"ถ้าพลาดรถแท็กซี่หนึ่งคัน นายอาจจะรอคันใหม่ได้ แต่ถ้านายทำใครสักคนหลุดมือ มันจะไม่มีอีกแล้ว" ลงจอ Netflix ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2564 สำหรับภาพยนตร์ Sweet and Sour รักหวานอมเปรี้ยว ภาพยนตร์แนวโรแมนติก คอมเมดี้ ของเกาหลีใต้ ที่ได้ จางกียง แชซูบิน และ คริสตัล ช็อง จากวง F(x) มารับบทแสดงนำ หนังเรื่องนี้จะนำผู้ชมไปพบกับปัญหาของคู่รักที่อยู่ห่างกัน กับคำพูดที่ว่า "รักแท้แพ้ระยะทาง" จะเป็นจริงมากแค่ไหนกัน เนื้อเรื่องโดยย่อSweet & Sour รักหวานอมเปรี้ยว เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติก คอมเมดี้ บอกเล่าเรื่องราวของคู่รักสมัยใหม่ที่ทุ่มเทชีวิตให้กับการทำงาน เพื่อจะได้มีอนาคตที่สดใส จางฮยอก รับบทโดย จางกียง พนักงานออฟฟิศที่ป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล ทำให้เขาได้พบกับ ดาอึน รับบทโดย แชซูบิน พยาบาลสาวสวย น่ารัก ผู้ดูแลเขาในขณะที่ป่วย ด้วยความใกล้ชิดเขาทั้งสองจึงชอบพอกันและคบหากัน ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งจางฮยอกได้รับโอกาสให้ไปทำงานยังสำนักงานใหญ่ของบริษัทในตำแหน่ง พนักงานสัญญาจ้าง ทำให้เขาได้พบกับ โบยอง รับบทโดย คริสตัล ช็อง พนักงานสัญญาจ้างอีกคนหนึ่งที่เข้ามาเป็นคู่แข่งของเขาในการพิชิตตำแหน่ง พนักงานประจำ และยังเป็นคนที่เข้ามาเติมรสเปรี้ยวให้กับชีวิตที่เคยหวานของเขากับดาอึน รักสามเส้าจึงเริ่มต้นขึ้น นักแสดงนำจางกียง รับบทเป็น จางฮยอก ชายหนุ่มพนักงานออฟฟิศ ผู้ทุ่มเทชีวิตให้กับการทำงานเพื่อตำแหน่ง พนักงานประจำ และอนาคตที่สดใส แชซูบิน รับบทเป็น ดาอึน พยาบาลสาวสวย น่ารัก แฟนสาวของจางฮยอก (ยัยตัวร้าย) คริสตัล ช็อง จากวง F(x) รับบทเป็น โบยอง พนักงานสัญญาจ้างที่เข้ามาเป็นคู่แข่งของจางฮยอก และรสเปรี้ยวในชีวิตของเขา การดำเนินเรื่องหากมองลึก ๆ แล้วเนื้อเรื่องของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างที่จะตรงไปตรงมาและธรรมดาเอามาก ๆ แต่กลับให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดในใจตลอดการดู ผู้ชมสามารถมีอารมณ์ร่วมกับตัวละครได้แบบ 100% อาจจะเป็นเพราะว่าเนื้อเรื่องของหนังเรื่องนี้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงของชีวิตมาก เราทุกคนมีโอกาสที่จะเจอเหตุการณ์แบบนี้ได้จากคนรอบตัวเรา หรืออาจเป็นเราที่ตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ซะเองในช่วงแรก ๆ ของหนัง อาจจะให้ความรู้สึกแบบหนังรักธรรมดา มีพบเจอกัน รักกัน ห่างกัน และเปลี่ยนไป คำกล่าวที่ว่า "รักแท้แพ้ระยะทาง" คงเป็นคำนิยามได้ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ ด้วยความที่อยู่ไกลกัน ถึงจะพอไปมาหาสู่กันได้แต่ด้วยระยะทาง ประกอบกับการที่งานหนักเพราะการแข่งขันที่สูง ทำให้ถึงแม้จะได้เจอกันแต่ก็แทบจะไม่ได้มีเวลาให้กันเลย เพราะความเหนื่อยล้า ปัญหาของเวลาและความไม่เข้าใจกัน จึงเป็นอีกประเด็นที่เริ่มผุดขึ้นมาในใจ ทำให้ทั้งสองคนเริ่มทะเลาะกัน และความสัมพันธ์ของทั้งสองคนอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้วแต่ในช่วงท้ายของเรื่องกลับทำให้เราอึ้งและช็อคเป็นอย่างมาก มันทำให้นึกย้อนกลับไปถึงต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ว่าสุดท้ายแล้วทุกอย่างมันก็เริ่มจากตัวเองเราเองทั้งนั้นที่ทำให้สถานการณ์มาถึงจุดนี้ จุดเด่นของเรื่องเข้าถึงได้ง่าย เพราะใกล้เคียงกับความเป็นจริงของชีวิตมาก เราทุกคนมีโอกาสที่จะเจอเหตุการณ์แบบนี้ได้จากคนรอบตัวเรา หรืออาจเป็นเราที่ตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ซะเองการดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างแปลกใหม่เมื่อเทียบกับหนังรักทั่วไป หนังเรื่องนี้สามารถทำให้ผู้ชมร้อง "ว้าว" หรืออุทานออกมาเลยว่า "มันอะไรกันเนี้ย ? " ได้อย่างแน่นอนเคมีของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นจางฮยอกกับดาอึน จางฮยอกกับโบยอง หรือแม้แต่อีจางฮยอก (ต้องไปดูเองนะว่าเขาคนนี้คือใคร) กับดาอึน จุดด้อยของเรื่องช่วงแรกของเรื่องค่อนข้างที่จะเดาทางได้เพราะเหมือนกับหนังรักธรรมดาทั่วไปตอนจบของเรื่องอาจจะยังทำให้ผู้ชมมีข้อสงสัยกับการกระทำของดาอึนอยู่บ้าง สิ่งที่หนังต้องการสื่อดูแลคนรักและความรักของคุณให้ดี หนักหน่อย เหนื่อยหน่อยก็ช่วยกันหาตรงกลางและประคับประคองกันไป เพราะถ้านายทำใครสักคนหลุดมือไป มันจะไม่มีอีกแล้ว โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ได้คะแนนจาก IMDB ไปที่ 6.8/10 แต่สำหรับ อยากเล่าหนัง คิดว่าเป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติก คอมเมดี้ ที่ควรดูมาก ๆ อีก 1 เรื่อง เพราะด้วยการดำเนินเรื่องที่ง่าย ทำให้ดูสนุก ไม่เครียด เข้าใจไม่ยากแล้ว สิ่งที่หนังต้องการสื่อยังน่าสนใจอีกด้วย แค่นี้ก็คงเป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วที่จะให้ทุกคนไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้กัน อยากเล่าหนัง จึงขอให้คะแนนที่ 8.5/10 หวังว่าผู้ชมทุกท่านจะสนุกและเซอร์ไพรส์กับภาพยนตร์เรื่องนี้กันนะ ขอบคุณภาพประกอบจากOfficial Instagram : netflixth : ภาพปก 1 // 2 // 3Official Twitter : Netflix Korea : ภาพที่ 1 Official Facebook : NetflixKR : ภาพที่ 2 // 3 // 4 // 5 // 6 // 7 // 8 // 9 // 10 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !