หลังดูจบก็อยากบอกว่านี่น่าจะเป็นหนังที่เรารักมากที่สุดของปีนี้เลย (แม้จะเป็นหนังของปีก่อน) เซอร์ไพรซ์ตั้งแต่วิม เวนเดอร์ส ผู้กำกับเรื่อง Paris, Texas (1984) และ Wings of Desire (1987) จะมาทำหนังญี่ปุ่นอย่างเรื่องนี้ แต่หนังก็ได้รางวัลจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ทั้งตัวหนังและนักแสดงอย่าง โคจิ ยาคุโช ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเขาแสดงได้หมดจดและเข้าถึงในความรู้สึกมาก ๆ แม้หนังจะไม่ได้ป้อนข้อมูลเยอะกับคนดูก็ตาม อีกทั้งหนังก็ยังได้เข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์นานาชาติยอดเยี่ยมประจำปี 2024 อีกด้วยแม้ภาพรวมจะดูเป็นหนังที่เรื่องเบาบางมาก ปมปัญหาของเรื่องและตัวละครก็แทบจะไม่มี แต่ก็ดูเพลิดเพลินมาก บรรยากาศผ่อนคลาย สบายใจ ได้ความตลกเล็ก ๆ เข้ามาแทรกเป็นช่วง ๆ เลยกลายเป็นหนังของวิม เวนเดอร์ส ที่น่ารัก ชอบที่หนังเล่าถึงชีวิตประจำวันซ้ำ ๆ ของตัวเอกแบบวนไปเรื่อย ๆ (ดูแล้วก็เหมือนมันเป็นหนัง time loop เลย 5555) ทั้งงานอดิเรก งานประจำ วันหยุด ซึ่งโปรดเลยชอบซีนที่พระเอกถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงไม้กวาดมาก ๆ เสมือนว่าเสียงนี้เป็นนาฬิกาประจำวันของทุกวันไปแล้ว (ขณะเดียวกัน คน ๆ นั้นที่กวาดถนนอยู่ ก็อาจจะใช้ชีวิตซ้ำเดิมเหมือนกันไม่ต่างจากพระเอกของหนัง)มีซีนที่เราประทับใจมากหลายซีนเช่นกัน เช่น พระเอกทำความสะอาดห้องน้ำ ก็ดูเพลิดเพลินและสนุกมาก ๆ ทั้งได้เห็นอะไรเก๋ ๆ ในห้องน้ำในสถานที่ต่าง ๆ ไปด้วย ซึ่งก็ยอมรับว่าห้องน้ำในหนังสวยมาก แล้วก็เป็นสถานที่ที่มีอยู่จริง (ดูแล้วอยากไปตามรอยห้องน้ำเลย) ส่วนในช่วงหลังของหนังก็มีซีนประทับใจอีกหนึ่ง เป็นซีนที่พระเอกคุยกับผู้ชายที่เป็นแฟนเก่าของเจ้าของบาร์ เป็นซีนที่น่ารัก อบอุ่น อ่อนโยน ความเล่นเหยียบเงากัน หัวเราะพูดคุยสนุกสนานกัน ดื่มเบียร์ด้วยกันในบรรยากาศอันเหงาหงอย ต่างคนต่างมีเรื่องปวดร้าวในใจ แล้วก็สิ่งที่ทำให้หนังมันมีความวิม เวนเดอร์สมาก ๆ ก็คือซีนที่พระเอกฝันแล้วเป็นขาวดำแทรกเข้ามา ซึ่งเป็นภาพสถานที่ ผู้คน ธรรมชาติ หรืออะไรก็ตาม ชอบทุกครั้งที่ซีนแบบนี้ปรากฎขึ้นมา เสมือนว่าเรากำลังดูหนังทดลองอีกเรื่อง แต่ขณะเดียวกันมันก็มีมนตร์สะกดบางอย่างที่ชวนพาไปท่องไปในโลกความฝันของพระเอกแต่สิ่งที่ทำให้เราชอบหนังอย่างสุด ๆ คือการที่หนังทำให้เหมือนได้เห็นภาพตัวเองหลายอย่างถึงความวนลูปของชีวิต วันธรรมดาก็ทำงานเดิม ๆ ซ้ำ ๆ วันหยุดก็ไปดูหนัง กินข้าว กลับบ้าน อาจได้เจอผู้คน เพื่อน ๆ หรือคนที่รู้จัก ความเหงา ความต้องการใครสักคนมาเติมเต็ม แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีความรู้สึกที่ว่าการอยู่คนเดียวก็อาจจะสบายใจกว่า อยู่ในที่ที่เราพอใจ ไม่ต้องการไขว่คว้าอะไรมากกว่านี้ เพลง หนังสือ ภาพยนตร์ มีเพียงสิ่งบันเทิงที่ขับเคลื่อนชีวิตต่อไปได้ รวมทั้งอาหาร เครื่องดื่ม สถานที่เซฟโซน ต้นไม้ ธรรมชาติ แม้กระทั่ง Komorebi หรือแสงแดดที่สอดส่องผ่านต้นไม้ มองทีไรก็ยังมีมุมที่งดงามเสมอ ซึ่งชีวิตมันก็เท่านี้จริง ๆ (แต่ใด ๆ ชอบการใช้เพลงเก่า ๆ เป็นส่วนประกอบให้กับหนังดูมีสีสันและมีเสน่ห์)ส่วนที่ประทับใจมากที่สุดคือซีนจบที่หนังปิดท้ายได้ดีมาก ทั้งทรงพลัง ถึงอารมณ์ เต็มด้วยความรู้สึกอันหลากหลายของตัวละคร ซึ่งสุดท้ายแล้วมันอาจหมายถึงอะไรต่างก็ได้ แต่ภาพที่ปรากฎอาจเป็นน้ำตาของความเศร้า น้ำตาของความสุข น้ำตาของชีวิต น้ำตาถึงความรู้สึกอันพรั่งพรูตอนที่ได้นึกถึงสิ่งต่าง ๆ อาจหมายถึงวันที่ผ่านมาทั้งวันที่ดีและวันไม่ดี แต่ชอบใจความของหนังมาก ๆ ที่ว่า แม้จะมีวันที่ผิดหวังบ้าง ทุกข์บ้าง แต่อย่างน้อยมันก็ยังมีวันที่เป็นของเราอยู่ วันที่สมบูรณ์สำหรับเรา วันที่เรามีความสุขและยิ้มกับสิ่งต่าง ๆ ได้"Perfect Days" ก็เป็นหนังดราม่าสุดเรียบง่ายของผู้กำกับในตำนานอย่างวิม เวนเดอร์ส เป็นหนังที่ดูง่ายย่อยง่าย ดีต่อใจทั้งคนดูทั่วไปและคอหนัง แม้เรื่องราวจะดูไม่ได้มีอะไรมาก แต่หนังกลับทำให้เราเพลิดเพลินและชวนน่าติดตามไปกับชีวิตอันแสนธรรมดาที่น่าหลงใหล ความงดงามของโลกและชีวิตที่ไม่ชวนเพ้อฝัน วันธรรมดาอันสมบูรณ์แบบในแต่ละคน และความหมายของชีวิตที่มอบได้อย่างอ่อนโยนและงดงาม สำหรับเราให้คะแนนหนังเรื่องนี้ที่ 10 เต็ม 10 ครับ***ที่กล่าวมาเป็นความคิดเห็นของผู้เขียน รสนิยมและความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ยังไงก็ไปลองดูและพิสูจน์กันได้ครับภาพยนตร์: Perfect Days (2023)ประเภทหนัง: ดราม่าผู้กำกับ: Wim Wendersผู้เขียนบท: Takuma Takasaki, Wim Wendersคะแนนจากผู้เขียน: 10/10ขอบคุณเครดิตภาพจากFacebook: MONGKOL CINEMA - ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !