยว แต่เป็นการสู้และถูกตามล่ากันเป็นทีม แถมโปสเตอร์ก็ดูว่าจะเน้นตลกมากกว่าเรื่องไหน ๆ ด้วยหนังเล่าถึง ปีเตอร์ ควิลล์ (Chris Pratt) เด็กผู้ชายที่โชคร้ายถูกมนุษย์ต่างดาวดูดขึ้นไปบนอวกาศ และ 26 ปีต่อมาเขาก็กลายเป็นอาชญากรอวกาศและตั้งฉายาให้ตัวเองว่า Star Lord ภารกิจล่าสุดคือเขาต้องไปขโมย Orb ภายในวิหารโบราณ เมื่อขโมยสำเร็จเขากลับไปยอมเอาของไปให้ Yondu (Michael Rooker) อีกทั้ง Orb ยังเป็นที่ต้องการอย่างมากของ Ronan(Lee Pace) มีพลังสามารถทำลายดาวทั้งดวงได้ ปีเตอร์จึงโดนล่าและประกาศจับไปทั่วจักรวาล โดยเฉพาะพวกนักล่าค่าหัวอย่าง กามอร่า (Zoe Saldana) , ร็อคเก็ต (Bradley Cooper) และ กรูท (Vin Deasel) ก็ไม่พลาดที่จะมาล่าตัวปีเตอร์ในครั้งนี้เครดิตภาพ Facebook Officialบอกคำแรกก่อนเลยว่านี่เป็นหนังมาร์เวลที่มีสไตล์มาก เพราะมากันเป็นทีม แถมบ๊องกันทั้งทีมด้วย ลักษณะการแต่งตัวและพล็อตหนังจะอินโทรย้อนยุคไปในยุค 70 ซักหน่อย ใครเป็นแฟนหนังแนวสไตล์ย้อนยุคน่าจะถูกใจ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดเห็นได้ชัดคือตัวละครทุกตัวมันกวนประสาทและตลก และตัวละครที่ผมชอบที่สุดกลับไม่ใช่พระเอก แต่กับเป็นเจ้าตัวรากไม้กรู๊ทที่แสนจะน่ารักน่าเอ็นดูฉากต่อสู้หรือสงครามอวกาศบอกเลยว่าเจ๋งใช้ได้ ฉีกความจำเจเดิม ๆ เพราะว่าส่วนมากจะสู้กันบนโลกเป็นส่วนใหญ่ ไม่เสียชื่อหนังจากค่ายมาร์เวล หนังให้ความสำคัญกับเทคนิคของภาพ โดยเฉพาะฉากอวกาศที่ในโลกแห่งความเป็นจริงจะมีแต่น้ำเงินดำ แต่ว่าในเรื่องนี้การเพิ่มสีให้จักรวาลมีรุ้งสวย ๆ ปนด้วย หากใครที่ได้ชมในระบบ 3D ก็คงได้รับอรรถรสจากเอฟเฟคต์เหล่านี้แบบเต็มอิ่ม แต่ผมไปดูแบบ 4DX มันเลยรู้สึกว่าเต็มอิ่มสุด ๆ แถมเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ผมดูในระบบดังกล่าวด้วย บอกได้เลยว่าคุ้มเงินมาก ๆเครดิตภาพ Facebook Officialมีดีย่อมต้องมีเสีย ส่วนที่เป็นข้อด้อยของภาพยนตร์เรื่องนี้คงจะอยู่ที่บทหนัง คือมันไม่มีอะไรแปลกใหม่เรียกได้ว่าธรรมดามาก หนังอวกาศพล็อตสู้กันแบบเดิม ๆ แต่คาแร็คเตอร์ของตัวละครคือจุดขายที่สำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้นั่นเอง แม้ว่าหนังจะมีความตลกโปกฮาก็จริงแต่ถ้าจะพูดถึงความสนุกของตัวภาพยนตร์ก็ต้องรอเข้าไปเกือบครึ่งเรื่อง บางฉากบางตอนจังหวะการเล่าเรื่องยังไม่ลงตัวเท่าไหร่นัก ส่วนความสามารถของตัวละครในเรื่องนี้ ถ้าเทียบกับฮีโร่ตัวอื่น บอกได้เลยว่าเกรียนมาก ความสามารถ เทคนิคการต่อสู้นี่ชิดซ้ายไปเลยเพราะว่าต้องใช้อุปกรณ์หลัก ๆ อย่างปืนเลเซอร์ช่วย ไม่ได้มีพลังพิเศษ มีแต่ความเกรียน แต่ก็แฝงไปด้วยเทคนิคการเอาตัวรอด เหมือนเจอสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง ก็ด้นสดตลอดคะแนนของเนื้อเรื่อง 8/10 หนังฉีกแนวฮีโร่มาร์เวลออกไปเยอะเลย ออกไปเล่นกันในอวกาศแทน เพราะว่าหนังมาร์เวลาส่วนมากสู้กันบนโลกมาเยอะแล้ว มาเจอการสู้ด้วยยานอวกาศบนGalaxy กันบ้าง แต่จะมีข้อด้อยตรงที่บทหนังไม่มีความแปลกใหม่เลยคะแนนเนื้อหา 8/10 ที่โดดเด่นก็น่าจะเป็นสงครามอวกาศช่วงกลางเรื่อง บอกเลยว่าเพิ่มสีสันให้จักรวาลกาแล็คซี่ที่โลกเรารู้จักอย่างมาก แต่ที่พูดถึงไม่ได้อย่างตัวละครไม้อย่าง I am Groot ที่เป็นขวัญใจของคนดูหลาย ๆคน เพราะตัวละครตัวนี้ต้องใช้CG ที่แนบเนียน ให้ออกมาเป็นต้นไม้ที่พูดได้ เดินและเคลื่อนไหวได้เครดิตภาพ Facebook Officialข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้1. เงินไม่สามารถซื้อได้ทุกอย่าง เช่น Orb ที่กลุ่มพระเอกพยายามจะนำไปขาย แต่เมื่อมารู้ว่าถ้าตกไปอยู่ในมือคนชั่ว พวกเขาก็เปลี่ยนใจถึงแม้ว่าจะไม่ทันแล้วก็ตาม และเข้าก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อยับยั้ง2. ความสามัคคีของทีม แม้ว่าจะมากันต่างที่ต่างทาง แต่เมื่อมีภัยเข้ามา พวกเขาก็สามัคคีและช่วยเหลือกันเสมอ แม้ว่าจะทะเลาะกันตลอดทาง ก็ถือว่าเป็นการละลายพฤติกรรมได้ดีหนังถือว่าทำได้ดีในแง่ของความบันเทิงและความตลกโปกฮา โดยต้องพยายามมองข้ามความเดาง่ายของบทหนังออกไป ถ้ามองข้ามได้หนังเรื่องนี้ก็จะเป็นหนังที่คลายเครียดด้วยมุกตลกหน้าตายอย่างดีเครดิตภาพปก Facebook Official